ตอนที่56 ถ้าไม่อยากได้ก็โยนทิ้งไป
เฉินถิงเซียวก้มหน้า แล้วก็เห็นมือที่เรียวบางของเธอจับอยู่ที่แขนของเขา เขาไม่ได้สะบัดออก แล้วก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “สืบเรื่องของเธอก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรอ? เธอคิดว่าตระกูลเฉินของพวกเราจะทนการหลอกลวงของตระกูลมู่ของพวกเธอเฉยๆงั้นหรอ?”
ท่าทางของเขาเย็นชามาก มู่น่อนน่อนรู้สึกเหมือนจะสั่นอีกครั้ง
วันแรกที่มู่น่อนน่อนเข้ามาในบ้านของตระกูลเฉิน เฉินถิงเซียวส่งคนไปสืบ แล้วก็รู้ว่าเธอชอบเสิ่นชูหาน
แต่เรื่องสาเหตุที่เธอต้องปลอมตัวแกล้งปัญญาอ่อนและหน้าตาน่าเกลียดนั้น เพราะว่ามันผ่านมานานมากแล้ว ก็เลยตรวจสอบไม่ได้
มู่น่อนน่อนอึ้งไปแปปนึง แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เฉินถิงเซียวให้นายมาสืบงั้นหรอ?”
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะอะไรล่ะ?” เฉินถิงเซียวหันหน้าไป แล้วก็ยืนเผชิญหน้ากับเธอ แล้วก็หรี่ตามองหน้าเธอ
พอเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็เดินเข้าร้านอาหารจีนติ่งไป
ตอนแรกเฉินถิงเซียวจะไปนั่งในห้องวีไอพี แต่ว่ามู่น่อนน่อนรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยนั่งในห้องโถงใหญ่
ดังนั้น ทั้งสองคนเลยนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ มู่น่อนน่อนก็ถาม“เฉินเจียฉิน””พี่ชายของนายจะกลับมาเมื่อไหร่หรอ?”
“ไม่รู้”
หลังจาก เฉินถิงเซียว เห็นว่าสีหน้าของมู่น่อนน่อนเหมือนจะไม่เชื่อเท่าไหร่ ก็กอดอก แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ถึงรู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วฉันรายงานการเดินทางของเขาให้เธอรู้ด้วยงั้นหรอ?”
ก็ดูมีเหตุผลดีเหมือนกัน….
มู่น่อนน่อนก้มหน้า แล้วก็เล่นโทรศัพท์มือถือ
เฉินถิงเซียวส่งโทรศัพท์มาให้เธอ ก็อาจจะแค่ทำได้อย่างง่ายดายก็ได้ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนนั้น ก็แน่นอนว่าเขาคงไม่อยากให้ใครรู้
มู่น่อนน่อนทอดถอนใจ ชีวิตของเฉินถิงเซียวน่าจะลำบากน่าดูเหมือนกัน
เฉินถิงเซียวที่มีชีวิตอย่างยากลำบากจ้องหน้ามู่น่อนน่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เธอเห็นเธอหน้านิ่วเหมือนว่ากำลัง “เสียใจ” ก็นึกว่าตัวเองพูดแรงไป หลังจากคิดอยู่พักนึง เขาก็บอกเบอร์โทรศัพท์ออกมา
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเต็มไปด้วยความสับสน “อะไร?”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเริ่มรำคาญ “เบอร์ของพี่ชายฉันไง”
ตอนนั้นเองมู่น่อนน่อนก็ได้สติกลับมา ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะเมมเบอร์ของเขา “พูดอีกรอบได้มั้ย”
พอเฉินถิงเซียวเห็นว่าเธอดูมีความสุขมาก ก็อดทนและพูดออกมาอีกครั้ง
“ขอบคุณมาก!” มู่น่อนน่อนเมมเบอร์นั้น แล้วก็ถามเขาออกมาด้วยรอยยิ้ม “นายอยากสั่งอะไรเพิ่มมั้ย”
สีหน้าของเฉินถิงเซียวยังคงเย็นชาเหมือนเดิม “ไม่”
ทั้งๆที่ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แต่ว่ากลับพูดออกมาไม่ได้ว่าเขาคือเฉินถิงเซียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ทำให้เขากินข้าวด้วยใบหน้าที่อึมครึม
แต่ว่ามู่น่อนน่อนก็ไม่ได้สนใจท่าทางของเขา เธอแค่คิดว่าเดี๋ยวเธอจะโทรหาเฉินถิงเซียวแล้วก็ส่งข้อความหาเขา
ส่งข้อความไปน่าจะดีกว่า ถ้าโทรไปน่าจะอึดอัดน่าดูจริงมั้ย?
เธอรู้สึกว่า หลังจากได้รับสายจากเธอเขาก็น่าจะบล็อกเบอร์เธอทันที
……
หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ ,มู่น่อนน่อนก็เดินออกไปก่อน เพื่อไปจ่ายเงินด้านหน้า
ตอนที่กำลังไปจ่ายเงินนั้นก็เจอกับมู่หวั่นขีและเสิ่นชูหาน
เสิ่นชูหานยิ้มให้มู่น่อนน่อนอย่างอบอุ่น “น่อนน่อน”
“อืม” มู่น่อนน่อนพยักหน้า ไม่ได้อยากจะสนใจเขาเท่าไหร่
มู่หวั่นขีที่เห็นภาพตรงหน้า ก็รู้สึกเกลียดจนกัดฟันแน่น แต่สุดท้ายก็พยายามฝืนยิ้มออกมา “ชูหาน จ่ายเงินให้น่อนน่อนด้วยสิ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจ่ายเสร็จแล้ว”
หลังจากมู่น่อนน่อนพูดจบ พนักงานแคชเชียร์ก็ยื่นใบเสร็จกับการ์ดดำคืนให้มู่น่อนน่อน “คุณผู้หญิง บัตรของคุณค่ะ”
เสียงของแคชเชียร์คนนั้นดึงดูดความสนใจของมู่หวั่นขีกับเสิ่นชูหานได้
เสิ่นชูหานเดินเข้ามาหาเธอ “น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนถอยหลังไปสองก้าว “มีอะไรรึเปล่า?”
เสิ่นชูหานเหมือนกับว่าไม่รับรู้ถึงท่าทีเย็นชาของเธอ เขาดูหดหู่เล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและสง่างามกว่าเดิม “ที่มาเจอกับเธอ เพราะว่าอยากจะพูดกับเธอสองประโยค”
หลังจากได้เจอกับเขา ท่าทีของมู่น่อนน่อนก็เย็นชาขึ้นมาก “ตอนนี้นายพูดเกินสองประโยคแล้ว ฉันยังต้องไปทำงาน ไปก่อนนะ”
เมื่อก่อนเธอชอบเสิ่นชูหานนั่นคือเรื่องจริง แต่ว่าคงเป็นเพราะว่าตอนนั้นเธอตาบอด ก็เลยคิดว่าเขาดีไปหมด
แต่ว่าหลังจากความคิดเปลี่ยนไป ตอนนี้เสิ่นชูหานสำหรับเธอนั้น มีแค่สถานะเดียวเท่านั้น ก็คือ——แฟนของมู่หวั่นขี
เสิ่นชูหานหัวเราะออกมา แล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เขาดูแลเธอดี ถ้างั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
มู่น่อนน่อน:“……”แม้แต่เซียวชู่เหอยังไม่พูดแบบนี้กับเธอเลย แล้วเสิ่นชูหานไปเอาความกล้ามาจากไหนที่มาพูดกับเธอแบบนี้
“ถ้าเกิดว่านายว่างขนาดนี้ ก็ไปโรงพยาบาลดูหน่อยเถอะนะ” อย่ามาประสาทเสียแถวนี้
เสิ่นชูหานเห็นว่ามู่น่อนน่อนห่างเขาไปเรื่อยๆ ความหดหู่บนใบหน้าก็ค่อยๆหายไป ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากเอาชนะ
ที่มู่น่อนน่อนเย็นชาขนาดนั้น ต้องเป็นเพราะว่าจะปิดบังความสงสัยแน่ๆ เธอชอบเขามาหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่จะเลิกชอบก็เลิกได้ง่ายๆหรอก
เฉินถิงเซียวยอมมอบแม้แต่การ์ดดำที่มีอยู่ไม่กี่ใบให้มู่น่อนน่อน แสดงว่าเขาคงดีกับเธอมาก
ตระกูลเสิ่นเริ่มตกต่ำในหลายปีที่ผ่านมา ขอแค่เข้าเกลี้ยกล่อมมู่น่อนน่อน ให้เธอช่วยดันเขา ให้เฉินถิงเซียวช่วยเหลือเขา แค่นี้ก็ทำให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นได้มากเลย
……
มู่น่อนน่อนมาถึงโต๊ะทำงาน พึ่งจะนั่งลง มู่หวั่นขีก็เข้ามา
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น “พ่อให้เธอไปหาที่ห้องทำงาน”
“เขามีเรื่องอะไรจะพูดงั้นหรอ?” มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วยืนขึ้นพร้อมกับมองหน้าเธอ
มู่หวั่นขีดูเหมือนว่าพูดมากไม่ค่อยได้ “ไปแล้วก็จะรู้เอง”
หลังจากมาถึงห้องทำงานของมู่ลี่เหยียน มู่น่อนน่อนก็เห็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่โดนไฟฟ้าช็อตไปเมื่อวานนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...