มู่น่อนน่อนเม้มปาก สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เราแยกกันอยู่ก่อนเถอะ”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง ดวงตาของเขาดูอันตรายเล็กน้อย “คุณหมายความว่ายังไง?”
เมื่อเทียบกับเฉินถิงเซียวแล้วดูเหมือนว่ามู่น่อนน่อนจะสงบกว่ามาก "ตอนนี้พวกเราไม่ใช่สามีและภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ถ้ามีเรื่องอะไรเราค่อยมาคุยกันหลังจากที่หาลูกเจอแล้ว"
ในช่วงเวลานี้ เธอรู้สึกเหนื่อยมากๆ
เฉินถิงเซียวใช้เวลาเป็นเดือน แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวของลูกเลย
ส่วนเธอที่อยู่ที่นี่ นอกจากการรอคอยและความทุกข์ทรมานไม่รู้จบ เธอยังจะทำอะไรได้อีก?
สำหรับเรื่องระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียว ก่อนที่จะตามหาลูกเจอ เธอก็ไม่มีแรงเหลือพอที่จะรับมือกับเขาแล้ว
เฉินถิงเซียวหัวแข็งมาก "เราสามารถเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ตลอดเวลา"
ในเรื่องนี้ มู่น่อนน่อนก็ไม่ยอมประนีประนอม “ไม่งั้นคุณก็ปล่อยฉันไป หรือไม่ก็จัดบอดี้การ์ดมาเฝ้าฉันเหมือนเมื่อก่อน”
เธอเป็นแม่ที่ไม่สามารถปกป้องลูกของเธอได้
ทุกครั้งที่มีบางอย่างเกิดขึ้น เธอจะตกอยู่ในสถานะที่ทำอะไรไม่ได้เลย
เธอไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว
คำพูดของเธอดูเหมือนจะทำให้เฉินถิงเซียวโกรธ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที และหัวใจของมู่น่อนน่อนก็สั่นหวั่นไหว
เฉินถิงเซียวจะยอมแยกทางไหม?
แต่ในตอนนั้น เฉินถิงเซียวก็พูดออกมาว่า "ได้"
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่เคยคาดหวังว่าเฉินถิงเซียวจะเห็นด้วยจริงๆ
แต่ไม่นาน ประโยคสุดท้ายของเขาก็ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกใจคอไม่ดี
เฉินถิงเซียวกล่าวเสริมว่า "แต่ผมมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง"
“เงื่อนไขอะไร?” มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง
ในดวงตาของเฉินถิงเซียวเหมือนมีบางอย่างปรากฎขึ้น ริมฝีปากของเขาพูดเน้นย้ำทีละคำ “ไปจดทะเบียนสมรส”
มู่น่อนน่อนเบิกตากว้าง “อะไรนะ?”
เธอเกือบจะสงสัยว่าตัวเธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า
เธอพูดได้ไม่ชัดเจนพอเหรอ หรือเขามีปัญหาในการรับรู้?
มู่น่อนน่อนทำท่าจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “คุณพูดอีกทีสิ”
แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้กล่าวมันอีกครั้ง แต่เขากล่าวว่า "ถ้าไม่จดทะเบียนสมรส แล้วจะจดทะเบียนรับรองบุตรได้ยังไง?"
มู่น่อนน่อนชะงักไป
……
มู่น่อนน่อนไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะได้จดทะเบียนสมรสกับเฉินถิงเซียวด้วยเหตุผลนี้
ในวันนั้นทั้งสองก็ได้ไปจดทะเบียนสมรสกัน พวกเขาก็ไปจดทะเบียนรับรองบุตรไว้สำหรับลูก
ในทะเบียนบ้านมีชื่อทั้งสามคน
เฉินถิงเซียวเป็นหัวหน้าครอบครัว
มู่น่อนน่อนเป็นภรรยา
ส่วนเฉินมู่คือลูกสาว
เฉินถิงเซียวเห็นเธอจ้องมองทะเบียนบ้านอย่างเหม่อลอย เขาก็พูดออกมาว่า "ชื่อนี้ผมคิดไว้นานแล้ว ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสามารถใช้ชื่อนี้ได้"
มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปลูบคำว่า "เฉินมู่" ช้าๆ
ลูกสาวที่เธอเคยพบแค่เพียงครั้งเดียว มีชื่อเฉินมู่
เหมือนเธอคิดอะไรบางอย่างออก ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองที่เฉินถิงเซียว
เธอพบว่า เฉินถิงเซียวก็เป็นเธอเหมือนกัน เขากำลังจ้องมองไปที่คำว่า "เฉินมู่" ในทะเบียนบ้านอย่างเหม่อลอย
มู่น่อนน่อนกล่าวว่า "ตอนที่เธอเกิด เธอสวยมากเหมือนคุณเลย"
เธอเคยได้พบกับเฉินมู่มาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นแค่ครั้งเดียว
ส่วนเฉินถิงเซียวที่เดินทางมาตั้งไกล แต่เขาก็ไม่ได้เห็นเธอเลย
ตอนนี้เธอต้องการทำบางอย่างจริงๆ
แต่เรื่องที่ทำให้มู่น่อนน่อนแปลกใจเพราะ เธอยังไม่ได้ติดต่อไปหาฉินสุ่ยซานเลย
ฉินสุ่ยซานก็เป็นคนติดต่อเธอมาเอง
วันรุ่งขึ้น เธอได้รับโทรศัพท์จากฉินสุ่ยซาน
ฉินสุ่ยซานพูดกับเธออย่างไม่เกรงใจ "ฉันได้ยินมาว่าเธอกลับมาที่เมืองหู้หยางแล้วเหรอ? เธอกลับมานี่ก็ไม่คิดจะมาหาฉันเลย เธอเป็นคนที่แบบหลังจากได้รับเงินไปก็ไม่รู้จักกันแล้วเหรอ?"
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยมีความคิดที่จะล้อเล่นกับเธอ “นี่เธอรู้แล้ว ยังจะโทรหาฉันอีกเหรอ”
ฉินสุ่ยซานยิ้มด้วยความหงุดหงิด "มู่น่อนน่อน เธอชักจะเกินไปแล้วนะ?"
มู่น่อนน่อนยิ้มอย่างมีเลศนัย และพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่กล้าหรอก พรุ่งนี้ฉันเลี้ยงกาแฟเธอดีไหม?”
“ดีเลย” ฉินสุ่ยซานเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองนัดพบกันในร้านกาแฟอันเงียบสงบ
สถานที่หาไม่ง่าย ตอนที่ฉินสุ่ยซานมาถึง เธอก็พูดอย่างโกรธเคือง "ที่ที่เธอเลือกเนี่ย ฉันตามหาตั้งนาน แต่ก็วนอยู่ที่เดิม!”
“ไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะเลี้ยงกาแฟเธอสองแก้วแล้วกัน” มู่น่อนน่อนพูด ก่อนจะเรียกพนักงานมา
ฉินสุ่ยซานสั่งกาแฟมาสองแก้วจริงๆ
มู่น่อนน่อนพูดไม่ออก คุณผู้หญิงคนนี้บางทีก็ทำตัวปัญญาอ่อนมาก
ฉินสุ่ยซานเติมน้ำตาลลงในกาแฟพร้อมกับพูดว่า "เธอกลับมาได้ทันเวลาพอดี การถ่ายทำเรื่อง《เมืองพัง》จะเริ่มวันมะรืนนี้ เธอจะต้องไปร่วมงานพิธีเปิดกล้องด้วย”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า “อืม”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ และแน่นอนว่าเธอจะต้องไป
เมื่อยินคำตอบที่รวดเร็วของเธอ ฉินสุ่ยซานก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย "เธอเป็นคนที่มักจะถูกพูดถึงบ่อยๆ ในตอนนั้นเธออาจจะถูกรายล้อมไปด้วยสื่อต่างๆ เธอต้องเตรียมพร้อมให้ดีล่ะ"
มู่น่อนน่อนพูดกึ่งติดตลกกึ่งจริงจังว่า "นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอ? จะได้สร้างความสนใจให้กับ《เมืองพัง》ด้วย ถือว่าเป็นการสร้างกระแสก่อนล่วงหน้า บางทีอาจจะดังก่อนออกอากาศก็ได้"
“พลั่ก!” ฉินสุ่ยซานจ้องไปที่เธอ “คนที่มีความสามารถยังไงทุกคนก็ต้องรับรู้ในไม่ช้าก็เร็ว ใครเขาอยากจะใช้วิธีการนี้ในการสร้างกระแสกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...