ตอนที่ 109 ฉันรู้หมดแล้ว
พอมู่น่อนน่อนทานข้าวกับเฉินเจียฉินน้อยเสร็จก็ออกมาทันที
แต่ก่อนออกมาเธอก็ทำสัญญากับเฉินเจียฉินน้อยสามข้อก่อน ห้ามทำห้องรก ห้ามไปติดบัญชีอีก ห้ามเถลไถล
ตอนแรกเฉินเจียฉินน้อยก็ไม่เห็นด้วย แต่มู่น่อนน่อนก็หัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “ถ้าไม่เชื่อฟังฉันจะบอกเฉินถิงเซียวว่านายอยู่ที่นี่”
“คนทั่วไปไม่มีทางได้เจอเขาหรอก”
รอยยิ้มของมู่น่อนน่อนกว้างขึ้นกว่าเดิม “ฉันถ่ายรูปเขามาได้นะ”
เฉินเจียฉินน้อยพยักหน้าอย่างยอมจำนน จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “เธอเป็นใครกันแน่”
“ไม่บอกนายหรอก”
เฉินเจียฉินน้อย “......”
......
ตกกลางคืน มู่น่อนน่อนก็ได้รับสายจาก”เฉินเจียฉิน”
พอเริ่มเปิดปากเขาก็พูดเลยว่า “ไม่กล้ามาเหรอ ?”
ตอนนี้เองมู่น่อนน่อนถึงได้นึกถึงเรื่องที่เขาพูดเมื่อตอนเช้าขึ้นมาได้
มู่น่อนน่อนกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เธอกลับห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ออกเดินทางไปร้านอาหารจีนติ่ง
พอมู่น่อนน่อนไปถึงหน้าประตู ก็เจอเข้ากับกู้จือหยั่น
พอกู้จือหยั่นเห็นมู่น่อนน่อน ก็ทำสีหน้าดีอกดีใจ สายตาน้อยๆของเขาเหลือบมองไปทางด้านหลังของเธอ “น่อนน่อน เธอมาได้ยังไง เธอมาคนเดียวเหรอ”
“ไม่ต้องมองแล้วค่ะ ฉันมาคนเดียว” มู่น่อนน่อนรู้อยู่แล้วว่า กู้จือหยั่นกำลังมองว่าเสิ่นเหลียงมากับเธอด้วยหรือเปล่า
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้จือหยั่นเริ่มเจื่อนไป
เขารู้อยู่แล้วว่าเสิ่นเหลียงกำลังทำโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่แล้ว เสิ่นเหลียงกับมู่น่อนน่อนสนิทกัน ดังนั้นพอเขาเจอมู่น่อนน่อน ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเสิ่นเหลียง
กู้จือหยั่นเดินเคียงบ่าเข้าไปด้านในพร้อมกับเธอ “เธอมาที่นี่เพื่อมาทานข้าวหรือมาหาคน”
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ฉันมาหาเฉินถิงเซียว เขาเรียกฉันมา”
“ถิงเซียวเหรอ ฉันรู้ว่าเขาอยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันพาเธอไป......” พอกู้จือหยั่นพูดถึงตรงนี้ถึงได้สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สีหน้าเขาอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มอธิบายกับมู่น่อนน่อนอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า “ฉันหมายความว่า......”
“ฉันรู้หมดแล้ว ‘เฉินเจียฉิน’ก็คือเฉินถิงเซียว ฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว แล้วเขาก็บอกทุกอย่างให้ฉันฟังหมดแล้ว ต่อไปคุณก็ไม่ต้องช่วยเขาปิดบังแล้วนะ”
เพราะสีหน้าท่าทางของมู่น่อนน่อนเป็นธรรมชาติมาก ทำให้กู้จือหยั่นไม่ได้สงสัยอะไรมากแล้วเชื่อคำพูดของเธอทันที
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกได้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นค่อนข้างใส่ใจมู่น่อนน่อน หากทั้งสองคนจะสารภาพต่อกันมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
พอคิดแบบนี้ กู้จือหยั่นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย “งั้นก็ดีแล้วล่ะ......”
ร่องรอยสุดท้ายของความสงสัยในใจมู่น่อนน่อนถูกลบออกไปจนหมด “เฉินเจียฉิน” ก็คือเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่ได้เสียโฉม ไม่ได้ไร้มนุษยธรรม และไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ข่าวลือ
ข่าวลือเป็นแค่เรื่องโกหก
เฉินถิงเซียวที่เธอคิดว่าเหยื่อผู้บริสุทธิ์และมักจะถูกหัวเราะเยาะและโดนดูถูกอยู่เสมอนั้น ไม่มีอยู่จริง
บนโลกนี้มีเฉินถิงเซียวแค่คนเดียว เขาร่างกายแข็งแรง รูปร่างหล่อเหลา เป็นทายาทเศรษฐีผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเจดีย์ทองคำ
เขาไม่จำเป็นต้องได้รับความสงสารจากเธอเลย แล้วเขาก็สามารถทำให้เธอเป็นลูกไก่ในกำมือได้ด้วย
“ใช่แล้ว ค่อนข้างดีเลย”
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภายในใจของเธอกลับหนาวเหน็บ
เฉินถิงเซียวแสร้งแสดงเป็นสองบทบาท หลอกให้เธอหลงเชื่อ พอนึกสนุกขึ้นมาก็แอบฉวยโอกาสเธอ จากนั้นก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว แล้วคอยมองดูจากด้านบน
เพิ่งสิ้นเสียง มู่น่อนน่อนก็รู้สึกว่าที่บริเวณเอวมีแขนอันแข็งแกร่งโอบเข้ามา
เฉินถิงเซียวดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก แล้วโอบเธอไปนั่งที่มุมสลัวด้านในสุดของห้องส่วนตัว
มุมนี้บดบังสายตาของผู้คนได้พอดี ถ้าคนอื่นไม่สังเกต ก็แทบจะไม่มีใครรู้ว่ามีคนนั่งอยู่ที่นี่
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวจะเล่นไม้ไหน แต่ว่าเพียงไม่นานเธอก็ได้รู้
ทั้งสองคนเพิ่งเข้ามานั่งไม่นาน ก็มีอีกคนเข้ามาในห้องส่วนตัว แถมยังเป็นคนที่คุ้นเคยดี เสิ่นชูหาน
พอเสิ่นชูหานเข้ามา ก็ถูกคนลากให้ไปนั่งตรงที่นั่ง
จากนั้นก็มีคนพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาส่ง
พอผู้หญิงคนนั้นเข้ามาก็ไปนั่งข้างเสิ่นชูหานทันที ยิ่งนั่งก็ยิ่งใกล้ชิด สุดท้ายเลยเข้าไปนั่งในบนตักของเสิ่นชูหาน เสิ่นชูหานกึ่งดันกึ่งผลัก แต่ก็ไม่สามารถผลักผู้หญิงคนนั้นออกไปได้......
มู่น่อนน่อนเบือนหน้าไปอีกทาง ถ้ามองครั้งเดียวเธอก็รู้สึกตาร้อนแล้ว
แต่จู่ๆเฉินถิงเซียวที่อยู่อีกด้านกลับพูดขึ้นว่า “ทำไม ? เห็นคนที่ตัวเองชอบไปกอดผู้หญิงคนอื่น เสียใจเหรอ”
เดิมทีอารมณ์ของมู่น่อนน่อนก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอถูกเฉินถิงเซียวถามแบบนี้ ก็เลยตอบสวนกลับไปทันที “ใช่สิ เสียใจมากเลย”
ในที่สุดเธอก็เข้าใจเป้าหมายที่เฉินถิงเซียวเรียกเธอมาแล้ว เขาคิดว่าเธอกับเสิ่นชูหานเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นหรือ ดังนั้นเลยเรียกให้เธอมาดูเสิ่นชูหานทำเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นสินะ
น่าคลื่นไส้ !
เสิ่นชูหานทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ เฉินถิงเซียวเองก็เหมือนกัน!
พอเธอพูดจบ ก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของผู้ชายที่อยู่ข้างๆ
เธอคลี่ยิ้ม แล้วโน้มตัวไปกอดเขา น้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันแค่ล้อเล่น ก็คนที่ฉันชอบตอนนี้คือคุณนี่นา”
ขณะที่มู่น่อนน่อนพูด ก็ยืนมือไปลูบแผ่นอกเขาไปด้วย......
เธอกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “ดูท่าว่าคุณเองก็จะชอบฉันมากเหมือนกันนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...