มู่น่อนน่อนมองแผ่นหลังของมู่หวั่นขี ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้พูดอะไร
เสิ่นเหลียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดก็ไปแล้ว”
เธอหันกลับมา เห็นว่ามู่น่อนน่อนยังคงมองไปยังทิศทางที่มู่หวั่นขีหายไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “น่อนน่อน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เธอจำอะไรไม่ได้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะตกใจเพราะว่ามู่หวั่นขีก็ได้
เสิ่นเหลียงรู้สึกว่า เธอยังไม่รอบคอบพอ
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมา แล้วถามเสิ่นเหลียง “เธอชื่อมู่หวั่นขี เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเหรอ? ”
เสิ่นเหลียงเห็นว่าเธอสงบขนาดนี้ ก็เลยสบายใจ แล้วตอบว่า “พี่สาวต่างแม่ของเธอ”
“แม่ของฉันเป็นแม่เลี้ยงของเธอเหรอ? ”แววตาของมู่น่อนน่อนดูแปลกไปเล็กน้อย
เสิ่นเหลียงพยักหน้า “อืม”
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ปกติแล้วแม่เลี้ยงจะไม่ค่อยดีกับลูกติดของสามี มู่หวั่นขีดูท่าทางจะเกลียดฉันมาก หรือว่าแม่ของฉันปฏิบัติกับเธอไม่ดีงั้นเหรอ? ”
เสิ่นเหลียงปากกระตุก เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เซียวชู่เหอยังดีกับมู่หวั่นขีมากกว่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองอีก จะปฏิบัติกับเธอไม่ดีได้ยังไงกัน?
ภายใต้สายตาที่สงสัยของมู่น่อนน่อน เสิ่นเหลียงก็ตอบว่า “เปล่า พูดได้ไม่ค่อยชัดเจนหรอก แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด……”
มู่น่อนน่อนเหมือนกับรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ก็เลยตัดบทเธอ “แต่ว่าลี่จิ่วเชียนบอกว่าเขาคือคู่หมั้นของฉัน ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหกฉัน ถ้าเกิดว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉัน แล้วฉันจะไปเป็นสามีภรรยากับเฉินถิงเซียวได้ยังไงกัน? ฉันไม่ได้บอกว่าเธอโกหกฉันนะ ฉันแค่รู้สึกว่า……”
“คุณน้ามู่”
ทันใดนั้นเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยเฉินมู่ก็ดังขึ้น
มู่น่อนน่อนหันกลับไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวกับเฉินมู่กำลังเดินเข้ามา
ใบหน้าของเฉินมู่ดูกระตือรือร้นมาก พยายามออกแรงดึงเฉินถิงเซียวให้เดินมาทางนี้ ขาสั้นๆ ก้าวอย่างไว
ข้างหลังคือเฉินถิงเซียว เขาดูใจเย็นกว่ามาก เขาถูกเฉินมู่ลากอย่างช้าๆ เดินมาที่นี่
มู่น่อนน่อนเห็นเฉินมู่แล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “มู่มู่ หนูมาที่นี่ได้ยังไง? ”
“มากินข้าวค่ะ”เฉินมู่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของมู่น่อนน่อนแล้วก็ปล่อยมือเฉินถิงเซียวในทันที เงยหน้าขึ้นมองมู่น่อนน่อนแล้วก็ตอบคำถามอย่างเชื่อฟัง
พอเสิ่นเหลียงเห็นเฉินถิงเซียว ก็ถอยไปข้างหลังโดยอัตโนมัติ
เฉินถิงเซียวเองก็สังเกตเห็นเสิ่นเหลียงเหมือนกัน
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเหลียงบอกว่าซูเหมียนไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเฉินมู่ ไม่คิดว่าเธอจะรู้จักมู่น่อนน่อนด้วยเหมือนกัน
สิ่งต่าง ๆ เริ่มน่าสนใจมากขึ้น
มู่น่อนน่อนนึกถึงคำพูดของเสิ่นเหลียงเมื่อกี้นี้ แล้วตอนที่เห็นเฉินมู่อีกครั้ง อารมณ์ของเธอก็เริ่มซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
เฉินมู่คือลูกสาวของเธอจริงๆ รึเปล่า?
เธอเคย……เป็นสามีภรรยากับเฉินถิงเซียวอย่างนั้นเหรอ?
พอคิดแบบนี้ สายตาของเธอก็เผลอหันไปมองเฉินถิงเซียว
เธอมองไปที่เฉินถิงเซียวอย่างระมัดระวัง
ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกว่า เฉินถิงเซียวไม่เหมือนกับคนที่น่าจะมีความสัมพันธ์กับเธอได้
แล้วอีกอย่าง เธอยังรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้มีตรงไหนที่ดึงดูดเธอเลย
เหมือนกับว่าสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวก็เงยหน้าขึ้นมองมู่น่อนน่อนเหมือนกัน
ดวงตาของเขาลึก และดวงตาของเขาเย็นชาและเฉียบแหลมเมื่อมองผู้คน
เฉินมู่ก็เหมือนกับเขา แต่ว่าน่ารักกว่าเยอะ
สือเย่ที่พึ่งจะจอดรถเสร็จ เห็นว่าเสิ่นเหลียงกับมู่น่อนน่อนก็ต่างอยู่ที่นี่ หลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “คุณเสิ่น คุณมู่”
มู่น่อนน่อนก็พยักหน้าให้กับสือเย่ ก็ถือว่าเป็นการทักทายแล้ว
เสิ่นเหลียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “สือเย่?”
“ลี่จิ่วเชียน ผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นของน่อนน่อนอย่างนั้นเหรอ? ”เสิ่นเหลียงมีความรู้สึกต่อลี่จิ่วเชียนค่อนข้างมาก
สือเย่เห็นดังนั้น ก็เอ่ยปากถาม “คุณยังจำเรื่องเมื่อสามปีก่อน ที่คุณหญิงน้อยเคยมีข่าวกับผู้ชายคนหนึ่งได้ไหม? ”
“จำได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่แล้ว” ตอนนั้นเสิ่นเหลียงยุ่งมาก ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเรื่องของมู่น่อนน่อนเท่าไหร่นัก
สือเย่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม “ผู้ชายที่มีข่าวว่าคบกับคุณหญิงน้อยในตอนนั้น ก็คือลี่จิ่วเชียน ตอนนั้นคุณผู้ชายได้ให้ผมไปสืบประวัติของเขา แต่หลังจากนั้นซือเฉิงหยู้ก็สร้างเรื่องขึ้นก่อน เรื่องนี้ก็เลยถูกดองเอาไว้”
“ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่า สามปีมานี้ ลี่จิ่วเชียนเคยตามหาน่อนน่อน ความหมายก็คือ ลี่จิ่วเชียนรู้จักน่อนน่อนจริงๆ ”
“ไม่มีใครจะช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติมาเป็นเวลาสามปี "
เสิ่นเหลียงกับสือเย่เงียบ
เสิ่นเหลียงกัดริมฝีปาก และพูดว่า “ตอนนี้เรื่องที่สำคัญ ก็คือให้พวกเขาจำกันได้”
“ให้ใครจำกันได้?”
เสียงที่ทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวดังขึ้น
เสิ่นเหลียงกับสือเย่ก็หันหน้าไปพร้อมกันในทันที ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวยืนด้วยหน้าตาจริงจังอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว
หลังจากที่สือเย่อึ้งไปแป๊บหนึ่ง เขาก็เรียกเบาๆ “คุณผู้ชาย”
สายตาของเฉินถิงเซียวเหลือบมองระหว่างใบหน้าของทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ออกคำสั่งว่า “เข้ามา”
สือเย่กับเสิ่นเหลียงสบตากัน แล้วก็เข้าไปด้านใน
เฉินถิงเซียวค่อยๆ เปิดโทรศัพท์ออกช้าๆ แล้วก็เปิดการ์ตูนไว้ตรงหน้าเฉินมู่
พอเฉินมู่ได้โทรศัพท์ ก็เริ่มดูการ์ตูนอย่างสนุกสนาน ตั้งใจเป็นพิเศษ
หลังจากจัดแจงเฉินมู่ให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว เฉินถิงเซียวก็หันกลับมามองพวกเขา เสียงของเขาทุ้มลงเล็กน้อย “พูดมา”
เฉินถิงเซียวนั่งพิงเก้าอี้ ขาทั้งสองข้างไขว่ห้าง อิริยาบถสบายๆ คิ้วคม ดูไม่โกรธเคือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...