ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1299

คำแก้ตัวของเจ้าของร้านเสื้อผ้าทำให้ผีบำเพ็ญด้วยกันพลอยเห็นดีกับเขาไปด้วย

พวกเขาก็จนใจเหมือนกัน ถ้าอยู่ดีดีได้ ใครบ้างไม่อยากเคารพกฎ

ทรัพยากรในการบำเพ็ญมีจำกัดจริงๆ ทั้งยังถูกกฎแห่งวิถีกดขี่จนรู้สึกหายใจไม่ออก ยิ่งนานวันยิ่งยากลำบาก

หากวันหนึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่รอด แน่นอนว่าพวกเขาต้องพยายามแย่งมาอย่างสุดความสามารถ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

เมื่อเจ้าของร้านเสื้อผ้าเห็นพญายมนิ่งเงียบก็แอบดีใจ

มีหวังแล้ว!

ท่านพญายมที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง

เด็กคนหนึ่งถึงจะเก่งกาจเพียงใด ความคิดความอ่านก็ยังไม่โตเท่าผู้ใหญ่ ยังถูกโน้มน้าวได้ง่ายอยู่ดี

เด็กจะใจอ่อนง่ายที่สุดเพียงแค่แกล้งทำเป็นน่าสงสาร

ครั้นแล้วก็เจ้าของร้านเสื้อผ้าจึงพูดทั้งน้ำตาว่า “ท่านพญายม หากจะโทษก็คงต้องโทษสวรรค์ กฎแห่งวิถีกดขี่ให้อยู่รอดอย่างยากลำบาก บีบให้ทุกคนต้องต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง...”

“กฎไม่ลงโทษคนหมู่มาก ท่านได้โปรดเมตตาข้าสักครั้งเถิด ต่อไปข้าก็ไม่กล้าทำอีกแล้ว ข้าสาบาน...”

ซู่เป่ารู้สึกตัว และมองไปทางเจ้าของร้านเสื้อผ้าอีกครั้ง

กฎไม่ลงโทษคนหมู่มาก?

กฎไม่ลงโทษคนหมู่มากจริงๆ เหรอ

เพราะคนชั่วมีเยอะก็เลยถือว่าพวกเขา “ไม่ผิดกฎ” ได้เหรอ

ซู่เป่าโบกมือเพื่อจับปากกาลูกลื่นของพญายมมาไว้ในมือแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ติดสินบนยมบาลต่อหน้าธารกำนัล เพิ่มโทษอีกหนึ่งขั้น ตกนรกย่อยอีกสิบแปดขุม”

เจ้าของร้านเสื้อผ้าถลึงตาโต

ไม่ใช่สิ นางเห็นด้วยกับคำพูดของพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ

เหตุไฉนถึงยังลงโทษเขา

เจ้าของร้านเสื้อผ้าไม่ยอม และตะโกนร้องไม่หยุด แต่ซู่เป่าเพียงโบกมือก็ส่งเขาและผีร้ายอีกสองตนไปลงนรกทันที

เหล่าภูตผีต่างหวาดกลัว และไม่กล้าแม้จะหายใจเสียงดัง พวกผีบำเพ็ญยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าหนีและไม่กล้าขยับ

กลัวว่าท่านพญายมจะคิดบัญชีพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย

ซู่เป่ากวาดสายตามองหนึ่งรอบก่อนจะพูดว่า “ฟ้ามีตา”

ทันใดนั้น เธอพลันขมวดคิ้วแล้วเปลี่ยนวิธีพูดใหม่ “ควรถามใจตัวเองว่าเป้าหมายสูงสุดของการบำเพ็ญคืออะไร การกระทำในวันนี้ สักวันหนึ่งจะเป็นเหมือนดังพายุฝนกระหน่ำตามคืนสนองตัวเอง พวกเจ้าจงระวังตัวให้ดี”

จริงอยู่ที่ทุกคนเป็นแบบนี้เพราะการบำเพ็ญนั้นยากลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ควรลืมเจตนารมณ์แรก ไร้ซึ่งศีลธรรมและขอบเขต ไม่อย่างนั้นแล้วทั่วทั้งยมโลกก็ไม่ต่างอะไรกับขุมนรก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซู่เป่าพลันหยุดชะงัก

เดี๋ยวก่อน ทั่วทั้งยมโลกกลายเป็นขุมนรก?

จู่ๆ ไม่รู้ทำไมซู่เป่าถึงรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย และใจสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อบรรพบุรุษที่กำลังตกตะลึงกับการตัดสินที่เฉียบแหลมของเด็กน้อยเห็นอาการเธอจึงรีบถามว่า “เป็นอะไรไป”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”

จากนั้นเหล่าภูตผีที่มุงดูอยู่ก็ถูกไล่ออกไป

ในที่สุดผู้ดูแลโรงเตี๊ยมที่กำลังตัวสั่นงกๆ ก็พบว่าพญายมตัวน้อยเป็นคนที่คุยง่าย ไม่ได้อวดเบ่งอย่างที่คิด และยังเรียกให้เขาไปช่วยเหลือเรื่องของตัวเองอีก...

เขาออกจากประตูไปโดยยังงงๆ อยู่ ผ่านไปนานพอสมควรถึงรีบไปหาเถ้าแก่ใหญ่

ท่านพญายมพักในโรงเตี๊ยมของพวกเขาทั้งที่

จะมั่วรีรอชักช้าได้ยังไง...

ไม่รู้ว่าข้างในมีของดีอะไรบ้าง โอกาสแบบนี้พันปียังหาได้ยากนะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผีบำเพ็ญที่ซุ่มซ่อนเพื่อคอยหาโอกาสอยู่คงพุ่งเข้าใส่ตั้งนานแล้ว ร้านค้าที่ถูกปิดเพราะผิดกฎ ใครมาก่อนใครก็ได้ของดีไป

แต่ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเหยียนหลัวหวังก็อยู่ย่านนี้ ใครจะกล้าแตะ?

เถ้าแก้เนี้ยยุ่งจนหัวหมุนอยู่บนชั้นสองของร้านเสื้อผ้าเพราะถูกเรียกตัวมาอย่างกะทันหัน

ตอนนั้นนางกับสามีทะเลาะกันเพราะทัศนคติไม่ตรงกัน นางไม่อยากเปิดร้านมืด นอนงอมืองอเท้ารอตัวเงินตัวทองมาติดกับแล้วเชือดจึงจากไปด้วยความโกรธ และออกเดินทางบำเพ็ญเพียรคนเดียว

แต่ใครจะรู้ว่าสามีของนางจะถูกตัดสินให้ตกนรก

เถ้าแก่เนี้ยรู้ดีว่าด้านนอกมีดวงตาไม่รู้กี่คู่กำลังจ้องเขมือบร้านนี้ บีบให้นางยกร้านรวมถึงสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ภายใน แต่นางก็ไม่ยอม

แต่ถ้าเก็บของใส่ถุงแล้วนำติดตัวไป นางไม่มีทางออกไปพ้นตลาดผีนี้แน่

ยอมทิ้งร้านนี้หรือไม่ก็หาทางรักษามันไว้ ยังไงสามีเหี้ยก็ตกนรกไปแล้ว ของทุกอย่างในนี้เป็นของนาง แล้วทำไมนางจะไม่ต้องการมันล่ะ

ในขณะที่นางกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี จู่ๆ ผู้ดูแลของโรงเตี๊ยมที่อยู่ปลายถนนก็มาหานาง

“เถ้าแก่เนี้ย... โอ้ ตอนนี้ต้องเรียกว่าเถ้าแก่หงแล้ว” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมพูด “ขอเดาว่าตอนนี้เจ้าคงกำลังคิดหาวิธีรักษาร้านนี้ไว้ใช่หรือไม่”

เถ้าแก่เนี้ยถูกเขาพูดแทงใจดำ ถามอย่างจริงใจว่า “หลงจู๊หลีมีอะไรจะแนะนำหรือไม่”

หลงจู๊หลีหัวเราะคิกคัก “ไม่กล้าแนะนำหรอก แต่มันเป็นเรื่องที่เจ้าควรรู้ พญายมตัวน้อยชอบของล้ำค่าในร้านของเจ้ามาก...”

เถ้าแก่หงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด “เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว แต่ไม่กล้ายกให้และยกให้ไม่ได้ด้วย มันเท่ากับเอาตัวเองไปเสี่ยงตายชัดๆ”

ท่าทีของพญายมตัวน้อยแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่าไม่รับสินบน

หลงจู๊หลียิ้มจางๆ “ไม่ได้ให้เจ้าเข้าทางพญายมตัวน้อย... แต่ให้เจ้าเข้าทางบรรพบุรุษของนาง”

“เจ้ารู้สถานะของบรรพบุรุษของพญายมตัวน้อยหรือไม่ เพียงแค่เขายอมพยักหน้า ร้านของเจ้าจะรักษาไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขาแล้ว”

เถ้าแก่หงดูเหมือนจะเห็นที่พึ่งสุดท้าย รีบถามว่า “สถานะอะไรหรือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน