ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1280

ซูจิ่นอวี้ลอยไปด้านข้าง น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากออกเสียงใดๆ

“แม่ แม่ยังมีซู่เป่านะ และยังมีอวี้เอ๋อร์ พวกเราอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้เสมอ...”

จู่ๆ นายหญิงซูก็กลับมามีสติอีกครั้ง เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของซู่เป่า ได้ยินเธอบอกว่ากลัว

เธอกอดเด็กดีตัวน้อยเอาไว้แน่นในอ้อมแขน ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหวร้องไห้เสียงดังออกมา

นายหญิงซูโน้มตัวลงไปและกอดซู่เป่าเอาไว้พร้อมเสียงร้องไห้อันกึกก้อง “ซู่เป่า ยายไม่มีเจ้าเจ็ดแล้ว เจ้าเจ็ดของยายไม่มีชีวิตอยู่มากระโดดโลดเต้นดีใจต่อหน้ายายอีกต่อไปแล้ว “

“ยายไม่มีเจ้าเจ็ดอีกแล้ว...”

อวิ๋นเจาของเธอ เปรียบเสมือนแสงยามเช้าเคียงข้างเมฆขาว ครั้งหนึ่งมันส่องแสงเจิดจ้า เต็มไปด้วยพลังและความหวัง

แต่กลับจากโลกนี้ไปอย่างรวดเร็ว ต่อจากนี้เธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นแสงยามเช้ากันอีกแล้ว

เธอตั้งชื่อเขาว่าอวิ๋นเจา ออกเสียงว่าเจา หวังให้เขาเป็นดั่งแสงอาทิตย์ยามแปดเก้าโมงเช้า...

สมัยเด็กตอนเช็คชื่อ ทุกครั้งที่คุณครูออกเสียงผิด เธอจะแก้ไขอย่างไม่ย่อท้ออยู่เสมอว่าออกเสียงเจา ไม่ใช่เชา

ต่อมาพอเขาเติบโตขึ้น เธอก็ไม่ได้แก้ต่างชื่อของเขาอีกต่อไปแล้ว เธอจะหัวเราะออกมาเมื่อคนอื่นจำชื่อเป็นซูอวิ๋นเชา ไม่ว่าจะเรียก ‘เชา’ หรือ ‘เจา’ ก็เหมือนกันทั้งนั้น...

ทว่าต่อจากนี้เธอไม่มีโอกาสได้แก้ชื่อให้เขาอีกแล้ว เธอมาเสียดายทีหลังว่าตอนนั้นทำไมไม่แก้ต่างชื่อของเขาให้ถูกต้องให้มากกว่านี้?

“ยายรอลุงเจ็ดของหนูกลับมาแทบไม่ไหวแล้ว...” นายหญิงซูอดไม่ไหวที่ร้องไห้

ทุกคนตาแดงก่ำและมีเสียงกลั้นสะอื้น พวกเขาหวั่นกลัวเมื่อหญิงชราไม่ร้องไห้ ทว่าเมื่อเธอร้องไห้ก็ยังคงหวั่นกลัวอยู่ดี

หวั่นกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ กลัวว่าเธอจะใจสลายถึงขีดสุดหลังร้องไห้ออกมา หากล้มป่วยจนลุกไม่ไหวจะทำอย่างไร

ซูอวิ๋นเจาลูกกระเดือกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด รู้สึกราวกับว่ามีสำลีติดอยู่ในลำคอ เหลือเพียงช่องให้น้ำตาระบายออกมา

เขามองเห็นยาลูกกลอนที่อยู่ในกำมือของซู่เป่า เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ จากนั้นก็พูดอย่างออดอ้อน “แม่ ผมอยากกินลูกกวาด”

นายหญิงซูน้ำตาร่วงหล่นออกมาไม่หยุด แล้วพูดอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ ว่า “กินขนม ได้สิ กินลูกอม...เจ้าเจ็ดของพวกเราอยากกินลูกกวาด”

เขาต้องรู้สึกขมขื่นมากแน่ๆ เมื่ออยู่ข้างนอกนั่น ขณะที่พลีชีพเจ็บปวดมากใช่ไหม?

เมื่อยังเป็นเด็กเขากลัวความเจ็บปวดเป็นที่สุด ทุกๆ ครั้งที่เขาต้องฉีดยาเธอต้องเอาลูกกวาดพกเข้าไปด้วยเขาถึงจะยอม

“ลูกกวาด...” นายหญิงซูควานหาลูกกวาดอย่างลุกลี้ลุกลน

ซู่เป่ารีบเทยาลูกกลอนในกำมือออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “คุณยาย นี่ค่ะลูกกวาด...”

นายหญิงซูอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอร่ำไห้ไปพลางกำชับตักเตือนเขา

ซูอวิ๋นเจาพูดครั้งแล้วครั้งเล่า “แม่ไปกับผมไม่ได้ ผมจะกลับมาเฝ้าดูแม่บ่อยๆ นะ...”

นายหญิงซูทำได้เพียงแค่พยักหน้า “ได้สิ...”

ทว่าเธอไม่กล้าร้องขอมากเกินควร หลังคนเสียชีวิต ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพญายม ไม่ว่าที่ไหนก็ย่อมมีกฎ หากกลับมาได้ตามอำเภอใจ บนโลกนี้จะแบ่งโลกความตายและโลกโลกียะไปทำไมกัน

ซูอีเฉินกำลังประสานกับคนจากเหล่ากรมทหารที่อยู่ข้างนอก จดบันทึกว่าจะรับศพกลับมาเมื่อไร จะทำพิธีและนำศพไปฝังเมื่อไร

คุณท่านซูที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างหลังซูอีเฉินตั้งแต่ตอนไหน ราวกับคนแก่ที่กลายเป็นเด็กสิบขวบ ฟังลูกชายของตัวเองเตรียมงานศพอย่างเงียบๆ

ซูอิ๋งเอ่อร์ยืนตะลึงงันอยู่ที่หน้าประตู สติของเขาไม่อยู่กับเนื้ออีกตัวอีกเลย เขาฟังเสียงแม่กำลังร้องไห้อย่างว่างเปล่า มองดูพี่ใหญ่คุยเรื่องรับศพกับเหล่าคนจากกรมทหารอย่างแน่นิ่ง มองดูพ่อยืมโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างเรียบเฉย ยืนฟังด้วยสีหน้าอันเจนโลก

ซูจื่อหลินก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเขา “พ่อ กลับเข้าไปก่อนเถอะ ตรงนี้เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”

คุณท่านซูส่ายหัว “ให้ฉันช่วยเถอะ แม่ของแกจัดการเรื่องพวกนี้ไม่ได้ งานนี้จำเป็นต้องมีผู้อาวุโส...”

ลมหิมะพัดแรง กลบเสียงที่อยู่เบื้องหลังคุณท่านซู

และยังปกคลุมซูอี้เซินและซูจิ่นม่อที่ยืนอยู่ข้างนอก ทั้งสองคนมือและเท้าแข็งทื่อ เมื่อมองดูผืนโลกแผ่นฟ้า ก็รู้สึกว่ามืดมนหม่นหมองไปหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน