ตอนที่72อยู่ต่อ
“ไม่ต้องอะไรๆก็คุกเข่า ลุกขึ้นมาก่อนค่อยพูด”โล่หวินหลานเหมือนจะทนไม่ไหว
นางหนักเหมือนก้อนหินลากให้ลุกขึ้นยังไงก็ลากไม่ขึ้น
หรูซูสะอึกสะอื้นและพูดขึ้น“หากพระชายาไม่ให้ข้าน้อยอยู่ที่นี่ข้าน้อยจะคุกเข่าไว้อย่างนี้ไม่ลุกขึ้นไปไหน”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
โล่หวินหลานปริตามองขึ้นแผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงสีแดงแสงอาทิตย์สีแดงที่สาดส่องลงมาอย่างสวยงามและนางกำลังไตร่ตรองทันใดนั้นนางก้มหน้าลงมองหรูซูที่กองอยู่บนพื้นนางยื่นมือไปดึงนางขึ้นมา
“ลุกขึ้นก่อนให้เจ้าอยู่ที่นี่ชั่วคราว”
แววตาของหรูซูเต็มไปความสุขและนางกล่าวขอบพระคุณ“ขอบคุณพระชายาที่เมตตา”
ถึงแม้นางเป็นคนที่ช่วยมากลางทางแต่ดูๆแล้วนางก็เป็นหญิงสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆถ้านางไม่มีที่ไปอยู่ที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ตอนเดินจากไปเย่หวินทำหน้างงและเดินตามหลังโล่หวินหลานนางอยากพูดอะไรบางคำออกมาแต่ก็ไม่กล้า
โล่หวินหลานมองสีหน้าที่นางที่แสดงให้เห็นว่ามีอะไรค้างคาใจรู้เลยว่านางจะอยากอะไรแค่นางไม่ได้เอ่ยปากยุคสมัยนี้คนเราซ่อนความรู้สึกไว้ในใจไว้ไม่เผยออกมานี่ขนาดเพื่อนบ้านกันยังไม่สนิทกันเลยเผชิญกับสภาวะแบบนี้คนเราต้องมีความไว้ใจกันเยอะมากขึ้น
หลังจากออกที่โซนทิศเหนือของตำหนักโล่หวินหลานก็เจอโม่ฉีหมิงเขากำลังคุยกับสวินโม่อยู่ห้องหนังสือนางเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆบ่าวเดินเข้ามายกน้ำชาแล้วเดินออกไป
ยังดีที่นางเดินเข้ามาทั้งสองกำลังพูดจบกันพอดีโล่หวินหลานรู้สึกว่ายังไงก็ต้องเล่าเรื่องของหรูซูให้โม่ฉีหมิงฟัง
“ฉีหมิงข้าให้ผู้หญิงที่เมื่อวานเราช่วยอยู่ที่นี่จริงๆนางก็น่าสงสาร....”โล่หวินหลานพูดด้วยเสียงต่ำแววตาเปล่งออกจากซึ่งความอ่อนโยน
ตอนที่นางเตรียมไว้จะพูดยังพูดไม่จบโม่ฉีหมิงก็พยักหน้าพูดด้วยความไม่สนใจ“ข้ารู้แล้วจะอยู่ก็อยู่สิ”
“จริงหรอ?นางรู้สึกตกใจเบาๆ”
โม่ฉีหมิงพยักหน้าอีกรอบและยังคงสีหน้าเดิมก้มหน้ามองตรงหนังสือเอกสารที่มองไว้บนโต๊ะสายตาของเขาดูนิ่งเฉยแต่ยังมีความน่ากลัวซ่อนอยู่มุมปากของเขากระตุกขึ้น
ให้หญิงสาวคนนั้นอยู่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวเรื่องอะไรบางคนต้องในสายตาตลอดเวลาถึงจะมองออกว่านางเป็นยังไง
สวินโม่นั่งอยู่ข้างๆจิ๊บน้ำชาไปและฟังพวกเขาคุยกันไปและเหมือนจะสนใจอะไรขึ้นมา“หญิงสาวแบบไหน?”
เขาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจตั้งแต่เขารู้จักโม่ฉีหมิงก็รู้ว่าเขาไม่เคยมองหญิงใดไม่ว่าจะเป็นหญิงแบบไหนก็ไม่เคยเหลียวแลนอกจากโล่หวินหลานแต่ว่าวันนี้กลับยอมให้หญิงที่ช่วยเมื่อวานอยู่ที่นี่ต่อไปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
โล่หวินหลานมองเขาคิดอยู่แล้วว่าสวินโม่ก็ไม่ใช่คนนอกเลยบอกความจริงออกมา“เมื่อวานกลับจากวังหลวงกลางทางก็ช่วยหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกข่มขืนนางตามพวกข้ามาตลอดทางเลยพานางเข้าตำหนักวันนี้รุ่งเช้านางก็ขยันขันแข็งทำความสะอาดห้องเพื่อขอให้นางเองมีข้าวกินจริงๆนางก็ขยันฉะนั้นข้าทำตามอำเภอใจให้นางอยู่ที่นี่เอง
ไม่ ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ แค่เจ้าตัดใจสินไปแล้วค่อยมาบอกข้า
นางนึกว่าโม่ฉีหมิงจะโกรธซะอีกนึกไม่ถึงว่าเขาตอบกลับมาแบบนี้
ช่วยหญิงสาวที่ไม่รู้จักข้างถนนงั้นหรือ?สวินโม่เข้าใจอะไรบางอย่างสายตาของเขานิ่งเฉยตอนนี้คนที่ต่อต้านหมิงอ๋องมีมากมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายตอนนี้พระตำหนักมีแต่คนออกไม่มีคนเข้า แล้วทำไมถึงให้คนที่ไม่มีที่มาที่ไปมาอยู่ในตำหนักได้
โม่ฉีหมิงบ้าไปแล้วหรือยัง?
สวินโม่ใช้สายตาจ้องมองโม่ฉีหมิงหน้าของเขานิ่งผิดปกติเขาอาจจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกหรือเขาอาจมองเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะเหตุผลใดต้องจับจ้องหญิงสาวผู้นี้ไว้และให้ระวังตัวมากๆ
“สุภาษิตที่ว่าท่านหมอที่ดีต้องมีจิตเมตตากรุณานี่ไม่ผิดจริงๆ”สวินโม่ไม่รู้จะตอบอะไรได้แค่ทำเป็นชื่นชม
แต่ว่าโล่หวินหลานรู้สึกเขาชมแบบแปลกๆ
นางก้มหน้าแล้วจิ๊บชาไปเหมือนมีความในใจ“ท่านหมอที่มีจิตเมตตาตำหนักสวินไม่มีหรือไง?”
คำพูดนี้บาดใจมากสวินโม่จิ๊บชาไปแบบเงียบๆและวางแก้วลงกวาดสายตามองไปทางโล่หวินหลานคิ้วของนางขมวดคิ้วนัยต์ตาที่โปรงใสเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างลูกตาหมุนไปหมุนมาดูๆแล้วเหมือนความซึมเศร้ามากอบกุมใจนางอยู่
“เดี๋ยวพวกข้าไปน้อมทักทายฮองเฮาและนำหยกแดงที่เสด็จของข้าได้มาจากซันซีถวายให้ท่าน”สีหน้าของต้วยกุ้ยเฟยดีขึ้นและใช้เสียงอ่อนโยนคุยกับหมิงเย่ว
หยกแดงอำพัน?หมิงเย่วรู้ที่มาของหยกแดงซึ่งเป็นหยกที่หายากมากและนางเม้มปากเบาๆ“นายหญิงเจ้าคะหยกนี้ไม่ใช่หยกที่ได้มาจากนายท่านปกติท่านหญิงยังไม่กล้าใช้เลย......”
ถ้าเสียดายลูกก็จับหมาป่าไม่ได้ต้วนกุ้ยเฟยกัดฟันพูดในใจคิดว่าเอาของที่ดีที่สุดถวายให้เย่ฮองเฮาทั้งสองจะได้ร่วมมือกันทำบางอย่าง
“อย่ายุ่งรีบไปเอามาและห่อด้วยความสวยงาม”ต้วนกุ้ยเฟยรู้สึกใจหายเบาๆนางหลับตาลงพอนึกถึงของรักก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
หมิงเย่วไม่ยุ่งอีกนางเอามุกที่ล้ำค่าที่สุดเสียบบนผมตัวเองและสั่งบ่าวคนอื่นยกอาหารเช้ามาก่อนแล้วค่อยเดินไปที่ห้องกักเก็บของ
พอกินอาหารเสร็จต้วนกุ้ยเฟยพาหมิงเย่วไปพระตำหนักของฮองเฮา
เย่ฮองเฮาทำหน้านิ่งเฉยเหมือนรู้แต่แรกว่าวันนี้จะมีใครมาเยี่ยมเยือนนางสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำชาไว้แต่แรกพอเห็นต้วนกุ้ยเฟยเข้ามาและเหยียดรอยยิ้มให้นาง“เข้ามาสิมานั่งทางนี้”
“กลิ่นหอมของชาในพระตำหนักฮองเฮาได้กลิ่นตั้งแต่ที่ไกล“ต้วนกุ้ยเฟยทูลบอกนางจิบไปคำเดียวเป็นชาที่ทั้งหอมและรสชาติดีเยี่ยม
เย่ฮองเฮาจับเครื่องหยกบนศีรษะเบาๆและตอบกลับ“ชานี้เป็นฝ่าบาทมอบให้ถ้าน้องหญิงรู้สึกหอมหรือฝ่าบาทไม่ได้มอบให้หรือ?บรรดานางสนมอย่างพวกข้าไม่ได้มีชีวิตเพื่อพึ่งฝ่าบาทอย่างเดียวการได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทก็เป็นสิ่งสำคัญ”
หลังจากที่ฟังฮองเฮาพูดจบต้วนกุ้ยเฟยหน้าเริ่มแดงและมิยังอาจพูดอะไรออกมาในใจกำลังคิดถึงจุดมุ่งหมายที่เข้าเฝ้าวันนี้เลยได้แต่ฟังแต่มิกล้าพูดอะไรใดๆ
“เจ้าค่ะพี่หญิงพูดถูกพวกข้าคือสตรีหญิงแก่แล้วจะให้ไปเปรียบนางสนมที่พึ่งเข้าวังคงเป็นไปไม่ได้ฉะนั้นชีวิตให้สุขเป็นสิ่งสำคัญ”ต้วนกุ้ยเฟยรู้สึกใคร่ครวญถึงทุกคนผ่านชีวิตเยี่ยงนี้มาไม่ยกเว้นแม้แต่นาง
สามารถเป็นนางสนมในทุกวันนี้ความสวยความงามและความเฉลียวฉลาดคงไม่มีไม่ได้
เย่ฮองเฮารู้สึกไม่พอใจเบาๆไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อแต่นางยังคงหน้ายิ้มนางตั้งใจฟังคำพูดต่อไปที่ต้วนกุ้ยเฟยจะพูดต่อนางจะมีฝีมือการแสดงได้นานแค่ไหน
“น้องหญิงยังอ่อนเยาว์ขนาดนี้และยังมีพระโอรสถึงสองคนต่อไปจะกลัวอะไรไปทำไม?เหล่าบรรดาพระสนมต่างก็อิจฉาน้องหญิง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก