แก้มของเป้ยเฉินอวี่บวมขึ้นมาในทันที เธอกุมหน้าพร้อมร้องอุทาน น้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุด
พ่อแม่ของเธอรีบเดินเข้ามา เช็ดหน้าและผมให้เธอกันอย่างร้อนรน
“ทำไมคุณซุ่มซ่ามจัง ทำซุปหกใส่หัวลูก” พ่อของเธอพูดด้วยความโมโห
“คุณยังจะว่าฉันอีก คุณก็เตะราวตากผ้า จนฟาดโดนลูกน่ะ ดูสิ หน้าลูกแดงไปหมดแล้ว!” แม่ของเธอก็พูดอย่างโมโห
เป้ยเฉินอวี่ปาดน้ำตาไปด้วยพร้อมพูดไปด้วย “พ่อแม่เลิกทะเลาะกันเถอะค่ะ…หนูไปอาบน้ำก่อน”
ทั้งคู่รีบพยุงเธอขึ้นมา แต่ซุปบนพื้นลื่น ทำเธอสะดุดล้มอีกครั้ง ก้นทั้งสามกระแทกลงพื้นอย่างแรง
เป้ยเฉินอวี่รู้สึกกระดูกก้นกบของตนจะแตกออกอยู่แล้ว เห็นพ่อแม่จะพยุงเธอ จึงรีบพูดขึ้น “เดี๋ยวหนูลุกเองค่ะ!”
เธอเกาะโต๊ะเก้าอี้เดินไปในห้องน้ำ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอึดอัด เธอผิดหวังจากตระกูลซู พอกลับบ้านมาเงินก็หายอีก ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้กัน
เป้ยเฉินอวี่คิดไปด้วยเปิดฝักบัวไปด้วย แต่ฝักบัวกลับตั้งขึ้นมา วิ่งไล่ตามเธออย่างพิลึก!
เป้ยเฉินอวี่ตกใจจนลื่นล้ม รอบนี้เธอตกลงไปในส้วม
ขาของเธอเหยียบช่องคอห่านเอาไว้ ตามด้วยเสียง กร๊อบ กระดูกเธอหักจนได้……
ได้ยินเสียงร้องทรมานของลูกสาว แม่ของเธอก็รีบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในทันที พระเจ้า ในห้องน้ำยุ่งเหยิงไปหมด ฝักบัวกระโดดโลดเต้นไปมาราวกับงูเห่าอินเดีย ส่วนเป้ยเฉินอวี่กลับนอนอยู่ข้างโถส้วม
“นะ-นะ-นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
แม่ของเป้ยเฉินอวี่รีบพยุงเธอขึ้นทันทีหลังจากที่เห็นเธอ
พ่อของเธอสีหน้ามึนงง “พวกเธอบอกน้ำฝักบัวไหลช้าเกินไปไม่ใช่หรือไง เมื่อเช้าฉันเลยเปลี่ยนเป็น…ฝักบัวแรงดันสูงให้…”
แม่เป้ยเฉินอวี่ “……”
เป้ยเฉินอวี่ “……”
สุดท้ายเป้ยเฉินอวี่ไม่รู้ว่าตนกลับถึงห้องยังไง เพราะเธอยังเจอกับสระผมแล้วน้ำเข้าจมูก ฟองสบู่เข้าตา นอนลงบนเตียงแล้วหัวชนผนังอื่นๆ อีกที่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เป้ยเฉินอวี่ซวยจนเธอเริ่มสงสัยในชะตา!
ตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียง ปวดกระดูกก้นกบ ปวดขาที่พลิก เธอจับไปบนหน้าผาก หนำซ้ำยังไข้ขึ้นอีก
น้ำตาของเป้ยเฉินอวี่ไหลอย่างหยุดไม่อยู่ เธอรู้สึกตนเองน่าสงสารมาก ทำไมซูจิ่นอวี้สามารถเกิดในครอบครัวแบบนั้น กระทั่งตายไปยังคงมีตำแหน่งที่สูงขนาดนั้นได้ ส่วนครอบครัวเธอกลับเป็นครอบครัวจนๆ ที่เงินหนึ่งบาทต้องเอามาแบ่งใช้เป็นสองบาท เธออุตส่าพยายามจนรอดมาได้ แต่หลังพายุฝนกลับไม่ได้เห็นสายรุ้ง
ทำไมโลกนี้มันถึงได้ไม่ยุติธรรมขนาดนี้ ความแตกต่างระหว่างมนุษย์ทำไมถึงได้มากขนาดนี้ สวรรค์ทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย……
เป้ยเฉินอวี่ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
แต่ที่เธอไม่รู้คือ ข้างๆ เธอมีผีลอยอยู่สองตัว…
ซูจิ่นอวี่พูดด้วยน้ำเสียงยอมใจ “ฉันล่ะยอมจริงๆ เลย จากการทดลองวิทยาศาสตร์ น้องดวงซวยนี่ดวงซวยจริงด้วย อยู่กับใครคนนั้นเป็นต้องซวย!”
ผีดวงซวยเอ่ยโทษ “พี่ ไม่งั้นฉันจะชื่อผีดวงซวยได้ไงล่ะ”
ซูจิ่นอวี้ยิ้มตาหยี “เพราะงั้นตอนนั้นที่นายเข้าใกล้ฉัน เพราะอยากได้ไอโชคดีสินะ”
ผีดวงซวย “……”
เขากล้าตอบว่าใช่งั้นเหรอ
ไอโชคดีของซูจิ่นอวี้กดไอเฮงซวยของเขาไว้ มีแต่เขาจะถูกซูจิ่นอวี้ทำร้าย อย่าว่าแต่เอาไอโชคดีจากเธอเลย แค่ไม่ซวยมากขึ้นก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
“ไปเถอะ ไปหาซู่เป่าน้อยของฉันดีกว่า” ซูจิ่นอวี้สบายใจแล้ว จึงค่อยๆ ลอยออกไป
**
ตึกอีกด้านของเขตที่พัก
ตำแหน่งของตึกนี้ค่อนข้างเปลี่ยวร้าง เทียบกับตึกอื่นๆ แล้วตึกนี้จะเล็กเตี้ยและเก่าแก่มากกว่า ชั้นที่หกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตึกนั้นมีห้องที่ผุพังอยู่ห้องหนึ่ง ราวกับถูกทิ้งร้างมานาน หน้าประตูหักออกเป็นรูใหญ่ และพันด้ายสีแดงเอาไว้อย่างยุ่งเหยิง บนด้ายแดงนั้นแขวนไปด้วยยันต์เหลือง ใบมีด และกระดูกไก่……
มองเผินๆ กระดูกขาวโพลนมากมาย ใบมีดก็ดูหนาวเหน็บ เป็นภาพที่ยากมากที่จะเห็นในเขตที่พัก
หน้าประตูมีร่างของเจ้าตัวน้อยหลายคน…ซู่เป่า หานหาน ซูจื่อซีและซูเหอเวิ่น
พวกเขาตามซู่เป่ามา
หานหานคิดว่ามีเรื่องน่าสนุก เธอมองไปทางตึกเก่าทีหนึ่ง จากนั้นแสดงสีหน้างงงวย
“ที่นี่คือที่ไหน” เธอเอ่ยถาม
ในมือของซูเหอเวิ่นถือตะข่ายเอาไว้อันหนึ่ง ตื่นเต้นเป็นที่สุด
ซูจื่อซีถือกล้องเอาไว้ นี่คือกล้องถ่ายรูปเห็นผีที่ซูเหอเวิ่นออกแบบมา พร้อมยืนนิ่งด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายและหมดคำพูด
“ท่านอาจารย์ ที่นี่คือที่ไหนกัน” ซู่เป่ามองห้องตรงหน้าอย่างสงสัย
ซูเหอเวิ่นมองเลขห้องที่อยู่ด้านบน พร้อมพูดเสียงต่ำ “อาคาร 7 ยูนิตที่ 1 ห้อง 602…”
ซู่เป่าลากซูจิ่นอวี้ “งั้นแม่ก็ไปกับหนูไง”
ซูจิ่นอวี้ “หือ”
ซูจื่อซีและซูเหอเวิ่นตามไปโดยที่ไม่ถามอะไรทั้งนั้น มีเพียงแต่หานหานที่ไม่เคยประสบเรื่องแบบนี้แสดงสีหน้าสงสัย
“???”
อะไรน่ะ เรื่องอะไรกัน
ถึงที่ลานสนาม ซู่เป่าเดินไปทางคุณยายที่ใส่เสื้อลายดอกสีเขียวอ่อนที่ดูแล้วชอบพูดคุยมากๆ
“สวัสดีค่ะ คุณยาย”
คุณยายมองไปทางซู่เป่า จากนั้นก็มองไปทางซูจิ่นอวี้ แล้วเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอ พวกหนูเป็นเด็กบ้านไหนกัน ทำไมไม่เคยเห็นพวกเธอมาก่อนเลยล่ะ”
เธอไม่รู้ตัวสักนิด ว่าเธอในตอนนี้กำลังเจอผีอยู่…
ซูจิ่นอวี้เองก็เพิ่งรู้ตัว ว่าคุณยายสามารถมองเห็นเธอได้
“ร่างกายคุณยายดูแข็งแรงจังเลย คุณยายกินข้าวหรือยังคะ” ซูจิ่นอวี้ยิ้มตาหยี จากนั้นชี้ไปทางอาคารสอง “พี่ชายฉันอยู่ตรงโน้นน่ะ”
เธอไม่ได้พูดโกหก รถของซูอีเฉินจอดอยู่ที่นั่นจริงๆ
คุณยายมองไปตามทิศทางที่เธอชี้ คิดว่าพวกเธอมาเยี่ยมญาติกัน จึงพูดคุยขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ “อ๋อ ญาติของพวกเธออยู่ที่นี่งั้นเหรอ ฉันกินมาแล้ว พวกเธอล่ะกินข้าวกันหรือยัง”
ซู่เป่าพยักหน้าอย่างบริสุทธิ์ใส่ซื่อ พร้อมตอบเสียงชัด “อื้ม กินมาแล้ว ขอบคุณคุณยายนะคะ”
ซูเหอเวิ่น “ขอบคุณคุณยายครับ”
ซูจื่อซี “……”
หานหาน “?”
ซูจิ่นอวี้ย่อตัวลง คุยกับคุณยายขึ้นมา ไม่นานนักทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน
“จริงด้วยคุณยาย” ซูจิ่นอวี้เข้าใกล้คุณยาย เอ่ยถามเสียงต่ำ “เมื่อกี้ฉันพาลูกสาวไปเล่นที่นั่น เห็นว่าที่นั่นมีห้องแปลกๆ อยู่ห้องหนึ่ง หน้าประตูแขวนด้ายแดง ยันต์เหลือง กระดูกไก่ แล้วก็ใบมีดเอาไว้ มันคืออะไรงั้นเหรอ”
สีหน้าของคุณยายเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอตบไปที่ต้นขาพร้อมเอ่ยพูดเสียงต่ำ “ทำไมพวกเธอถึงไปที่นั่นได้ล่ะ!?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...