ตอนที่ 88 เธอมาคนเดียว
คำพูดของมู่น่อนน่อนไม่ค่อยน่าฟัง
แต่เธอก็คิดแบบนั้นจริง เซียวชู่เหอที่อยู่บ้านตระกูลมู่นั้น ดูภายนอกอาจจะเหมือนได้ใช้ชีวิตคุณนายไฮโซ แต่เมื่อเทียบกับคุณนายคนอื่นๆแล้ว เธอถึงว่าเลี้ยงง่ายมากแล้ว
ส่วนใหญ่แล้ว เซียวชู่เหอเอาแต่ยุ่งกับเรื่องการกินอยู่ของมู่ลี่เหยียนกับพี่ของเธออีกสองคน
ถึงเงินห้าสิบล้านไม่ใช่น้อยๆ แต่มู่ลี่เหยียนหามาได้แน่
แต่มู่ลี่เหยียนอาจไม่ยอมเอาออกมาก็เป็นได้
เห็นชัดว่ามู่หวั่นขีโกรธแล้ว แต่เธอก็เก็บอารมณ์โกรธนั้นเอาไว้อย่างปากแข็ง แล้วพูดว่า:“ถ้าหากมีเงิน พวกเราก็ต้องยอมเอาเงินห้าสิบล้านออกมาแน่?แต่ปัญหาคือตอนนี้พวกเราไม่มีเงินน่ะสิ!”
“ไม่มีเงินก็ไปหายืมมาซิ ”มู่น่อนน่อนไม่อยากเถียงกับมู่หวั่นขีอีก หันไปมองหน้ามู่ลี่เหยียน แล้วเรียกเขาคำนึง:“พ่อคะ!”
มู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วอย่างแน่น:“ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ว่ายังไงฉันก็จะหาเงินห้าสิบล้านมาครบให้ได้แน่ แต่มีเวลาแค่สองชั่วโมง จะให้ฉันไปหาเงินมาจากไหน!”
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจ ไม่นึกเลยว่ามู่ลี่เหยียนจะยอมเอาเงินออกมา
“หาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ”มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ก้มหน้าหาเบอร์ในมือถือตัวเอง
เธอเพิ่งจะนึกได้ นอกจากเสิ่นเหลียงแล้ว เธอแทบจะไม่มีเพื่อนคนอื่นอีกเลย
มู่ลี่เหยียนได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มโทรแล้ว
มู่น่อนน่อนเดินไปข้างๆ แล้วโทรหาเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงรับรับสายในทันที :“มีอะไรหรอ?ทานข้าวยังเนี่ย?”
มู่น่อนน่อนเม้มปากไว้:“เสี่ยวเหลียง ฉันอยากของยืมเงินกับเธอหน่อย”
“ได้สิ เธอจะเอาเท่าไหร่?”เสิ่นเหลียงสปอร์ตกับเธอมาตลอด ขอแค่เธอขอ เสิ่นเหลียงก็จะยืมให้เธอแน่นอน
เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก มู่น่อนน่อนได้แต่ทนความหน้าด้านพูดออกมา:“เธอ……มีอยู่เท่าไหร่?”
“มีสัก……สามสี่ล้านหยวนได้?ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันขอดูก่อน……”ระหว่างที่พูด เสิ่นเหลียงก็ค้นหาดูยอดเงินในมือถือของตัวเอง
พอทำถึงครึ่งนึงจู่ๆเธอก็ตระหนักถึงเรื่องมันแปลกๆ แล้วถามเธอ:“เธอจะเอาเงินมากขนาดนี้ไปทำไม?เกิดเรื่องอะไรหรอ?”
“แม่ฉันถูกลักพาตัวไป ต้องใช้เงินห้าสิบล้านไปประกันตัว”
“นั้นเธอก็รีบแจ้งความซิ!”
“ยังไงแล้วก็ต้องช่วยคนกลับมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”มู่น่อนน่อนกลัวเซียวชู่เหอจะเกิดเรื่อง กลัวคนร้ายจะฆ่าเธอ
อันที่จริง เสิ่นเหลียงอยากจะพูดว่าปล่อยให้แม่ใจร้ายของเธอตายๆไปซะก็ยิ่งดี
แต่เธอรู้นิสัยของมู่น่อนน่อนดี เรื่องนี้ ถ้ามู่น่อนน่อนไม่รู้ก็ถือว่าแล้วไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว ก็คงไม่ยอมปล่อยเฉยแน่
“ได้ ฉันจะโอนเงินให้เธอ”
“ขอบใจเธอมากเลยนะ”
มู่หวั่นขีและมู่ลี่เหยียนสังเกตท่าทีของมู่น่อนน่อนจากข้างหลังของเธอตลอด
ได้ยินที่มู่น่อนน่อนพูดว่า“ยังไงก็ต้องช่วยคนกลับมาให้ได้ก่อน”ตอนนั้น สีหน้าของมู่หวั่นขีก็ยิ้มได้ใจออกมา
เธอเดินไปที่มู่ลี่เหยียน พูดด้วยเสียงเบา:“หนูรู้อยู่แล้วว่ามู่น่อนน่อนต้องไม่ยอมอยู่เฉยโดยที่ไม่สนใจแม่แน่ๆ”
มู่ลี่เหยียนพยักหน้า ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างได้ใจ
……
เวลาสองชั่วโมงก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ทั้งสามคนเพิ่งจะหาเงินได้ไม่ถึงหกล้านหยวน ห่างจากห้าสิบล้านหยวนอีกมากเลย
มู่น่อนน่อนกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด
จู่ๆ มู่หวั่นขีก็เปิดปากเรียกเธอ:“มู่น่อนน่อน ฉันจำได้ว่าเธอมีแบล็คการ์ดของตระกูลเฉินอยู่ในมือไม่ใช่หรอ!”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเธอในทันที
คนร้ายบอกสถานที่มา จากนั้นก็พูดต่อ:“เธอต้องมาคนเดียว ถ้ามีตำรวจหรือคนอื่นมาด้วยแล้วละก็ พวกเรา——ฆ่าแม่ของเธอแน่!”
มือถือได้เปิดโหมดแฮนด์ฟรีไว้ มู่ลี่เหยียนและมู่หวั่นขีต่างก็ได้ยินเสียงของคนร้ายด้วย
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกๆในใจ
เธอรู้สึกว่าคนร้ายมุ่งเป้ามาที่เธอคนเดียวตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่เอ่ยถึงชื่อมู่ลี่เหยียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะว่าเธอเป็นคุณหญิงน้อยของตระกูล พวกเขาเลยคิดว่าเธอคงรวยมาก เพราะเหตุผลนี้จึงลักพาตัวเซียวชู่เหอไปงั้นหรอ?
ถึงเหตุผลนี้จะฟังขึ้น แต่เมื่อเอาการกระทำของคนร้ายมาประกอบเข้าด้วยกันแล้ว มันรู้สึกขาดๆบอกไม่ถูก
มู่หวั่นขีรีบถามเธอตัดหน้าก่อน:“ทำไมต้องให้เธอไปคนเดียว?”
“นี่มันไม่ปลอดภัย”มู่ลี่เหยียนพูดขึ้นมา:“เธอขับรถของหวั่นขีนำหน้าไป พวกเราจะตามหลังเธอมาเอง”
ในเรื่องที่จะช่วยเซียวชู่เหอ ทั้งมู่ลี่เหยียนและมู่หวั่นขีแสดงออกความมีน้ำใจและซื่อตรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ถึงมู่น่อนน่อนจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะยังไงซะ เซียวชู่เหอก็ใช้ชีวิตมากับพวกเขายี่สิบกว่าปี
พอมู่ลี่เหยียนพูดจบ แล้วถามมู่น่อนน่อนต่อ:“เธอขับรถเป็นมั้ย?”
มุมปากของมู่น่อนน่อนยกขึ้น ยิ้มอย่างประชด:“ขับเป็นค่ะ”
สี่ปีในมหาวิทยาลัย เธอต้องเลี้ยงดูตัวเอง บางครั้งก็รับงานเขียนบทละครบ้าง ได้เงินมาเยอะบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ครั้ง หักค่าเรียนและค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าที่ไปเรียนสอบใบขับขี่ ก็เป็นเงินที่เธอประหยัดเก็บออมมา
……
ที่อยู่ที่คนร้ายให้เธอมา คือโกดังรถร้างที่อยู่ชานเมือง แค่ฟังชื่อก็รู้ว่ารกร้างแค่ไหนแล้ว
หลังจากที่เธอตั้งตำแหน่งเสร็จ ก็เขียนข้อความและที่อยู่นี้ให้กับเสิ่นเหลียง เพื่อให้เสิ่นเหลียงช่วยแจ้งความ
ตอนนี้เธอต้องรีบไปแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าจะมีคนร้ายคอยเฝ้าดูระหว่างทาง เพราะฉะนั้น เธอเลยได้แต่ต้องให้เสิ่นเหลียงช่วยเธอแจ้งความเอา
หลังจากที่ข้อความถูกส่งออกไปเรียบร้อยแล้ว มู่น่อนน่อนก็รีบลบข้อความออกในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...