แม่ของจวิ้นเหย้าพูดจนทำให้ครูประจำชั้นรู้สึกอับอาย
ตอนแรกก็มีความสุขกันอยู่หรอก พอมามีเรื่องนี้เลยทำให้บรรยากาศดูหดหู่ลงไป
“เป็นห้องเรียนพ่อครัวของทางการทหาร แล้วก็…” ครูประจำชั้นอยากที่จะอธิบาย
แต่เห็นได้ชัดว่าแม่ของจวิ้นเหย้าไม่อยากที่จะฟัง เธอโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณครู เรื่องนั้นฉันทราบดีอยู่แล้ว แต่ว่าลูกชายของฉันเขาไม่กินอาหารนอกบ้านน่ะค่ะ”
“งั้นเป็นแบบนั้นก็ได้!” ครูประจำชั้นก็ไม่อยากที่จะยุ่งด้วยแล้ว ยิ่งเวลาสำคัญแบบนี้เรื่องน้อยหน่อยเห็นจะดีกว่า
เธอไปเรียกจวิ้นเหย้าออกมา
จวิ้นเหย้าเดินออกมาท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้น และใบหน้าของเขาก็แดงเหมือนถูกไฟเผา
พอเดินมาถึงแล้ว เขาก็พูดออกมาอย่างอัดอั้นว่า “แม่! แม่ทำอะไรเนี่ย… แม่ทำแบบนี้แล้วเพื่อน ๆ จะมองผมยังไง ทำแบบนี้มันทำให้ผมขายหน้ามาก!”
แม่ของจวิ้นเหย้าพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “มีอะไรให้ขายหน้ากัน?! ก็แค่เรียกลูกออกมาแปปเดียวไม่ใช่หรือไง? ที่แม่ทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นแหละ!”
เธอบ่นไปพลางหยิบของที่ตัวเองเตรียมมาพลาง “ช่วงการเตรียมสอบเข้านั้น ทุกอย่างจะต้องให้ความสำคัญมากกว่าเดิม แม่บอกให้ไม่ต้องกินของไปเรื่อยทำไมไม่ฟังแม่ล่ะ แม่จะเคยทำร้ายลูกหรือยังไง?”
ฮวาจวิ้นเหย้าได้แต่รู้สึกอัดอั้น
“รู้แล้ว!” เขาพยักหน้าอย่างจำใจ พูดออกมาด้วยความอดกลั้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากต่อต้าน แต่ว่าเขาได้ลองพูดคุยกับแม่เขาแล้วหลายที ผลลัพธ์ก็ยังเป็นแบบเดิม
ฮวาจวิ้นเหย้ารู้ว่าการเชื่อฟังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับแม่ของเขาแล้ว ไม่งั้นล่ะก็ถ้าแม่เขาแค่บ่นนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี แต่ถ้าหนักหน่อยก็จะถามคำถามอย่างจริงจัง
“เมื่อกี้ได้ดื่มชาเย็นนั้นไหม?” แม่ของจวิ้นเหย้ามองเขาพร้อมถามขึ้น
ฮวาจวิ้นเหย้าพูดว่า “ไม่ได้กิน ไม่ได้กิน!”
แม่ของจวิ้นเหย้าโล่งใจแล้วพูดว่า “อย่างงั้นก็ดี! แม่บอกไว้เลยนะ คราวหลังถ้าแม่ไม่อยู่ด้วย ลูกต้องระวัง ๆ หน่อย ได้ยินไหม?”
ฮวาจวิ้นเหย้าพยักหน้าอย่างจำใจ และรับซุปถั่วเขียวที่แม่ของเขาต้มมาที่มีแต่รสชาติจืดชืด
เขามองไปทางห้องเรียนที่สามารถได้ยินเสียงสนุกสนานวุ่นวายของเพื่อน ๆ
แล้วก็มองกลับมาที่ซุปถั่วเขียวในมือของตัวเอง ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและน้อยใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แม่ของจวิ้นเหย้ายังบ่นอยู่ข้าง ๆ ว่า “ถั่วเขียวลดความเย็น…ส่วนสาหร่ายเพิ่มธาตุเหล็ก…”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวแม่ดูก่อนว่าจะยื่นเรื่องกับโรงเรียนให้แม่มาดูแลที่โรงเรียน… ไม่งั้นแม่กลัวว่าลูกจะไปกินอะไรมั่วอีก…”
ฮวาจวิ้นเหย้นรู้สึกหายใจไม่ออก “แม่ไม่ต้องมา…”
ตอนที่เขาอยู่บ้าน เขาจะกินอะไร กินข้าวกี่โมง อาบน้ำกี่โมง เข้านอนกี่โมง ถึงขั้นว่าจะเข้าห้องน้ำกี่โมงก็ต้องขึ้นอยู่กับแม่เขา
เธอวางแผนเวลาของเขาไว้หมดแล้ว เขามีหน้าที่ต้องทำตามแผนที่เธอวางไว้
ฮวาจวิ้นเหย้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่เชือกควบคุมตุ๊กตาอยู่ในมือเธอ เธอยกเขาก็เคลื่อนไหว แต่ถ้าเริ่มมีความคิดของตัวเองสักหน่อยล่ะก็ เธอก็จะหงุดหงิดโมโห…
แม่ของฮวาจวิ้นเหย้าพูดออกมาอย่าไม่สนใจว่า “เธอคิดว่าแม่อยากมารึไง แม่ก็ต้องทำงานนะ แต่ว่าเธอกำลังเตรียมตัวสอบเข้าแล้ว แม่เสียสละตัวเองหน่อยก็ได้”
ฮวาจวิ้นเหย้านิ่งเงียบไม่ตอบรับ เธอจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง
เขาไม่ต้องการการเสียสละแบบนี้ของเธอจริง ๆ นะ!
แต่พออธิบายแล้ว ฮวาจวิ้นเหย้าก็รู้สึกว่าอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม ทำยังไงเขาก็อึดอัดอยู่ดี
วันนั้นเอง เพื่อนร่วมชั้นต่างก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าประกอบกับได้ฟังรุ่นพี่ให้กำลังใจ ทุกคนก็เหมือนกระตือรือร้นมากขึ้นและรู้สึกว่าพวกเขาพร้อมมากขึ้น เหมือนกับว่าถูกกระตุ้นขึ้นมา
มีก็แต่ฮวาจวิ้นเหย้าที่มีดูอึมครึม ไม่มีชีวิตชีวา
**
ซืออี้หรันให้กำลังใจกับห้องสามก็เข้าไปหาซูเป่า‘อย่างเปิดเผย’
ถึงแม่ว่าจะดูไม่มีประโยชน์อะไรแต่เขาก็พอใจแล้ว
“พี่อี้หรัน!”
พอดีกับเวลาเลิกเรียน ซู่เป่าเดินออกมาเตรียมตัวที่จะไปส่งซืออี้หรัน
ซืออี้หรันก็หันกลับไปรอเธอและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“พักเที่ยงพอดี เดี๋ยวหนูเดินไปกับพี่”
ซู่เป่าก็กลับบ้านตอนเที่ยงเช่นกันเพราะว่าโรงเรียนห่างจาบ้านไม่มาก อีกทั้งยังมีรถคอยรับส่งเฉพาะ
ซืออี้หรันนิ่งไปสักพักตอบกลับว่า “วันนี้ลุงใหญ่ของเธอมารับเธอเหรอ?”
ซู่เป่าพยักหน้า “อือ ช่วงนี้ลุงใหญ่กับลุงห้ามารับหนู”
อืออี้หรันก็วางใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...