ซู่เป่ามองไปที่ซูเหอเวิ่นอย่างรู้สึกแปลกใจ
ดึกป่านนี้แล้วทำไมพี่ยังออกไปข้างนอกอีก?
“วันสารทจีนมีข้อห้ามหลายอย่างเชียวนะ !” ซู่เป่าใช้นิ้วมือนับดู “ตอนดึกดื่นอย่าออกจากบ้านดีที่สุด แต่ถ้าจะออกไปก็อย่าตะโกนเรียกชื่อของใครเป็นอันขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้‘เพื่อนสนิท’จำได้”
“ข้อสอง ห้ามใส่เสื้อผ้าที่ปักชื่อของตัวเองเอาไว้”
“ข้อสาม ห้ามไปตบไหล่ผู้อื่น และถ้ามีใครมาตบไหล่ของเราอย่าหันหน้ากลับไปมอง และถ้าได้ยินเสียงมีคนเรียกชื่อเราอย่าได้ขานรับเด็ดขาด”
ต้าโถวหานพูดแทรก “ฉันไม่หันหน้ากลับไปหรอก แต่ฉันจะกระโดดและหันกลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนผีดิบ เพื่อหลอกให้เขาตกใจได้ไหม?”
ซู่เป่าชูนิ้วโป้งขึ้นมา “พี่สาวสุดยอดเลย!”
ซูเหอเวิ่นยิ้มอย่างเยือกเย็น “เธอจะโดนผีหลอกจนตกใจตายซะมากกว่า”
เมื่อหยุดชะงักไปสักพัก เขาก็นึกถึงสีหน้าของซูจื่อซีกับหานหานที่ตอบสนองอย่างเชื่องช้าของสองพี่น้อง
ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าจะหันหน้ากลับมาเจอกับผี ทั้งสองคนก็คงได้แต่ยืนทื่ออย่างหน้านิ่งและจ้องมองสบตากับผี
แม้แต่ผีก็ยังต้องทำตาขวางใส่และเดินจากไป
“แล้วยังไงต่อ?” ซูเหอเวิ่นเอ่ยปากถาม
ซู่เป่าจึงพูดว่า “ห้ามใส่กางเกงชั้นในสีแดงและไม่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต้องห้าม”
ซูเหอเวิ่นรีบถามอย่างไว “อย่างเช่น?”
ซู่เป่า “อย่างเช่นตำแหน่งบนศรีษะของหลุมฝังศพไง!”
ระหว่างที่พูดไปก็ได้กัดกินน่องเป็ดคำใหญ่เข้าไปด้วย
น่องเป็ดที่คุณยายทำอร่อยที่สุดเลย!
ซูเหอเวิ่นพูดกระซิบ “จะมีใครไปนั่งอยู่บนศรีษะของหลุมฝังศพ... ”
แล้วก็เหลือบไปเห็นหานหานอ้าปากอย่างตาค้าง
วันนี้เธอเล่นจนเหนื่อยแล้ว เหมือนจะนั่งลงบนก้อนหินอย่างไม่ได้สังเกต
ตรงนั้น ตรงนั้นคงจะไม่ใช่ด้านบนศรีษะของหลุมฝังศพหรอก...
ต้าโถวหานจึงรีบดึงกางเกงส่วนเอวของตัวเองดูอย่างเงียบๆ ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยที่เธอไม่ได้ใส่กางเกงในสีแดง
“แล้วยังไงต่อ?” เธอเอ่ยปากถาม
“และห้ามถ่ายรูป เพราะถ้าถ่ายติดผีขึ้นมาเขาก็จะเดินตามคุณกลับบ้านไปด้วย!”
“ห้ามขโมยกินของเซ่นไหว้ถือเป็นการแย่งอาหารของผี อาจจะนำเคราะห์ร้ายมาได้”
“ห้ามเหยียบย่ำไปเรื่อยเปื่อย และเผากระดาษเงินกระดาษทองอย่างไม่สมควร... ”
“ห้าม…”
……
ซู่เป่าพูดออกมาอีกมากมายก่ายกอง
ซูเหอเวิ่นถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าจะมีข้อห้ามเยอะแยะถึงเพียงนี้
หานหานถึงกับปวดหัว เยอะขนาดนี้ใครจะไปจำได้ล่ะ!
**
อีกฝั่งหนึ่ง ตระกูลหวังก็กำลังนั่งทานข้าวอยู่เหมือนกัน แต่บรรยากาศดูอึมครึมอย่างมาก
เมื่อคุณท่านตระกูลหวังได้ยินเช่นนั้นจึงยังไม่ตัดสินใจเลือกสุสาน ได้แต่เม้มปากไว้อย่างแน่น จนเกือบจะห้อยเนื้อหมูได้หนึ่งกิโลแล้ว
หวังเจียเจียรู้สึกกินข้าวไม่ลง จึงวางตะเกียบลงและพูดว่า “คุณพ่อ อย่าไปคิดมากเลย ก็แค่ไม่เลือก... ”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค คุณท่านก็โบกมือไปมา “เงียบ พูดเรื่องแบบนี้ทำไม?ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูด!”
หลังจากพูดเสร็จก็เอ่ยปากพึมพำ “ฉันเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ตายแล้วก็ตายลับทุกสิ่งก็ว่างเปล่า สิ่งสำคัญคือพวกแกจะต้องใช้ชีวิตให้ดีๆต่อไป ส่วนตัวฉันนั้นไม่สำคัญ หาที่ดินสักแห่งฝังลงไปก็ได้แล้ว”
หวังเจียเจียเงียบชะงักงันไปสักครู่
ที่แท้เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเอามาปรึกษาหารือกัน ในระหว่างที่คนในบ้านกำลังป่วยหนักจนถึงขั้นจะเสียชีวิต ไม่มีครอบครัวไหนถามเรื่องสุสานกันหรอก?
ถ้าจะพูดขึ้นมา ก็เป็นตัวคุณท่านเองที่ได้เอาใบปลิวโฆษณาขายสุสานกลับมาในวันนั้น
ถ้าจะพูดให้น่าฟัง ในบ้านควรจะเปิดใจให้กว้าง ไม่มีข้อห้ามเรื่องการเป็นการตาย มองโลกอย่างปล่อยวาง
ถ้าฝั่งผู้หญิงรู้เรื่องครอบครัวของเราขึ้นมา หวังอี้กวางพึ่งพาครอบครัวเกือบทุกอย่าง ฝั่งผู้หญิงคงจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน
ไม่แต่งก็ช่างปะไร ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ยังจะมีผู้หญิงบ้านไหนกล้าแต่งเข้ามาอีก เธอเองก็กลุ้มใจอยู่เหมือนกัน และทนเห็นลูกชายของตัวเองไม่มีครอบครัวไม่ได้...
หวังเจียเจียพูดออกไปตรงๆว่า “แล้วทำไมหนูจะต้องจ่ายเองคนเดียวล่ะ? หนูก็มีครอบครัวของตัวเองเหมือนกัน บ้านที่เขาซื้อหนูก็เป็นคนออกเงินดาวน์ให้ ค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อที่รวมแล้วก็หลายแสนหนูก็ต้องจ่ายเองทั้งหมด ตอนนี้จะซื้อสุสานให้หวังอี้กวางช่วยจ่ายหนึ่งแสนมันผิดด้วยเหรอ”
นายหญิงถอนหายใจออกมา “เขาจะไปเอาเงินมาจากไหน?”
หวังอี้กวางเปิดประตูออกมาอย่างกะทันหันและพูดตะคอกเสียงดังว่า “แม่ แม่รู้ไหมว่าเจ๊พูดอะไรบ้าง?เจ๊ต้องการให้ผมขายบ้านทิ้งซะ!”
หวังเจียเจียพูดอย่างโมโหว่า “หวังอี้กวาง!”
หวังอี้กวางพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “พูดออกมาไม่ได้เหรอ?เป็นคำพูดที่เจ๊พูดเอง ทำไมต้องต้องรู้สึกโมโหด้วยล่ะ?”
นายหญิงถึงกับอึ้งจนคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร เมื่อเห็นสองพี่น้องทะเลาะกันแบบนี้เธอจึงต้องห้ามปรามทั้งสองฝ่าย และสุดท้ายก็เดินเข้าห้องนอนตัวเองอย่างหมดแรง
คุณท่านกำลังแอบฟังอยู่ด้านหลังประตู เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงเปิดประตูเข้ามา ก็รีบไปนั่งอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว
นายหญิงพร่ำบ่นขึ้นมาว่า “คุณเห็นไหม ทำให้ลูกทั้งสองทะเลาะกัน คุณสมควรทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไหม?”
คุณท่านเบะปาก “เจียเจียให้อี้กวางขายบ้านทิ้งมันไม่ถูกต้อง!”
เธอมีเงินตั้งมากมายแต่ไม่ยอมเอาออกมาให้เขาใช้
เรื่องที่บอกว่าลูกเขยจะหย่ากับเธอ เขาไม่เชื่อหรอก
ลูกเขยหาเงินได้ก็ไม่น้อย ครอบครัวของเจียเจียทุกคนก็มีความมั่งคั่ง
แต่ว่าลูกชายของเขาล่ะ?ลูกชายต้องลำบากตรากตรำ รายได้ทั้งหมดก็มีไม่ถึงหนึ่งในสิบของพี่สาว
เป็นพี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันสิ?ใครลำบากก็ช่วยคนนั้นให้มากหน่อย?
และอีกอย่างเรื่องงานแต่งของอี้กวางก็ยังไปไม่ถึงไหน แม้ฝ่ายหญิงจะเรียกค่าสินสอดมาสองแสน
ในความคิดของเขาแล้ว เจียเจียก็สมควรออกเงินทั้งหมดนี้และรับผิดชอบจัดงานแต่งให้น้องชาย แบบนี้เขาถึงจะนอนตายตาหลับสักที
ลูกสาวที่มีความกตัญญู ก็ไม่ควรทำให้พ่อกับแม่ต้องลำบากใจ
แต่กลับมาทะเลาะกันในบ้าน...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...