ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 293

ซู่เป่ามองไปที่ซูเหอเวิ่นอย่างรู้สึกแปลกใจ

ดึกป่านนี้แล้วทำไมพี่ยังออกไปข้างนอกอีก?

“วันสารทจีนมีข้อห้ามหลายอย่างเชียวนะ !” ซู่เป่าใช้นิ้วมือนับดู “ตอนดึกดื่นอย่าออกจากบ้านดีที่สุด แต่ถ้าจะออกไปก็อย่าตะโกนเรียกชื่อของใครเป็นอันขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้‘เพื่อนสนิท’จำได้”

“ข้อสอง ห้ามใส่เสื้อผ้าที่ปักชื่อของตัวเองเอาไว้”

“ข้อสาม ห้ามไปตบไหล่ผู้อื่น และถ้ามีใครมาตบไหล่ของเราอย่าหันหน้ากลับไปมอง และถ้าได้ยินเสียงมีคนเรียกชื่อเราอย่าได้ขานรับเด็ดขาด”

ต้าโถวหานพูดแทรก “ฉันไม่หันหน้ากลับไปหรอก แต่ฉันจะกระโดดและหันกลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนผีดิบ เพื่อหลอกให้เขาตกใจได้ไหม?”

ซู่เป่าชูนิ้วโป้งขึ้นมา “พี่สาวสุดยอดเลย!”

ซูเหอเวิ่นยิ้มอย่างเยือกเย็น “เธอจะโดนผีหลอกจนตกใจตายซะมากกว่า”

เมื่อหยุดชะงักไปสักพัก เขาก็นึกถึงสีหน้าของซูจื่อซีกับหานหานที่ตอบสนองอย่างเชื่องช้าของสองพี่น้อง

ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าจะหันหน้ากลับมาเจอกับผี ทั้งสองคนก็คงได้แต่ยืนทื่ออย่างหน้านิ่งและจ้องมองสบตากับผี

แม้แต่ผีก็ยังต้องทำตาขวางใส่และเดินจากไป

“แล้วยังไงต่อ?” ซูเหอเวิ่นเอ่ยปากถาม

ซู่เป่าจึงพูดว่า “ห้ามใส่กางเกงชั้นในสีแดงและไม่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต้องห้าม”

ซูเหอเวิ่นรีบถามอย่างไว “อย่างเช่น?”

ซู่เป่า “อย่างเช่นตำแหน่งบนศรีษะของหลุมฝังศพไง!”

ระหว่างที่พูดไปก็ได้กัดกินน่องเป็ดคำใหญ่เข้าไปด้วย

น่องเป็ดที่คุณยายทำอร่อยที่สุดเลย!

ซูเหอเวิ่นพูดกระซิบ “จะมีใครไปนั่งอยู่บนศรีษะของหลุมฝังศพ... ”

แล้วก็เหลือบไปเห็นหานหานอ้าปากอย่างตาค้าง

วันนี้เธอเล่นจนเหนื่อยแล้ว เหมือนจะนั่งลงบนก้อนหินอย่างไม่ได้สังเกต

ตรงนั้น ตรงนั้นคงจะไม่ใช่ด้านบนศรีษะของหลุมฝังศพหรอก...

ต้าโถวหานจึงรีบดึงกางเกงส่วนเอวของตัวเองดูอย่างเงียบๆ ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยที่เธอไม่ได้ใส่กางเกงในสีแดง

“แล้วยังไงต่อ?” เธอเอ่ยปากถาม

“และห้ามถ่ายรูป เพราะถ้าถ่ายติดผีขึ้นมาเขาก็จะเดินตามคุณกลับบ้านไปด้วย!”

“ห้ามขโมยกินของเซ่นไหว้ถือเป็นการแย่งอาหารของผี อาจจะนำเคราะห์ร้ายมาได้”

“ห้ามเหยียบย่ำไปเรื่อยเปื่อย และเผากระดาษเงินกระดาษทองอย่างไม่สมควร... ”

“ห้าม…”

……

ซู่เป่าพูดออกมาอีกมากมายก่ายกอง

ซูเหอเวิ่นถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าจะมีข้อห้ามเยอะแยะถึงเพียงนี้

หานหานถึงกับปวดหัว เยอะขนาดนี้ใครจะไปจำได้ล่ะ!

**

อีกฝั่งหนึ่ง ตระกูลหวังก็กำลังนั่งทานข้าวอยู่เหมือนกัน แต่บรรยากาศดูอึมครึมอย่างมาก

เมื่อคุณท่านตระกูลหวังได้ยินเช่นนั้นจึงยังไม่ตัดสินใจเลือกสุสาน ได้แต่เม้มปากไว้อย่างแน่น จนเกือบจะห้อยเนื้อหมูได้หนึ่งกิโลแล้ว

หวังเจียเจียรู้สึกกินข้าวไม่ลง จึงวางตะเกียบลงและพูดว่า “คุณพ่อ อย่าไปคิดมากเลย ก็แค่ไม่เลือก... ”

ยังพูดไม่ทันจบประโยค คุณท่านก็โบกมือไปมา “เงียบ พูดเรื่องแบบนี้ทำไม?ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูด!”

หลังจากพูดเสร็จก็เอ่ยปากพึมพำ “ฉันเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ตายแล้วก็ตายลับทุกสิ่งก็ว่างเปล่า สิ่งสำคัญคือพวกแกจะต้องใช้ชีวิตให้ดีๆต่อไป ส่วนตัวฉันนั้นไม่สำคัญ หาที่ดินสักแห่งฝังลงไปก็ได้แล้ว”

หวังเจียเจียเงียบชะงักงันไปสักครู่

ที่แท้เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเอามาปรึกษาหารือกัน ในระหว่างที่คนในบ้านกำลังป่วยหนักจนถึงขั้นจะเสียชีวิต ไม่มีครอบครัวไหนถามเรื่องสุสานกันหรอก?

ถ้าจะพูดขึ้นมา ก็เป็นตัวคุณท่านเองที่ได้เอาใบปลิวโฆษณาขายสุสานกลับมาในวันนั้น

ถ้าจะพูดให้น่าฟัง ในบ้านควรจะเปิดใจให้กว้าง ไม่มีข้อห้ามเรื่องการเป็นการตาย มองโลกอย่างปล่อยวาง

ถ้าฝั่งผู้หญิงรู้เรื่องครอบครัวของเราขึ้นมา หวังอี้กวางพึ่งพาครอบครัวเกือบทุกอย่าง ฝั่งผู้หญิงคงจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน

ไม่แต่งก็ช่างปะไร ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ยังจะมีผู้หญิงบ้านไหนกล้าแต่งเข้ามาอีก เธอเองก็กลุ้มใจอยู่เหมือนกัน และทนเห็นลูกชายของตัวเองไม่มีครอบครัวไม่ได้...

หวังเจียเจียพูดออกไปตรงๆว่า “แล้วทำไมหนูจะต้องจ่ายเองคนเดียวล่ะ? หนูก็มีครอบครัวของตัวเองเหมือนกัน บ้านที่เขาซื้อหนูก็เป็นคนออกเงินดาวน์ให้ ค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อที่รวมแล้วก็หลายแสนหนูก็ต้องจ่ายเองทั้งหมด ตอนนี้จะซื้อสุสานให้หวังอี้กวางช่วยจ่ายหนึ่งแสนมันผิดด้วยเหรอ”

นายหญิงถอนหายใจออกมา “เขาจะไปเอาเงินมาจากไหน?”

หวังอี้กวางเปิดประตูออกมาอย่างกะทันหันและพูดตะคอกเสียงดังว่า “แม่ แม่รู้ไหมว่าเจ๊พูดอะไรบ้าง?เจ๊ต้องการให้ผมขายบ้านทิ้งซะ!”

หวังเจียเจียพูดอย่างโมโหว่า “หวังอี้กวาง!”

หวังอี้กวางพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “พูดออกมาไม่ได้เหรอ?เป็นคำพูดที่เจ๊พูดเอง ทำไมต้องต้องรู้สึกโมโหด้วยล่ะ?”

นายหญิงถึงกับอึ้งจนคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร เมื่อเห็นสองพี่น้องทะเลาะกันแบบนี้เธอจึงต้องห้ามปรามทั้งสองฝ่าย และสุดท้ายก็เดินเข้าห้องนอนตัวเองอย่างหมดแรง

คุณท่านกำลังแอบฟังอยู่ด้านหลังประตู เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงเปิดประตูเข้ามา ก็รีบไปนั่งอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว

นายหญิงพร่ำบ่นขึ้นมาว่า “คุณเห็นไหม ทำให้ลูกทั้งสองทะเลาะกัน คุณสมควรทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไหม?”

คุณท่านเบะปาก “เจียเจียให้อี้กวางขายบ้านทิ้งมันไม่ถูกต้อง!”

เธอมีเงินตั้งมากมายแต่ไม่ยอมเอาออกมาให้เขาใช้

เรื่องที่บอกว่าลูกเขยจะหย่ากับเธอ เขาไม่เชื่อหรอก

ลูกเขยหาเงินได้ก็ไม่น้อย ครอบครัวของเจียเจียทุกคนก็มีความมั่งคั่ง

แต่ว่าลูกชายของเขาล่ะ?ลูกชายต้องลำบากตรากตรำ รายได้ทั้งหมดก็มีไม่ถึงหนึ่งในสิบของพี่สาว

เป็นพี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันสิ?ใครลำบากก็ช่วยคนนั้นให้มากหน่อย?

และอีกอย่างเรื่องงานแต่งของอี้กวางก็ยังไปไม่ถึงไหน แม้ฝ่ายหญิงจะเรียกค่าสินสอดมาสองแสน

ในความคิดของเขาแล้ว เจียเจียก็สมควรออกเงินทั้งหมดนี้และรับผิดชอบจัดงานแต่งให้น้องชาย แบบนี้เขาถึงจะนอนตายตาหลับสักที

ลูกสาวที่มีความกตัญญู ก็ไม่ควรทำให้พ่อกับแม่ต้องลำบากใจ

แต่กลับมาทะเลาะกันในบ้าน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน