เฉินถิงเซียวเดินออกจากห้องอาหาร และเดินตรงไปที่ลานจอดรถ
เขาเห็นรถที่เขาซื้อให้มู่น่อนน่อนในทันที เขาเดินตรงไปที่รถของมู่น่อนน่อน ก่อนจะเปิดไปและนั่งลงในตำแหน่งข้างคนขับ
มู่น่อนน่อนกำลังดูบางอย่างบนโทรศัพท์มือถือของเธอ แต่เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวเธอก็ไม่ได้เงยหน้า "มาแล้วเหรอ"
เฉินถิงเซียวเอียงตัวไปข้างๆ เล็กน้อย “โกรธเหรอ?”
มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์ลง แล้วหันมองไปที่เขา ก่อนจะพูดเรียบๆ ว่า “ไม่”
แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวไม่เชื่อเธอ มันเหมือนเขาจะอธิบาย แต่ก็ดูไม่เป็นทางการ “ตอนที่ผมเลิกงาน เฉินจิ่งหยุ้นโทรหาผม และบอกว่าเฉินชิงเฟิงไปหาผมที่คอนโด เธอบอกถ้าไม่อยากกลับไปก็ให้ไปทานข้าวเป็นเพื่อนเธอ”
เขาเลิกงานเร็วมาก ต่อให้เขาไม่กลับไปยังไงเฉินชิงเฟิงก็สงสัยเขาอยู่ดี เขาคิดว่าจะดีกว่าถ้าไปทานอาหารเย็นกับเฉินจิ่งหยุ้น ซึ่งมันจะทำให้เฉินชิงเฟิงไม่ระแคะระคาย
เรื่องที่เกิดหลังจากนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร มู่น่อนน่อนสามารถคาดเดาได้
เฉินจิ่งหยุ้นหลอกให้เฉินถิงเซียวไปทานข้าวด้วย และเธอก็ได้แนะนำเพื่อนที่ดีของเธอให้รู้จักกับเฉินถิงเซียว
เมื่อมู่น่อนน่อนฟังจนจบ เธอก็ไม่ได้มีท่าทีตอบสนองอะไรมากนัก “ลงรถไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว”
ในขณะที่เธอพูด เธอก็สตาร์ทรถไปด้วย
เฉินถิงเซียวหยุดเธอไว้ "มู่น่อนน่อน คุณกำลังโกรธ"
“ใช่ ฉันกำลังโกรธ ฉันโกรธมากจนไม่อยากเจอคุณในตอนนี้” มู่น่อนน่อนหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง น้ำเสียงของเธอแอบแฝงไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถปกปิดได้
การใช้ชีวิตอยู่กับคนอย่างเฉินถิงเซียว นอกจากเขาจะมีอารมณ์ที่ไม่แน่นอนแล้ว สิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือ มู่น่อนน่อนไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปจากเธอ
เฉินถิงเซียวมีนิสัยเย่อหยิ่ง ถ้าชอบใครก็จะชอบแค่คนนั้น ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาเป็นคนที่ชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง
มู่น่อนน่อนไม่ได้กังวลว่าในขณะที่เขาอยู่กับเธอ เขาจะแอบไปมีคนอื่น
แต่ที่เธอโกรธเพราะ เธอไม่สามารถติดต่อเขาได้ตลอดทั้งคืน
เธอไม่เชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะไม่มีเวลาโทรหาเธอ
เรื่องของเฉินมู่ก็ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว และเธอไม่สามารถจินตนาการได้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินถิงเซียวอีกคนเธอจะเธอยังไง
ในรถตกอยู่ในความเงียบสงบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเฉินถิงเซียวก็หัวเราะออกมา
มู่น่อนน่อนมองไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “หัวเราะอะไร?”
“คุณหึงเหรอ?” เฉินถิงเซียวเอามือข้างหนึ่งจับไปที่หลังเก้าอี้ของเธอ ส่วนอีกมือหนึ่งข้างก็ดันอยู่ตรงหน้าต่างรถ มันดูเหมือนเขากำลังล้อมเธอให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ตอนที่มู่น่อนน่อนเข้าไปในห้องอาหาร เธอรู้สึกสับสนนิดหน่อย แต่หลังจากที่เธอออกมา เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่เธอโกรธที่เขาไม่รับสายเธอทั้งคืนมากกว่า
“คุณไม่รับโทรศัพท์ฉันทั้งคืน แค่ต้องการให้ฉันมาเห็นคุณนั่งดื่มกับผู้หญิงคนอื่น และทำให้ฉันหึงเหรอ?”
มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปจับผมของเธอ น้ำเสียงของเธอดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย “คุณไม่คิดว่าตัวเองดูเด็กน้อยเหรอ?”
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศในรถแปลกๆ ราวกับว่าอุณหภูมิในนี้มันลดลง
เสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำและลึกซึ้งมาก "มู่น่อนน่อน คุณกล้าพูดว่าผมทำตัวเด็กน้อยเหรอ?"
มู่น่อนน่อนถอนหายใจและมองดูเขา “คุณรู้ไหมว่าฉันติดต่อคุณไม่ได้ทั้งคืน รู้ไหมว่าฉันกังวลแค่ไหน?”
ในรถไม่มีไฟ มีเพียงไฟถนนสีเหลืองสลัวๆ ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างรถเท่านั้น แต่พวกเขาก็สามารถเห็นใบหน้าของกันและกันได้อย่างชัดเจน
เฉินถิงเซียวพูดเย้ยหยัน “หลังจากที่คุณกลับมาที่เมืองหู้หยาง คุณก็เอาแต่ไปที่กองละครไม่ก็เอาแต่พยายามตรวจสอบเรื่องเหล่านั้น คุณยังจำได้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงของผมเฉินถิงเซียว?”
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง “หมายความว่ายังไง?”
มู่น่อนน่อนเหลือบมองไปที่ประตูโรงแรมจีนติ่ง ทันใดก็เธอเห็นเฉินจิ่งหยุ้นและซูเหมียนเดินออกมาพอดี
มู่น่อนน่อนพูดอย่างกังวลใจ "พี่สาวของคุณมาแล้ว"
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เธอและเฉินถิงเซียวอยู่ในสถานะ "แยกทาง" แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แยกจากกัน แต่เธอก็ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ในที่สาธารณะได้
เฉินถิงเซียวจับแขนของเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขากลัวว่าเธอจะหนีไป
เขามองลงมาที่มู่น่อนน่อน ด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้ “เธอแนะนำผมให้รู้จักกับผู้หญิงคนอื่น ในฐานะภรรยาของผม คุณจะไม่แสดงความเป็นเจ้าของหน่อยเหรอ? เธอเป็นนักเขียนบทไม่ใช่เหรอ? การขโมยจูบทำไม่เป็นเหรอ?”
มู่น่อนน่อน : "...แต่ฉันไม่อยากขโมยจูบคุณนี่"
“นี่คุณ...” เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงและโน้มตัวไปข่มขู่เธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าคุณไม่จูบผม ผมจะไปบอกเฉินจิ่งหยุ้นทันทีว่าเรานอกจะยังไม่ได้แยกจากกันแล้ว พวกเราก็ได้ทะเบียนสมรสแล้วด้วย”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามันแปลกๆ อยู่ตลอด
สิ่งที่เธอกับเฉินถิงเซียวต้องทำตอนนี้คือการตามหาเฉินมู่ และสืบคดีของแม่เขา พวกเขาทั้งสองคนต่างเป็นฝ่ายเดียวกัน ทำไมเขาถึงใช้สิ่งนี้มาข่มขู่เธอ?
แต่สิ่งที่ช่วยไม่ได้ก็คือ เธอมั่นใจว่าเฉินถิงเซียวนั้นเป็นคนที่ทำในสิ่งที่เขาพูด
เธอหันไปมองอีกครั้ง และเธอก็เห็นว่าเฉินจิ่งหยุ้นและซูเหมียนกำลังเดินมาทางนี้ด้วย เธอตัดสินใจอย่างยากลำบาก จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปและผลักเฉินถิงเซียวไปที่เสาไฟอย่างรุนแรง เธอจับเสื้อผ้าของเขาไว้ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าของเธอขึ้นเพื่อไปจูบเขา
นี่คือการขโมยจูบ
ตอนที่เธอเขียนบท เธอก็เขียนประมาณนี้
เธอใช้แรงมากไปหน่อย หลังของเฉินถิงเซียวเลยกระแทกกับเสาไฟโดยตรง และก็ยังจะส่งเสียงครวญครางออกมาเล็กน้อย
เฉินจิ่งหยุ้นและซูเหมียนเดินมาพอดี พวกเธอเห็นภาพนี้ ซึ่งพวกเธอก็เห็นว่ามู่น่อนน่อนกำลังขโมยจูบของเฉินถิงเซียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...