ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมา อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปทางเฉินถิงเซียวและมู่น่อนน่อนด้วยความสงสัย และแอบแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา
มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวไม่สนใจสายตาของผู้อื่นเลย
คนหนึ่งเลือกของ อีกคนก็คอยเข็นรถเข็นตาม
แต่ บรรยากาศที่ดีกลับถูกทำลายลงด้วยเสียงพูดบางอย่าง
"น่อนน่อน?"
น้ำเสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ทำให้เธอตกใจ
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเธอก็หันไปมองมองด้านหลัง และเธอก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของผู้ชายคนหนึ่ง
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้น ระดับเสียงของเธอก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ซือเฉิงหยู้?”
“ไม่เจอกันตั้งนาน เป็นเรื่องยากมากนะที่น่อนน่อนจะจำผมได้” ซือเฉิงหยู้เดินไปหาเธอ น้ำเสียงของเขายังอ่อนโยนเช่นเคย
เนื่องจากมู่น่อนน่อนเคยได้ยินการสนทนาระหว่างเฉินถิงเซียวและสือเย่มาก่อน เธอจึงทำสีหน้าไม่ดีใส่ซือเฉิงหยู้
ในความทรงจำของเธอ ซือเฉิงหยู้ก็แย่พอแล้ว แต่ตอนนี้ก็เป็นเพราะเรื่องของลูก เธอก็เลยไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อซือเฉิงหยู้เลย
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะ ยังไม่ทันรอให้เธอพูดอะไร คนที่เข็นรถเข็นอยู่ด้านหลังอย่างเฉินถิงเซียวก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนบังเธออยู่ เพื่อแยกเธอและซือเฉิงหยู้ออกจากกัน
“ถิงเซียวก็อยู่ที่นี่ด้วย บังเอิญจังเลยนะ มาซื้อกับข้าวเหรอ?” เมื่อซือเฉิงหยู้เห็นเฉินถิงเซียว รอยยิ้มของเขาก็มีมากขึ้น
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เขาดึงมู่น่อนน่อนออกไปทันที
“เฉิงหยู้ ที่แท้นายก็อยู่ที่นี่นี่เอง ฉันตามหานายมานานแล้ว”
มู่น่อนน่อนที่กำลังจะจากไป อดไม่ได้ที่จะหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงนี้
เมื่อเธอมองย้อนกลับไป เธอเห็นมู่หวั่นขีกำลังยืนอยู่ข้างๆ ซือเฉิงหยู้
ราวกับว่าสามารถสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอ มู่หวั่นขีก็มองไปทางเธอเช่นกัน
เมื่อมู่หวั่นขีเห็นมู่น่อนน่อน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง "มู่น่อนน่อน? นี่เธอยังไม่ตายอีกเหรอ?"
มู่น่อนน่อนยกยิ้มที่ริมฝีปาก “คงต้องทำให้เธอผิดหวังแย่เลย”
โลกมันแคบจริงๆ แค่กลับมาก็ได้เจอซือเฉิงหยู้และมู่หวั่นขีในทันที
ซือเฉิงหยู้จ้องไปที่มู่หวั่นขีอย่างเสแสร้งแล้วพูดว่า “พูดจาอะไรเนี่ย สื่อพวกนั้นก็ชอบลงข่าวเรื่องไร้สาระ นี่คุณไม่รู้เหรอ”
“ก็จริง เรื่องเล็กๆ พวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร การแกล้งตายเพื่อหนีความผิดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก นึกถึงตอนแรกที่ฉันติดคุก ก็เป็นคุณไม่ใช่เหรอที่พาฉันออกมา” มู่หวั่นขียิ้มหวาน
มู่น่อนน่อนกำมือของเธอแน่น และสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
ในเวลานี้ เฉินถิงเซียวก็นั่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเงียบๆ ว่า “ซือเฉิงหยู้ ดูแลผู้หญิงของนายด้วย”
มู่หวั่นขีรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซือเฉิงหยู้อย่างรวดเร็วและพูดด้วยเสียงออดอ้อนว่า “เฉิงหยู้ ฉันกลัวมากเลย”
เฉินถิงเซียวหัวเราะเยาะเย้ย ท่าทีของเขาดูอึมครึมมาก "รู้ไหมว่าการชนคนตายตอนนี้มันมีค่าใช้จ่ายเท่าไร? แค่หนึ่งล้านก็สามารถซื้อชีวิตคนได้แล้ว ราคาถูกมากใช่ไหม"
เมื่อมู่หวั่นขีได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียว เธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอฉายแววตื่นตระหนก เธอเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซือเฉิงหยู้และไม่กล้าพูดอะไรอีก
เธอยังคงจำได้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นจัดการกับเธออย่างไรบ้าง
เธอรู้ดีว่าเฉินถิงเซียวมีนิสัยแปลกประหลาดแค่ไหน การที่เขาพูดแบบนี้ บางทีเขาอาจจะจ้างคนคนหนึ่งไปขับรถเพื่อชนเธอให้ตายก็ได้
สิ่งที่เฉินถิงเซียวทำกับเธอก่อนหน้านี้ มันฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกกลัวเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง
ฃเมื่อเห็นว่ามู่หวั่นขีกลัวมาก เฉินถิงเซียวก็หัวเราะเยาะเย้ย และดึงตัวมู่น่อนน่อนจากไป
……
ระหว่างทางกลับบ้านทั้งคู่ก็เอาแต่เงียบ
มู่น่อนน่อนกำลังคิดเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างเฉินถิงเซียวและสือเย่
ถ้าลูกสาวของเธอถูกซื้อเฉิงหยู้จับตัวไปจริงๆ และถ้าซือเฉิงหยู้ยังคงพัวพันกับมู่หวั่นขี ซึ่งมู่หวั่นขีก็เกลียดเธอมาก...
แต่กลับตรวจสอบพบว่าซือเฉิงหยู้อยู่ที่นี่
และซือเฉิงหยู้ก็ถือว่าเป็นครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉิน
เบาะแสชี้ไปที่ซือเฉิงหยู้ ซึ่งก็หมายความว่าเป็นฝีมือของตระกูลเฉิน
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เขาได้สืบสวนเรื่องแม่ของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และเขาก็ทำทุกอย่างอย่างบุ่มบ่าม
ในขณะที่เขากำลังสืบสวน ก็มีคนกำลังขัดขวางเขาอย่างลับๆ
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะตระกูลเฉิน มันก็ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องแม่ของเขาในตอนนั้นแน่ๆ
เขากำลังเตือนเขา หรือกำลังข่มขู่เขากันแน่ ซึ่งตอนนี้มันยังไม่มีอะไรชัดเจน
มู่น่อนน่อนก็ไม่ใช่คนโง่ และไม่นานก็นึกถึงเรื่องเดียวกันกับเขา
มู่น่อนน่อนมองไปที่ท่าทีของเขาอย่างเงียบๆ นานอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดออกมา “มันเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน?”
เรื่องราวของแม่เฉินถิงเซียวในตอนนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน เมื่อครึ่งปีที่แล้วเรื่องที่คุณท่านเฉินตกจากบันได ก็มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน เธอถูกมองว่าเป็นคนผลักคุณท่านเฉินตกบันได ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พวกเขาพยายามจะทำอะไร?”
“ไม่ว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร ผมจะไม่ปล่อยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ผมจะเอาลูกของเรากลับมา” เฉินถิงเซียวมองไปที่เธอ ท่าทางของเขาดูหนักแน่นกว่าปกติ
มู่น่อนน่อนคลายมือจากชายเสื้อผ้าของเขา “นั่นไม่ใช่ของคุณคนเดียว นั่นก็เป็นลูกของฉันด้วย”
ทั้งสองกลับไปที่คอนโด มู่น่อนน่อนไม่มีอารมณ์ที่จะทำอาหาร และในที่สุดทั้งสองคนก็ให้คนจากโรงแรมจีนติ่งมาส่งอาหารให้
แต่ก็ไม่ได้ทานมากๆ
หลังทานอาหารเสร็จ ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว
มู่น่อนน่อนเอาของมาไม่เยอะ หลังจากจัดระเบียบอย่างง่ายๆ เขาก็เรียกเฉินถิงเซียวให้เข้ามา
เมื่อเฉินถิงเซียวเห็นกระเป๋าสัมภาระของเธอ สีหน้าของเขาก็ดูแย่มากกว่า "คุณจะทำอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...