ตอนที่ 49 ภรรยาของฉันหั่นให้ฉัน
มู่ลี่เหยียนเหมือนกับกลัวว่าเธอจะกลับคำ จึงรีบพูด: “ตอนไหนก็ได้ วันนี้พ่อก็มีเวลา”
“แต่วันนี้หนูไม่ว่างค่ะ พรุ่งนี้แล้วกันนะคะ” มู่น่อนน่อนน้ำเสียงเมินเฉย ไม่รีบร้อนสักนิด
แต่ก่อนตอนที่มู่น่อนน่อนยังอยู่ในตระกูลมู่ ก็ต้องเผชิญกับสภาพที่เลวร้ายอย่างไม่สะทกสะท้านอยู่แล้ว คนของตระกูลมู่ต่างก็คุ้นเคยกับเธอที่เป็นอย่างนั้นตั้งนานแล้วด้วยแม้แต่ มู่ลี่เหยียนก็ไม่มีข้อยกเว้น
แค่ได้ยินน้ำเสียงที่ขอไปทีอย่างนี้ของเธอ มู่ลี่เหยียนก็ทนไม่ไหว: “ตอนนี้แกก็ไม่ได้ทำงาน จะยุ่งอะไรนัก?”
“พ่อคิดว่าหนูกำลังพูดแบบขอไปทีใช่ไหมคะ? หนูมีเรื่องที่จะต้องทำจริงๆค่ะ ตามนี้แล้วกันนะคะ รอสักครู่หนูจะส่งที่อยู่ไปให้”
วางโทรศัพท์ไปแล้ว มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เรียบเรียงข้อความส่งให้มู่ลี่เหยียน
มู่ลี่เหยียนได้รับข้อความของมู่น่อนน่อน ดูที่อยู่ด้านบนอย่างชัดเจน อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ในความรู้สึกของเขา มู่น่อนน่อนทั้งเซ่อซ่า ทั้งไม่ปราดเปรื่อง ไม่คิดเลยว่าเธอจะเลือกที่ร้านอาหารจีนติ่งอย่างคาดไม่ถึง
นึกถึงค่าใช้จ่ายที่ร้านอาหารจีนติ่ง เขาก็รู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวขึ้นมาทันที
ร้านอาหารจีนติ่งก็คือที่ที่คราวก่อน “เฉินเจียฉิน” พามู่น่อนน่อนมากินข้าว เป็นเพราะแพงมาก ดังนั้นมู่น่อนน่อนจึงเลือกที่นั่น
สำหรับอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพราะร้านอาหารจีนติ่งเป็นสถานที่ระดับสูงที่ได้มาตรฐาน มู่ลี่เหยียนพวกเขาก็คงไม่กล้าทำเรื่องไม่ดี
และสำหรับตอนนี้ ที่เธอต้องการที่สุด ก็คือทนายความ
แต่ว่าเธอไม่มี แล้วก็ไม่สามารถหาได้ด้วย
......
ช่วงนี้ตอนดึกๆของทุกวันกู้จือหยั่นจะโทรหาเฉินถิงเซียวเพื่อระบายความทุกข์ บอกว่าเขาโดนกลุ่มคนที่ดื้อรั้นของบริษัทรังแกจนน่าเวทนามาก
ช่วงนี้เรื่องราวของบริษัทเยอะมากจริงๆ เฉินถิงเซียวก็เลยเข้าบริษัทไปครั้งหนึ่ง
หลังจากประชุมเสร็จไปสองรอบ จัดวางภารกิจรายการโครงการแล้ว ก็กลับเลย
ตอนที่ถึงคฤหาสน์ เป็นเวลามื้อกลางวันพอดี แค่เขาเข้าประตู ก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าวที่ลอยออกมาจากในครัวแล้ว
เธอกำลังทำกับข้าว?
เฉินถิงเซียวเอาสูทเสื้อคลุมส่งไปให้องครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็ก้าวยาวๆไปทางห้องครัว
ในครัว มู่น่อนน่อนผูกผ้ากันเปื้อนที่หลังของเธอ กำลังยืนอยู่บนปลายเท้ากดปุ่มเครื่องดูดควัน
ปุ่มเครื่องดูดควันติดตั้งไว้สูงนิดหน่อย เธอเขย่งปลายเท้าแล้วก็ยังค่อนข้างลำบาก เฉินถิงเซียวเดินเข้ามา ยื่นแขนออกมาเลยหัวของเธอ แล้วก็ช่วยเธอกด
มู่น่อนน่อนหันกลับมา ท่าทางที่เป็นธรรมชาติไม่แต่งหน้า ผมหน้าม้าที่หนาๆก่อนหน้านี้ก็ตัดออกจนบางไปเยอะแล้ว ในมือขวายังถือตะหลิวอยู่ ใส่ผ้ากันเปื้อนยืนอยู่ในนั้น ใบหน้าที่งดงามสดใสก็ปรากฏความนุ่มนวลอ่อนโยนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณกลับมาแล้ว! อีกครู่เดียวก็กินข้าวได้แล้ว” มู่น่อนน่อนมีเรื่องจะขอร้องเขา ก็เลยยิ้มอย่างเอาใจเป็นพิเศษ
คนที่อยากจะเอาใจเขามีมากมาย แต่ก็มีมู่น่อนน่อนเพียงคนเดียวในตอนที่เอาใจเขา แล้วเขาอารมณ์ดีที่สุด
หน้าของเฉินถิงเซียวไม่ปรากฏความรู้สึก เพียงแค่ตอบรับอย่างเรียบเฉย: “อืม”
จากนั้นก็สอดมือทั้งคู่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง ยืนอยู่ข้างๆดูเธอทำกับข้าว ท่าทางที่ไม่สนใจบนใบหน้า แต่สายตากลับตกอยู่ที่ร่างของมู่น่อนน่อนตลอด
เสียงที่อยู่ในกระทะ ปกปิดเสียงลมหายใจของทั้งสองฝ่าย
มู่น่อนน่อนผัดกับข้าวเสร็จ ตอนที่หันกลับไป ก็เพิ่งรู้ว่า “เฉินเจียฉิน” อยู่ในนี้ตลอด
“คุณยืนทำอะไรตรงนี้?” หรือว่าเขาชอบดมกลิ่นเขม่าน้ำมัน
เฉินถิงเซียวหมุนตัวจะเดินออกไป: “ไม่ได้ทำอะไร”
ก็แค่รู้สึกว่าเธอสบายตาเท่านั้นเอง ก็เลยมองนานสักพักหนึ่ง
บนโต๊ะอาหาร ทั้งสองคนทานข้าวเสร็จแล้ว มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วมองเขา : “คุณกับเฉินถิงเซียว ต่างก็มีทนายความส่วนตัวของตัวเองใช่ไหม?”
“อืม” เฉินถิงเซียวใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือ ถามอย่างไม่สนใจเธอ: “ทำไมหรือ เจอคดีฟ้องร้องแล้วหรือ?”
มู่น่อนน่อนส่ายหัว: “ไม่ใช่ ก็แค่ทนายที่ดูสัญญาทางธุรกิจคุณมีไหม ให้ฉันยืมตัวเขามาช่วยฉันสักหน่อยได้ไหม?”
เฉินถิงเซียวตอบกลับอย่างสบายใจ: “ภรรยาของฉันหั่นให้ฉัน”
กู้จือหยั่นส่งอีโมจิกลับมา: [เย็นชา.jpg]
รู้สึกถึงความอิจฉาของกู้จือหยั่น เฉินถิงเซียวก็เริ่มกินผลไม้อย่างพอใจมาก
ช่วงบ่าย มู่น่อนน่อน พาทนายความที่ยืมมาจาก “เฉินเจียฉิน” ไปที่ร้านอาหารจีนติ่ง
ใบหน้าเรียบๆของเธอ สวมเสื้อขนเป็ดสีขาว ใส่กางเกงยีน สะพายกระเป๋าแล้วก็ออกไป สามารถบอกได้ว่าแต่งกายได้ธรรมดาอย่างถึงที่สุด
ร้านอาหารจีนติ่งเป็นสถานที่ระดับสูงอย่างนั้น ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถเข้าไปได้ แต่มู่ลี่เหยียนการคบค้าสมาคมกว้างขวาง แน่นอนว่าต้องเข้าได้ เธอคิดเอาไว้ว่าถึงแล้วจะให้มู่ลี่เหยียนออกมารับ
แต่ว่า ตอนที่เธอพาทนายความมาถึงทางเข้าที่ร้านอาหารจีนติ่ง พนักงานที่เฝ้าประตูไม่เพียงไม่ขวาง ยังยิ้มให้จนเห็นฟันเลย กระตือรือร้นมาก: “ยินดีต้อนรับครับ”
รูปแบบของสถานที่ระดับสูงเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าไม่เหมือนกับที่อื่น
มู่น่อนน่อนไปห้องส่วนตัวที่มู่ลี่เหยียนอยู่ทันที
มู่ลี่เหยียนก็พาทนายความมาด้วย เขาไม่คิดว่ามู่น่อนน่อนก็รู้ว่าต้องพาทนายความมาด้วย
อย่างไรก็ตามในสายตาเขา มู่น่อนน่อนตอบสนองได้ช้ากว่าคนปกติทั้งยังโง่หน่อยๆด้วย
มู่น่อนน่อนนั่งลงตรงข้ามกับมู่ลี่เหยียน: “พ่อคะ”
มู่ลี่เหยียนมองเธอครั้งแรก ก็พบว่าเธอไม่เหมือนกับตอนปกติ
เหมือนจะเปลี่ยนไป......สวยเป็นพิเศษแล้ว?
แม้ในใจของเขาจะงงงวย แต่มีคนนอกอยู่ด้วย คงจะไม่ดีถ้าเขาถามเธอว่าไปทำศัลยกรรมมาหรือ?
“อืม” มู่ลี่เหยียนเก็บความคิดกลับมา ก็ตอบรับ
เขามองทนายความที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ แล้วส่งสายตาให้กับทนายความของตนอย่างไม่กระโตกกระตาก ให้เขาดำเนินการตามโอกาสได้เลย
ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะพาทนายความมาด้วยแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ไม่แน่ว่าจะมองเห็นถึงช่องโหว่ของสัญญา เธอไม่มีเงิน จะหาทนายความที่ดีสักเท่าไหร่เชียว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...