ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 108

พอซูอีเฉินพูดประโยคนั้นจบ ไม่รู้ทำไมอยู่ดี ๆ ตาก็กระตุกขึ้นมา

เขานึกถึงคำพูดที่หนักแน่นของว่านเทาขึ้นมา

[ประธานซูวางใจได้ครับ คุณหนูซู่เป่าอยู่กับนายท่านมู่จะไม่ได้รับอันตรายแน่นอนครับ]

ซูอีเฉินทำใจให้สงบมั่นคง เดินเข้าบ้านขึ้นชั้นบนผ่านสายตาเคลือบแคลงของคนทั้งบ้าน

นายท่านซูหน้าตาบอกบุญไม่รับ เอามือไพล่หลังพูดอย่างไม่พอใจว่า “แกเลี้ยงซู่เป่ามาตั้งนาน ยังปล่อยให้เขาแย่งไปได้”

ซูอิ๋งเอ่อร์ทำหน้าเห็นด้วยอย่างมาก “ใช่ ถ้าเป็นผมนะ คนแซ่มู่นั่นไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ตัวซู่เป่าไป ผมจะจัดการเขาด้วยมือเดียวเลยคอยดู”

ซูลั่วดันกรอบแว่นบนหน้าไม่พูดอะไร

ที่จริงถ้าคนตระกูลซูไม่ชอบมู่กุยฟานขนาดนั้นล่ะก็ ป่านนี้คงออกโรงไปชิงตัวกลับมาแล้ว

แต่เป็นเพราะมู่กุยฝานผ่านบททดสอบแรกของพวกเขาแล้วต่างหาก ถึงจะแซ่มู่แต่ไม่ต่ำตมเหมือนคนตระกูลที่จิงตู

ซื่อสัตย์กับประชน ซื่อสัตย์กับประเทศชาติ ถ้ามีสงคราม เรียกตัวเมื่อไหร่มาทันที

นิสัยใจคอผ่านด่าน

**

ขณะเดียวกัน มู่กุยฝานที่นิสัยใจคอผ่านด่านกำลังอุ้มซู่เป่าอยู่ เขามองไปที่หัวหน้าแก๊งกับรองหัวหน้ากองอีกสิบแปดคน

สีหน้าเขาเย็นชา วางมาดผู้นำ “จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่ลูกสาวฉัน ซู่เป่า คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่”

“ต่อไปคำพูดของเธอก็เท่ากับคำพูดของฉัน ถ้าเธอต้องการอะไรก็ให้ทำตามโดยไม่ต้องถามเหตุผล”

“ไม่ว่าเมื่อไหร่กฎข้อที่หนึ่งคือปกป้องเธอเสมอ”

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างขานรับพร้อมเพรียงกันอย่างหนักแน่น “ครับ”

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของมู่กุยฝานเองทั้งนั้น

เป็นทีมที่เขาฟอร์มขึ้นมาระหว่างตอนที่ร่อนเร่ ล้วนเป็นเพื่อนตายที่ไว้ใจได้

ตระกูลมู่แยกตัวออกจากสังคม แต่ก็เป็นตระกูลลับที่สามารถต่อกรกับตระกูลใหญ่ที่สืบเชื้อสายกันมานานในหลายประเทศได้

ถ้าเป็นทางการก็ออกรบได้ ถ้าไม่เป็นทางการ... ก็จัดการเรื่องที่ทางการไม่สะดวกจัดการเอง พวกเขาจัดการได้หมด

คนที่อยู่ในห้องโถงเหล่านี้ ไม่ว่าคนไหนก็เป็นคนใหญ่คนโตที่พึ่งพาได้ทั้งสิ้น

หน้าผากของซู่เป่าทายาแดงไว้ ผู้ชายเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยเรียบร้อยอยู่แล้ว ทายาแดงเป็นวงเบ้อเริ่ม ดูน่ากลัวทีเดียว...

จู่ ๆ เธอก็ยกมือแล้วพูดแก้ “เป็นคุณหนูเล็กต่างห่าง ไม่ใช่คุณหนูใหญ่”

ถึงแม้เธอจะไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว

แต่เธอเพิ่งจะสี่ขวบเอง

ผู้ใหญ่ถึงจะเรียกว่าคุณหนูใหญ่ เธอเป็นเด็กต้องเรียกว่าคุณหนูเล็กสิ

เจ้าตัวเล็กหน้าตาเข้มงวดจริงจัง ทำเอาพวกหัวหน้าแก๊งที่นั่งแถวหน้าอดขำไม่ได้

เขาเป็นคนทะเล้นอยู่แล้ว จึงแกล้งยอว่า “คุณหนูเล็กเก่งมาก คุณหนูเล็กแสดงความสามารถพิเศษให้ดูหน่อยสิครับ”

หัวหน้าแก๊งคนที่เหลือเห็นว่ามู่กุยฝานมีสีหน้าผ่อนคลายลงแล้วก็โห่ร้องตามไปด้วย

ที่สำคัญคือคฤหาสน์ตระกูลมู่ที่กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้ ย้อนไปก่อนหน้าสิบปีหรือกี่ประเทศที่ผ่านมา พวกเขาก็ไม่เคยเห็นว่าคุณท่านจะมีผู้หญิงข้างกายสักคน

แมลงวันตัวเมียสักตัวยังไม่มี

แต่ตอนนี้ที่เห็นเห็นเจ้าตัวเล็กนุ่มนิ่มนี่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของคุณท่าน ทุกคนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นอาแท้ ๆ ของหลาน ดีใจไม่อะไรเกิน

ซู่เป่าเอียงคอใช้ความคิด “อะไรก็ได้เหรอคะ? หนูยังไม่เคยไปโรงเรียนเลย ทำอะไรไม่เป็น...”

คนจำนวนมากปรบมือให้กำลังใจ

ไม่เป็นไร เด็กที่น่ารักขนาดนี้ จะร้องจะเต้นอะไรก็น่ารักทั้งนั้นแหละ

ระหว่างที่ทุกคนคิดว่าซู่เป่าจะแสดงอะไรที่เด็กผู้หญิงน่าจะแสดงกัน

ซู่เป่ามองซ้ายมองขวาแล้วเดินไปหน้าก้อนอิฐที่ชายคาบ้าน

“ฮ่า!”

เธอฟาดผ่ามือลงไป ก้อนอิฐแตกเป็นสองซีก

ทุบอิฐด้วยมือเปล่า!

หัวหน้าแก๊ง รองหัวหน้ากองทั้งหลาย !!!

แม่จ้าว!

มู่กุยฝานยิ้มค้าง

ซู่เป่าหันมามอง ทำใพวกคุณอาถึงอึ้งกันหมดเลย

เห็นไม่ชัดหรือไง?

ซู่เป่าหยิบอิฐขึ้นมาใหม่อีกก้อน “ฮ่า!”

ทุกคน !!!

มู่กุยฝาน “...”

ลูกสาวเขาเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?

ซู่เป่าทำปากแบะอารมณ์ไม่ดี “ซู่เป่าแสดงไม่น่าดูเหรอคะ?”

อยากกินอาหารฝีมือคุณยายแล้ว

มู่กุยฟานเดินตรงไปที่รถออฟโรดด้วยความเคยชิน แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เราไม่ไปคันนี้แล้ว”

ซู่เป่ามองผีผู้หญิงที่นั่งรออยู่ที่เบาะหลังตั้งนานแล้วถามว่า “ทำไมคะ?”

มู่กุยฝานตอบเรียบ ๆ “สกปรก”

ซู่เป่าเหมือนจะเข้าใจ รถก็สะอาดดีนี่นา หรือว่าที่พ่อบอกว่าสกปรกจะหมายถึงผีผู้หญิง?

แต่พ่อไม่เห็นผีนี่นา

ซู่เป่าแปลกใจ เอาหน้าไปใกล้หูมู่กุยฝานกระซิบถามว่า “พ่อ พ่อก็เห็นคุณน้าที่นั่งอุ้มหัวเหรอ?”

มู่กุยฝาน “อะไรอุ้มหัว?”

เขามองตามสายตาซู่เป่าไปที่เบาะหลัง คนเฒ่าคนแก่บอกว่าเด็ก ๆ มักจะมองเห็นของสกปรกได้

หรือว่าเธอจะเห็น...

คิดมาถึงตรงนี้ มู่กุยฝานก็ดึงสติกลับมาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็อดเอือมตัวเองไม่ได้

นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย?

นี่มันยุควิทยาศาสตร์ ประเทศชาติสงบสุข

“ไม่มีอะไร” มู่กุยฝายบีบมือซู่เป่าเบา ๆ “อย่าพูดมั่ว ๆ สิลูก”

มู่กุยฝานพาซู่เป่าไปที่โรงจอดรถ เลือกรถออฟโรดสีเขียวทหารที่สะอาดและไม่ค่อยได้ขับมาคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปทางบ้านซู

ซู่เป่าเกาะขอบหน้าต่างมองไปข้างหลัง

ด้านหลังรถ ผีผู้หญิงตัวนั้นอุ้มหัวตามพวกเขามาอย่างเร็ว

“เดินทางตอนกลางวันได้ แสดงว่าเป็นผีร้าย” ซู่เป่าพึมพำ “ตกลงเป็นผีอะไรกันแน่?”

**

คนตระกูลซูรอจนถึงเที่ยง ถึงได้เห็นรถออฟโรดสีเขียวทหารขับมาอย่างไม่เกรงใจใคร ขับมาเบรกเอี๊ยดที่หน้าประตูบ้าน

ซู่เป่าโผล่หัวออกมาจากหน้าต่างรถ ตะโกนเสียงเจื้อยแจ้ว “คุณอาเนี่ยเปิดประตูให้หน่อยค่ะ”

อาเนี่ยรีบเปิดประตู พูดด้วยความดีใจ “คุณหนูเล็ก ในที่สุดก็มาสักทีนะครับ! คุณยายของคุณหนูคิดถึงคุณหนูมากเลย”

แต่พอหันมาเห็นหน้าผากของเธอชัด ๆ อาเนี่ยก็ตะลึงไป

นี่...นี่คือ?

ประธานซูบอกว่าคุณหนูจะไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บไม่ใช่เหรอ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน