มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น และยิ้มอย่างไม่เต็มใจ
ท่าทีนี้เป็นของจริง เธอไม่ได้เสแสร้ง
เมื่อเธอคิดว่า เฉินมู่อาจจะถูกเฉินชิงเฟิงพาตัวไป เธอก็ไม่สามารถจะยิ้มได้อีก
เฉินชิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เธอไปทำอาหารเถอะ ฉันมีธุระกับถิงเซียวน่ะ ในบริษัทเขายุ่งมากและไม่มีเวลาว่างเลย ช่วงนี้เขาก็ไม่ค่อยกลับไปที่บ้านด้วย ฉันเลยต้องมาหาเขาที่นี่..."
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นช่องโหว่จากคำพูดของเฉินชิงเฟิงอย่างรวดเร็ว
เพราะเฉินชิงเฟิงรู้ว่าเฉินถิงเซียวยุ่งอยู่ในบริษัทและไม่มีเวลาว่างเลย นั่นก็หมายความว่าเขารู้ว่าเฉินถิงเซียวยังอยู่ในบริษัท
เฉินชิงเฟิงไม่มีกุญแจบ้านของเฉินถิงเซียว ดังนั้นตอนนี้เขามาทำอะไรในบ้านของเฉินถิงเซียว?
เพื่อที่จะมายืนรอที่หน้าประตูจนกว่าเฉินถิงเซียวจะกลับมาเหรอ?
ไม่สิ เห็นได้ชัดว่าเฉินชิงเฟิงมาเพื่อดักรอเฉินถิงเซียว
ถ้าเฉินถิงเซียวกลับมาเร็วกว่าปกติ ดังนั้นเฉินชิงเฟิงก็ย่อมจะรู้ว่ามู่น่อนน่อนได้นัดกับเฉินถิงเซียวไว้
“เดี๋ยวฉันไปเทน้ำให้ค่ะ” มู่น่อนน่อนพูด ก่อนจะปิดประตู แล้วหันกลับไปรินน้ำให้เฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงไม่พูดอะไรมาก เขาเดินไปนั่งที่โซฟา
มู่น่อนน่อนเทน้ำให้เฉินชิงเฟิง เธอตั้งใจจะกลับไปที่ห้องครัว ในเวลานั้นเฉินชิงเฟิงก็พูดขึ้นทันทีว่า "ตอนที่ฉันออกมาฉันลืมเอาโทรศัพท์มาด้วย ขอยืมโทรศัพท์ของเธอหน่อยได้ไหม?"
มู่น่อนน่อนรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
เธอตั้งใจว่าจะเข้าไปในครัวเพื่อส่งข้อความถึงเฉินถิงเซียว และบอกให้เขาอย่าเพิ่งกลับมา
เฉินชิงเฟิงเป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ
มู่น่อนน่อนมองกลับไปที่เขา “แน่นอน ได้อยู่แล้ว”
โชคดีที่มู่น่อนน่อนมีนิสัยชอบล็อคซอฟต์แวร์ที่ใช้งานบ่อยๆ บนโทรศัพท์ของเธอ
“ฉันขอปลดล็อคก่อน” มู่น่อนน่อนพูด ในขณะที่ก็ลบรายชื่อผู้ติดต่อในช่วงนี้ออก
เฉินชิงเฟิงกำลังนั่งอยู่ เธอยืนอยู่ข้างหน้าเขา และเขาก็มองไม่เห็นว่าเธอกำลังทำอะไรกับโทรศัพท์อยู่
จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้เฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงรับโทรศัพท์มา ก่อนจะกดโทรออก แต่ไม่มีใครรับสาย
เขามองไปทางมู่น่อนน่อนอย่างขอโทษ "เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่นี่ได้ไหม เดี๋ยวเขาน่าจะโทรกลับหาฉันทีหลัง"
ในตอนนี้มู่น่อนน่อนเข้าใจเจตนาของเฉินชิงเฟิงแล้ว
เขาแค่ต้องการให้เธอไม่สามารถติดต่อหาเฉินถิงเซียว
สีหน้าของมู่น่อนน่อนดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “ได้ค่ะ”
“ขอบคุณ” ในขณะที่เฉินชิงเฟิงพูด เขาก็กดปุ่มล็อคหน้าจอของโทรศัพท์ต่อหน้าเธอ และวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
มู่น่อนน่อนจ้องโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในครัว
เธอไม่ได้หั่นผักด้วยจิตใจที่เหม่อลอย เฉินถิงเซียวฉลาดมากขนาดนั้น ต่อให้เขาจะกลับมา เขาก็น่าจะเห็นรถของเฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงไม่จำเป็นต้องเอาโทรศัพท์มือถือมาด้วย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ขับรถมาโดยเด็ดขาด
เธอกำลังทำอาหารอย่างช้าๆ ในตอนแรกอาหารที่สามารถทำให้เสร็จในเวลา 2 ทุ่ม แต่สุดท้ายก็ทำเสร็จในเวลา 3 ทุ่ม
ซึ่งเฉินถิงเซียวก็ยังไม่ได้กลับมา
มู่น่อนน่อนก็ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
หลังจากมู่น่อนน่อนจัดอาหารเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินออกจากครัวไปที่ห้องโถง
“คุณลุงเฉิน ฉันจะกลับแล้วนะคะ” เธอเดินไปพูดต่อหน้าเฉินชิงเฟิง
เธอทำอาหารเป็นเวลาสองชั่วโมง และเฉินชิงเฟิงก็นั่งอยู่ในห้องโถงเป็นเวลาสองชั่วโมง
ซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลาสองชั่วโมง เสียงของเขาฟังดูแหบเล็กน้อย “เธอจะไม่รอให้ถิงเซียวกลับมาก่อนเหรอ?”
“ต่อให้รอเขากลับมา ยังไงเขาก็จะไล่ฉันออกไปอยู่ดี” มู่น่อนน่อนหลับตาลง เพื่อไม่ให้เขาเห็นความรู้สึกในดวงตาของเธอ
ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว เฉินชิงเฟิงก็ไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไป
เฉินชิงเฟิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ “อืม งั้นเธอกลับไปก่อนเถอะ”
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนออกจากคอนโด และเข้าไปในลิฟต์ เธอก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนว่าเธอและเฉินถิงเซียวจะประมาทเกินไป
อย่างไรก็ตาม เฉินชิงเฟิงก็คงจะรู้สึกลำบากใจมาก
มู่น่อนน่อนขับรถไปที่โรงแรมจีนติ่ง หลังจากเข้าไปเธอก็เห็นเสิ่นเหลียงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาตรงล็อบบี้
เธอเดินไปหาเสิ่นเหลียง "เสี่ยวเหลียง?"
เสิ่นเหลียงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่เธอ จากนั้นเธอก็เก็บโทรศัพท์ ก่อนจะดึงเธอไปที่ทางเข้าลิฟต์ "ฉันจะพาเธอไปดูว่าคนไร้ความรับผิดชอบอย่างเฉินถิงเซียวกำลังทำอะไรอยู่!"
“เฉินถิงเซียว?” เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินชื่อเฉินถิงเซียว ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย "เธอเห็นเขาเหรอ?"
เสิ่นเหลียงยิ้มและพูดออกมาว่า "ฉันเห็นเขา"
มู่น่อนน่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
เสิ่นเหลียงพามู่น่อนน่อนขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องอาหารส่วนตัวห้องหนึ่ง
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามา ทุกคนในห้องก็มองไปที่พวกเขา
มู่น่อนน่อนเห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่ตรงกลางฝูงชนและ...หญิงสาวแปลกหน้าที่อยู่ข้างๆ เขา
มู่น่อนน่อนผงะไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองที่เสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงเลิกคิ้วขึ้น และทำท่าบอกให้เธอเดินเข้าไปเอง
ในห้องมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "เสิ่นเสี่ยวเหลียง เธอพาน่อนน่อนมาด้วยเหรอ"
มู่น่อนน่อนมองตามเสียงไป เธอพบว่ากู้จือหยั่นก็อยู่ที่นี่ด้วย
ไม่เพียงแต่กู้จือหยั่นเท่านั้น รวมถึงสือเย่และเฉินถิงเซียวก็อยู่ที่นี่ด้วย
ก็ว่าทำไมเฉินถิงเซียวและสือเย่ถึงไม่รับสายของเธอ
สือเย่เหลือบมองมู่น่อนน่อนไม่กี่วินาที ก่อนจะรีบหลบสายตา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำเรื่องอะไรที่ผิดมา
ส่วนเฉินจิ่งหยุ้นก็จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจอยู่สักครู่ ก่อนจะหลบสายใจ และหันไปคุยกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉินถิงเซียว
มีเพียงแค่กู้จือหยั่นเท่านั้นที่เดินมาหาเธอ "น่อนน่อนมานั่งนี่สิ พวกคุณอย่ายืนเลย"
เมื่อเทียบกับความโกรธของเสิ่นเหลียงแล้ว มู่น่อนน่อนดูสงบกว่ามาก
เธอดึงเสิ่นเหลียง “พวกเราไปนั่งกันเถอะ”
“น่อนน่อน” เสิ่นเหลียงมองเธออย่างไม่เห็นด้วย
มู่น่อนน่อนส่ายหัวให้กับเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...