ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1318

ซืออี้หรันและชายชุดคลุมสีดำตามกันเข้าไปในภูเขาหลี

ไม่นานนัก บรรพบุรุษและซูอวิ๋นเจาก็กลับมาแล้ว บรรพบุรุษนั้นคอยระแวดระวังอย่างเต็มที่ เมื่อรู้ว่าซู่เป่าเข้าไปในภูเขาหลีแล้ว ใจของเขาก็ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง

ซูอวิ๋นเจาจึงเอ่ยถามขึ้น “บรรพบุรุษ ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?”

ตอนนี้เขาร้อนใจเหลือเกิน นี่เป็นครั้งแรกหลังความตายที่เขารู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ ราวกับมดที่กำลังมองดูช้างสู้กัน

และเขาก็คือมดตัวนั้น !

ช่วยอะไรก็ไม่ได้ จะมองดูก็ไม่ถ้วนทั่วสักอย่าง

บรรพบุรุษเอ่ยตอบอีกฝ่าย “เบื้องหลังของภูเขาหลีก็คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์คุนหลุน ยังไม่เคยมีผีบำเพ็ญตนใดที่ย่างกรายเข้าไปได้ ต่อให้เป็นตบะของฉันในตอนนี้ ฉันก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปด้วยซ้ำ”

“ต้องรีบตามหาพ่อของเธอให้เจอ ฉันเข้าไปก่อนละ แกกับผีดวงซวยก็ไปหามู่กุยฝานด้วยกันซะ”

ซูอวิ๋นเจานึกอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขายังจะพูดอะไรได้ล่ะ ?

ก่อนที่จะไป บรรพบุรุษก็ถอยกลับมาอีกครั้ง มองดูเขาอย่างจริงจัง “สถานการณ์มันวิกฤติเกินไป ฉันไม่อาจปกป้องพวกแกสองคนได้ด้วยตัวเอง... ทำได้แค่ทิ้งแกไว้สักพัก”

“แกต้องระวังตัวเองให้มาก”

ซูอวิ๋นเจารีบพูดขึ้นทันที “บรรพบุรุษ ท่านรีบไปหาซู่เป่า ไม่ต้องสนใจผม ! ก่อนตายผมก็ผ่านสมรภูมิมาเยอะ ผมจัดการเองได้ !””

บรรพบุรุษรู้สึกละเศร้าใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ลื่อกับลืบของเขาทั้งคน เขาต้องไม่ยินดีที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่ไกลจากระยะสายตาของตนเอง

เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นคนที่พาพวกเขาสองคนออกมานี่นะ...

ผีดวงซวยถอนหายใจครั้งหนึ่ง ทั้งร้อนใจทั้งไม่รู้จะทำอย่างไร “เราไปกันเถอะ... ช่างเถอะ ฉันไม่ไปกับนายจะดีกว่า”

เมื่อครู่นี้ตอนระหว่างทาง ซูอวิ๋นเจาก็สะดุดล้มไปสองที ถูกกิ่งไม้ฟาดหน้าอีกสี่ที่ หากมิใช่เพราะบรรพบุรุษคอยดึงไว้ เขาคงไม่ได้มาไวถึงขนาดนี้

ซูอวิ๋นเจาจึงเอ่ยตอบ “งั้นก็แยกย้ายกันลงมือเถอะ นายเองก็ปกป้องฉันไม่ได้สักเท่าไร ฉันไปเองแล้วกัน”

ผีดวงซอยถอยออกไปสองสามก้าวแล้วจึงค่อยถามออกมา “นี่นายจะไปไหนน่ะ ?”

ซูอวิ๋นเจาลองคำนวณเวลาแล้ว ไม่รู้ว่าน้องสาวอยู่กับผู้เป็นแม่มานานถึงเพียงนั้น ตอนนี้ได้ลงมาแล้วหรือยัง หากว่าลงมาแล้ว มู่กุยฝานก็น่าจะลงมาแล้วเช่นกัน

หากทั้งสองคนลงมาก็จะพบว่าซู่เป่าไม่ได้อยู่ที่โลกใต้พิภพ ใต้เท้าจี้จะบอกพวกเขาเองว่าซู่เป่าไปที่ใด มู่กุยฝานก็น่าจะพาอวี้เอ๋อร์ออกมาตามหาซู่เป่าด้วยกัน

ความสามารถในการติดตามของมู่กุยฝานนั้นเยี่ยมยอดมาก หากว่าพบตัวของซู่เป่า ก็น่าจะตามหาจนถึงเมืองหลีแล้ว

“ฉันจะไปเมืองหลี นายไปทางโลกใต้พิภพแล้วกัน”

ว่าแล้วผีทั้งสองตนจึงแยกย้ายกันเสียตั้งแต่ตรงนี้

แต่สิ่งที่ทำให้ซูอวิ๋นเจาผิดคาดก็คือ เขาเพิ่งจะเดินได้ไม่ทันไร ก็เห็นร่างของคนสองคนปรากฏตัวขึ้นในทันที !

มู่กุยฝานจูงมือซูจิ่นอวี้มา สีหน้าดูวิตกกังวล

“ซู่เป่ามีอันตราย” เขาเงยหน้ามองทุกคน แล้วพาซูจิ่นอวี้เหาะไปทางภูเขาหลีทันที

พอซูจิ่นอวี้ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับซู่เป่าก็รีบถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้คุณบอกว่าเจอร่องรอยของซู่เป่าแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ซู่เป่าถึงได้...”

เดิมทีตลอดทางที่ทั้งสองคนเดินทางมา แม้จะผ่อนคลายใจ แต่ทั้งคู่ต่างก็อยากจะเจอลูกสาวให้เร็วขึ้นอีกหน่อยกันทั้งนั้น

ความเร็วของมู่กุยฝานนับว่าไม่ช้าเลย สามารถตามหาเส้นทางที่ซู่เป่ากับบรรพบุรุษและพวกซูอวิ๋นเจาเดินผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพอถึงเมืองหลีก็เริ่มค้นหาข่าวคราวของซู่เป่าแล้ว

พอรู้ว่าซู่เป่ากับบรรพบุรุษพาซูอวิ๋นเจาออกมา “ล่า” พวกเขาก็ตาออกมาทันที คิดไม่ถึงว่าพอถึงตรงนี้ มู่กุยฝานจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

รูปร่างสูงใหญ่ แรงอาฆาตบนตัวก็มีมากกว่า จนแม้แต่ซู่เป่ายังรู้สึกได้ถึงความอันตราย

อีกทั้งสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวทีละตน หากแต่ปรากฏตัวทีละฝูง แค่โผล่ออกมาก็ล้อมตัวหญิงสาวเอาไว้แล้ว

“ไม่น่าล่ะ บรรพบุรุษถึงบอกว่าไม่มีใครเคยเข้าภูเขาหลีมาได้...”

สถานการณ์เช่นนี้ หากมิใช่ว่าหญิงสาวเคยเรียนการวาดค่ายกลส่งตัวกลางอากาศมาก่อนจนสามารถ “วาบ” ได้ เธอก็คงต้องติดอยู่ที่นี่เช่นกัน

ซู่เป่าไม่เคยลืมว่าใต้หุบเหวผีร้อง ทุกสิ่งยึดติดล้วนสามารถกลายเป็นสิ่งยึดติดที่กักขังตนเองไว้ได้ หากว่ามีการฆ่าฟันกับสัตว์อสูรในภูเขาหลีมากเกินไป จุดจบก็คงจะไม่ต่างกันนัก !

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซู่เป่าก็กัดฟันยกมือขึ้น จนแสงสีทองสว่างวาบ ร่างของหญิงสาวก็เลือนหายไปเช่นกัน

สัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าต่างก็พากันยืนมองตาถลน

เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่อยู่ด้านนอกแล้ว สติปัญญาของพวกมันเทียบเท่าได้กับมนุษย์ที่มีอายุราว ๆ สิบเอ็ดสิบสองปี “เหยื่อ” ที่เพิ่งล้อมไว้กลับหายไปกะทันหัน ทำให้พวกมันถึงกับถลึงตาด้วยความตกตะลึงขึ้นมาทันที

ซู่เป่าที่หนีออกมาก็ปรากฏตัวบนที่ราบของภูเขาอีกครั้ง

หญิงสาวจำไม่ได้แล้วว่าตนเองได้เห็นที่ราบของภูเขาเช่นนี้มากี่ครั้งแล้ว และจำไม่ได้ว่าตัวเองวาบมากี่ครั้ง เธอรู้เพียงแต่ว่าพลังหยินในจุดตันเถียนสีม่วงของตนนั้นน้อยลงไปทุกที

ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แค่ลำพังวาบเพื่อหนีอยู่ในภูเขาหลี ก็แทบจะใช้พลังทั้งหมดของเธอเสียแล้ว

“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่...”

ซู่เป่ากัดฟันแล้วมองไปรอบ ๆ

ฉับพลันเธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน