ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 259

ซูเหอเวิ่น ซูจื่อซี และหานหาน สามนักสู้ตัวจิ๋วมองซู่เป่าด้วยดวงตาที่ราวกับเปล่งประกายออกมาได้

ด้วยสีหน้าแห่งความชื่นชม!

เห็นแต่เพียงใบหน้านั้นถูกเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าของซู่เป่า และไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้จนต้องกรีดร้องโหยหวนออกมา

ซู่เป่าใช้นิ้วคีบและพูดด้วยเสียงต่ำ “เฮ้! ดวงไฟน้อยแห่งจิตวิญญาณ!”

ดวงไฟน้อยแห่งจิตวิญญาณ?

ซูเหอเวิ่นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และในวินาทีต่อมาเขาก็เห็นลูกไฟลอยออกมาจากปลายนิ้วของซู่เป่า เผาใบหน้านั้นให้เป็นเถ้าถ่านพร้อมกับเสียงไหม้

ซูจื่อซี “!!!”

ซูเหอเวิ่น “!!!”

เป็นดวง ’ไฟ’ น้อยแห่งจิตวิญญาณที่แท้จริง

หานหานตกตะลึงจนตาค้าง

เดี๋ยวก่อน... ฉากแบบนี้...เธอเคยเห็นมาก่อน!!

เธอยังจำคืนวันนั้นที่แม่ของเธอถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้านได้ เธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง

ทันใดนั้นก็มีผีตัวหนึ่งปีนเข้ามาทางหน้าต่าง เธอตกใจมากจนนอนคลุมโปง และผีตัวนั้นก็เลิกผ้าห่มของเธอ

ในขณะนั้นเองซู่เป่าก็เข้ามา พึมพำบางอย่าง จากนั้นก็โยนลูกไฟและวิ่งตามผีตัวนั้นไป...

“ผี...มันคือผี!” เหมือนมีแสงสว่างวาบเข้ามาในหัวของหานหาน และเธอก็เข้าใจในทันที!

ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ฝันหรือละเมอ เธอเห็นผี! และครั้งนี้ก็ด้วย!

เยี่ยมมาก แนวโค้งของการสนองตอบจากตอนที่ 37 จนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็มีการตอบสนองออกมา

หานหานพุ่งเข้าหาซูจื่อซีพร้อมกับร้องออกมาและขี่คอเขา

ซูจื่อซี “???”

น้องสาวของเขากระโดดขึ้นมาได้ยังไง!

“ปล่อยมือก่อน!” ซูจื่อซีเดินโซเซ ลิ้นของเขายื่นออกมาจากการถูกบีบคอ “ฉัน...จะ...ถูกเธอบีบคอตายแล้ว!”

เมื่อซูเหอเวิ่นหันกลับมามอง เขาเห็นหานหานที่กำลังขี่คอซูจื่อซีที่แลบลิ้นอยู่ ยิ่งทำให้รู้สึกหวาดผวามากขึ้นไปใหญ่ และเกาะอยู่ที่เข็มขัดของซูอีเฉินโดยไม่ยอมลงมา

เป็นฉากที่ดูวุ่นวายมาก

ซู่เป่าโยนลูกไฟออกมาหลายลูก เผาใบหน้าอีกสามใบเป็นเถ้าถ่าน ใบหน้าทั้งสามร้องโหยหวน โกรธเกรี้ยว คำรามออกมาอย่างไม่ยินยอม และหายไปในที่สุด

“เรียบร้อย!” ซู่เป่าตบมือ จากนั้นก็ยื่นมือเล็ก ๆ ไปเก็บหล่อแกแปดทิศและตาข่ายจับวิญญาณกลับมา

ซูอีเฉินพยุงซูจื่อซีที่กำลังจะล้มลง และยกหานหานลง

ซูจื่อซีล้มลงนั่งกับพื้น หานหานที่แข้งขาอ่อนปวกเปียกก็นั่งลงบนพื้นเช่นกัน และซูเหอเวิ่นที่ยังคงเกาะอยู่บนตัวของซูอีเฉิน

เด็กทั้งสามคนมีสีหน้าที่ตื่นตกใจ และมองไปที่ซูเป่าด้วยความมึนตึ๊บ

น้องสาวของพวกเขา...เก่งกาจสุด ๆ!

“พวก พวกมันตายหมดแล้วใช่ไหม” ซูเหอเวิ่นถามอย่างกังวล

ซู่เป่าตอบ “พวกเขาตายตั้งนานแล้ว!”

“ใบหน้าเหล่านี้คือวิญญาณอาฆาตแค้นที่รวมตัวกัน ถ้าแผ่นป้ายจารึกนี้ถูกตั้งเซ่นไหว้อีกสักสองสามปี พวกเขาก็จะรวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์”

ซู่เป่าวางแผ่นป้ายจารึกลงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและถามว่า “พี่ชาย อักษรพวกนี้อ่านยังไง”

ซูเหอเวิ่นรู้สึกกลัว แต่น้องสาวของเขากำลังถามเขาอยู่

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ มองอย่างรวดเร็ว และคว้าเข็มขัดของซูอีเฉินอีกครั้ง

“ดูเหมือนว่าจะแซ่เถียน...และก็กู่อะไรสักอย่าง ซงอะไรสักอย่าง...”

ซูอีเฉินมองดูและอ่านชื่อเหล่านั้นเสียงเบา

ซู่เป่าเม้มริมฝีปาก “ชื่อของอันธพาลพวกนี้แปลกจริง ๆ รากหินอะไร สัตว์ร้ายอะไร ได้ยินแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่คนดีเลย”

ซู่เป่าเดินไปรอบ ๆ ห้องอื่นอีกครั้งแต่กลับไม่พบอะไรเลย ถ้าให้พูดก็คือนอกจากห้องนั่งเล่นที่มีแผ่นป้ายจารึกตั้งเซ่นไหว้ทั้งสี่แผ่นนี้แล้วก็ไม่พบอย่างอื่นอีก

เธอถามอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ ทำไมถึงต้องเซ่นไหว้แผ่นป้ายจารึกที่นี่ด้วยคะ”

จี้ฉางเตือน “ทำไมคนธรรมดาถึงเซ่นไหว้แผ่นป้ายจารึกล่ะ”

ซู่เป่าตอบ “เพื่อเซ่นไหว้ให้แก่คนที่ตายไปแล้วให้ได้ขึ้นสวรรค์เหรอคะ”

‘คน’ เหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยจากไป อาจจะเป็นเพราะพวกเขาได้เห็นการแก้แค้นครั้งใหญ่หรือเพราะหมดห่วงแล้ว พวกเขาจึงไม่มีความเคียดแค้นหรือเรื่องติดใจอีกต่อไป

เสียงตะโกนของซูจื่อซีและคนอื่น ๆ ทำให้คนจากตึก 6 ที่อยู่ไม่ไกลมาที่นี่ ผู้ชายกลุ่มนั้นส่องไฟฉาย และสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นเมื่อขึ้นมาถึงคือเด็กสองสามคน

ทันใดนั้นใบหน้าพวกเขาก็บึ้งตึงและตำหนิออกมา “พวกเธอเป็นเด็กที่ไหนเนี่ย วุ่นวายจริง ๆ มาวิ่งเล่นอะไรกันตอนดึกดื่น พ่อแม่พวกเธอล่ะ”

ซูอีเฉินเดินออกมาจากบ้านและพูดอย่างเพิกเฉยว่า “ผมอยู่นี่”

เมื่อพวกเขาเห็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเดินออกมา ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือตกใจและพูดไม่ออก

“คุณไม่ใช่คนจากชุมชนของเราใช่ไหมถึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน...”

ก่อนที่จะพูดจบ ซูอีเฉินก็พูดขัดขึ้น “ผมรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ผมมาที่นี่เพื่อตามหาของ”

เขายื่นแผ่นป้ายจารึกหนึ่งแผ่นที่แตกแล้วให้ “มีคนแอบเซ่นไหว้พวกคนชั่วที่นี่”

ซูอีเฉินขอให้พวกเขาเข้าไปดูด้วยตัวเอง พวกผู้ชายต่างอึ้งกันอยู่พักหนึ่งและเดินเข้าไปอย่างมีพิรุธ จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็ลุกโชนด้วยความโกรธ!

แอปเปิ้ลบนโต๊ะยังสดอยู่ และดูออกว่าเพิ่งนำมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อสองวันที่ผ่านมา

จะเห็นได้ว่าคน ๆ นั้นขยันเปลี่ยนมาก!

“ของเหี้ยอะไรวะ!” ลุงคนหนึ่งโมโหจัดจนถีบเก้าอี้ที่อยู่ข้างหน้าเขากระเด็น

อีกหนึ่งคนเหยียบแผ่นป้ายจารึกอย่างแรงและสาปแช่ง “ไอ้คนไร้ยางอายและเกลือเป็นหนอนนี่มันใครกัน! ถึงแอบจัดโต๊ะเซ่นไหว้ไว้ที่นี่!”

ถ้าโลกนี้มีสวรรค์และนรกจริง ๆ

หมายความว่าคนชั่วพวกนั้นถูกเซ่นไหว้จนไปสวรรค์กันหมดแล้วเหรอ!

ความโกรธของทุกคนถูกจุดขึ้น และมีคนถ่ายรูปแผ่นป้ายจารึกที่หักเป็นสองส่วนทั้งหมดนั่นโพสต์ลงในกลุ่มเจ้าของกิจการในชุมชน

ในเวลานั้นทุกคนต่างก็มองหาคนที่ชื่อเป้ยเฉินอวี่!

ทันใดนั้นก็มีคนในกลุ่มพูดว่า: [เดี๋ยวก่อน ฉันคุ้นชื่อนี้...ผู้เช่าฉันเอง...]

ในตอนกลางดึกทุกคนต่างก็พุ่งไปที่ตึกสามอย่างอุกอาจ!

และเรียกเป้ยเฉินอวี่!

เธอตายแน่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน