บทที่ 159 ในหัวใจมีเพียงคุณ
คนที่ลงบันทึกคือตำรวจหนุ่มประสบการณ์น้อย ทั้งมู่น่อนน่อนและเสิ่นเหลียงทำเป็นไร้เดียงสาและทำตัวน่าสงสาร พวกเขาก็เชื่อไปกว่าครึ่ง มันยากที่จะเชื่อว่าพวกเธอสองคนที่เป็นผู้หญิงบอบบางจะทำให้ผู้ชายสองคนหน้าบวมจมูกเขียวได้
แม้ว่าตำรวจจะมีข้อสงสัยในใจ แต่เรื่องแบบนี้แม้จะแจ้งชัดแก่ใจว่ามู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงเป็นคนตีจริงๆ ก็จะไม่พูดโพล่งออกมา เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เกลียดพวกคนชอบล่วงละเมิด
เรื่องราวหลายสิ่ง ไม่ใช่ว่าใช้เหตุผลแล้วจะสามารถพูดคุยกันเข้าใจได้ สามารถลงมือให้คนที่มีความคิดชั่วร้ายจดจำไปอีกนานแสนนานได้ก็ไม่เลว
ผู้ชายสองคนนั้นที่ถูกตีโดยธรรมชาติแล้วแน่นอนว่าก็ไม่ยินยอม
หนึ่งในนั้นส่งเสียงออกมาว่า “คุณตำรวจ เธอเป็นคนทำร้ายผมจริงๆ นะ ผมสาบานต่อสวรรค์!”
ตำรวจหน้าตาเคร่งขรึม เอ่ยถามอย่างจริงจัง “มีหลักฐานไหม”
คำถามนี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์
ประตูทางเข้าห้องแต่งตัวมีกล้องวงจรปิด แต่ข้างในไม่มี เพื่อความปลอดภัยคนที่จ้างให้พวกเขาถ่ายรูปเสิ่นเหลียงจึงให้คนมาเอาทั้งหมดออกไป แล้วจะให้พวกเขาไปหาหลักฐานมาจากไหน
ผู้ชายคนนั้นไม่พอใจ “หลักฐานแน่นอนว่าก็ต้องให้พวกคุณตำรวจไปตรวจสอบสิ!”
มู่น่อนน่อนมองไปยังผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับพูดอย่างจริงจัง “พวกคุณสามารถเลือกที่จะฟ้องพวกเราได้”
ชายคนนั้นจ้องเขม็งไปยังมู่น่อนน่อน และไม่พูดอะไรอีก
ไปฟ้องร้องคดีเล็กๆ แบบนี้ ก็มีแต่จะเสียเงินเสียอารมณ์สิไม่ว่า สุดท้ายแล้วต่อให้ชนะก็ได้เงินไม่เท่าไร อีกอย่างพวกเขาแค่ทำงานแลกเงิน จึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ท้ายที่สุดสองคนที่มาถ่ายรูปเสิ่นเหลียง ไม่เพียงแต่ถูกเสิ่นเหลียงกับมู่น่อนน่อนตีจนหน้าบวมจมูกเขียว ยังต้องถูกขังที่สถานีตำรวจอีกครึ่งเดือน
……
เฉินถิงเซียวที่ตามกู้จือหยั่นมาด้วย ตอนที่กู้จือหยั่นกำลังพูด ตลอดเวลาเขาไม่ได้ส่งเสียงออกมาเลย
ตอนที่ออกไป มู่น่อนน่อนเดินผ่านหน้าเขาไป จู่ๆ ก็ถูกเขาจับแขนโดยไม่คาดคิด
มู่น่อนน่อนพยายามดึงแขนออก แต่กลับไม่สำเร็จ เธอทนไม่ไหวเงยหน้ามองเขา กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินน้ำเสียงบางเบาของเฉินถิงเซียว “ไม่เป็นไรนะ”
เมื่อคืนทั้งสองคนทะเลาะและแยกกัน มู่น่อนน่อนสีหน้าไม่ดี “คุณอยากให้ฉันเป็นอะไรล่ะ ปล่อย!”
ที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับผู้ชายคนนี้คือเอะอะก็กระชากลากถูเธอไม่ยอมปล่อย
ตอนที่พบคนถูกตาต้องใจ จะรู้สึกว่าแม้เขาแคะจมูกก็ดูดีไปเสียหมด แต่ตอนที่ไม่ถูกตาต้องใจ แค่เห็นเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตา
รูม่านตาของเฉินถิงเซียวหดตัวลงทันที อารมณ์ในดวงตามีความซับซ้อนและยากที่จะแยกแยะ
สองวินาทีต่อมา เขาก็ปล่อยมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเดินตรงผ่านเขาออกไป
ถึงห้องโถงสถานีตำรวจ ก็เห็นเสิ่นเหลียงล้อมรอบด้วยสองตำรวจหญิง ต่างพูดคุยและหัวเราะกัน
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปใกล้เล็กน้อย ก็ได้ยินการสนทนาของพวกเธอ
“คุณวางใจนะคะ พวกเราจะช่วยต้อนรับสองคนนั้นให้คุณอย่างดี!”
“ฉันเกลียดคนที่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้มากที่สุดค่ะ...”
“ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณจะถูกปล่อยออกมาเดือนหน้าใช่ไหมคะ”
“ถ่ายรูปกัน”
มู่น่อนน่อนยืนยิ้มอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินเข้าไปอีก
ตำรวจหญิงสองคนนั้นยังมีงานอื่น จึงรีบถ่ายรูปกับเสิ่นเหลียง แล้วก็จากไป
“การเป็นดารานี่มันดีจัง อยู่ที่ไหนก็สามารถพบแฟนคลับได้ แถมพวกเธอยังจะช่วยระบายอารมณ์ให้เธออีก!” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปส่งเสียงล้อเลียนเธอ
“ใช่แล้ว” เสิ่นเหลียงกอดไหล่มู่น่อนน่อนและถามเธอว่า “แล้วเมื่อไรเธอจะกระโดดออกจากหลุมไฟบริษัทมู่ซื่อมาเขียนบทล่ะ”
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่บริษัท ได้รับสายว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในสตูดิโอเสิ่นเหลียง คนที่โทรหาเขาไม่รู้จักมู่น่อนน่อน แต่บอกว่าเสิ่นเหลียงอยู่กับเพื่อน เขาคิดดูก็รู้ว่าคือมู่น่อนน่อน
ดังนั้นเขาจึงเรียกเฉินถิงเซียวให้ตามมาด้วย
ตอนนั้นเขาร้อนใจมาก เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขานัก หลังจากได้ยินเรื่องนี้ก็รีบหยิบเสื้อนอกแล้วรีบมาพร้อมกับเขา
เมื่อครู่ที่เข้าไปเขาก็ยุ่งอยู่กับการดูแลเสิ่นเหลียง เมื่อคิดขึ้นมาตอนนี้ถึงได้พบว่าหลังจากที่เฉินถิงเซียวมา เหมือนว่าไม่ได้คุยกับมู่น่อนน่อนมากนัก
เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ
เสิ่นเหลียงเตะเท้ากู้จือหยั่นเงียบๆ
กู้จือหยั่นออกไปอย่างรู้กาลเทศะ
เสิ่นเหลียงช่วยประคองมู่น่อนน่อนเดินออกไปข้างนอกช้าๆ และถามเธอว่า “พวกเธอสองคนยังไม่คืนดีกันอีกเหรอ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่งานเลี้ยง”
“ไม่ใช่” มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “เป็นเรื่องอื่นน่ะ”
เห็นสีหน้ามู่น่อนน่อนค่อนข้างหนัก เสิ่นเหลียงก็ขมวดคิ้วตาม แต่ยังพูดอย่างระมัดระวัง “ฉันรู้สึกว่าเจ้านายใหญ่ก็ดีนะ”
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าทำไมเสิ่นเหลียงถึงคิดอย่างนั้น เธอยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันรู้สึกว่ากู้จือหยั่นก็ดีนะ”
“เขาน่ะเหรอ...” เสิ่นเหลียงส่ายหน้าและอ้อมแอ้มพูด
มู่น่อนน่อนถอนหายใจแล้วหยุดก้าวเดิน พูดอย่างไม่เคยมีความอิจฉา “ถึงแม้กู้จือหยั่นจะดูค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาจริงใจกับเธอนะ คนที่มีดวงตาที่สามารถมองออกได้ว่าในดวงตาและในดวงใจเขามีเพียงผู้หญิงคนเดียวคือเธอเสิ่นเหลียง ไม่มีที่เหลือเผื่อใครอีก แต่เธอดูเฉินถิงเซียวสิ เธอสามารถมองออกได้ไหมว่าในดวงตาและในดวงใจเขามีแต่ฉัน”
เสิ่นเหลียงถูกมู่น่อนน่อนถามคำถามนี้
เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวดีกับมู่น่อนน่อน เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวก็เป็นคนไม่เลว
เพียงแต่เธอรู้สึกไม่ได้จริงๆ ว่าเฉินถิงเซียวรู้สึกลึกซึ้งต่อมู่น่อนน่อนมากแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...