ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 313

กู้เซิ่งเสวี่ยไม่ได้กินอาหารเย็น เอาแต่ตามสืบเรื่องคนที่อยู่เบื่องหลังสปริง ทรี เฮาท์ตลอดทั้งคืน

พวกซูเป่าสามคนกลับบ้าน สายตาของนายหญิงซูทำพวกเขาร้อนตัวจนต้องก้มหน้าหนี

นายหญิงซู “ไปทำอะไรกันมา? ตำรวจมาหาถึงบ้านเลย?”

ซูเหอเหวินตอบอย่างใจเย็น “ซู่เป่าชอบตุ๊กตา เราเลยตั้งใจจะไปสั่งทำตุ๊กตาให้น้อง แล้วซู่เป่าก็บังเอิญเห็นอะไรแปลก ๆ เราก็โทรไปแจ้ง 110”

เขาเล่าคร่าว ๆ ราวกับว่าพอพวกเขาเข้าไปในร้านซู่เป่าก็พบความผิดปกติ จากนั้นพวกเขาก็รีบกลับออกมาทันที

นายหญิงซูมองไปที่ซูเหอเหวินด้วยความสงสัย

เด็กคนนี้ไม่เคยโกหก

บางทีท่านอาจจะกังวลมากเกินไปเองก็ได้...

ซูอี้เฉินพูดว่า “เสี่ยวเหวินพูดจริงครับ หลังจากที่เขาโทรแจ้งตำรวจแล้วเขาเองก็คิดว่าเขาแจ้งความเท็จ คิดไม่ถึงว่าทำไปทำมาเรื่องจะเป็นแบบนี้จริง ๆ”

ซูอีเฉินพูดฟังดูง่าย ๆ หน้าตาจริงจัง ช่วยปิดรอยโหว่ทั้งหมดให้ในรวดเดียว

นายหญิงซูผู้ใสซื่อก็เชื่อ แล้วก็บ่นว่า “มันน่าแปลกจริง ๆ แค่ออกไปเดินเล่นเฉย ๆ ยังมาเจอเรื่องแบบนี้ได้...ต่อไปอย่าไปที่ไหนสุ่มสี่สุ่มห้าอีกนะ ได้ยินไหม? อยากทำตุ๊กตาอะไรก็บอกยาย เดี๋ยวยายให้คนไปหาร้านที่ได้ถูกกฎหมายทำให้...”

ซูเหอเวิ่นกับซู่เป่าพยักหน้าแรง ๆ ซูเหอเหวินยังคงพูดน้อยราวกลัวดอกพิกุลจะร่วงเหมือนเดิม “ครับ”

พอนายหญิงซูโบกมือให้ปุ๊ปพวกเขาทั้งสามก็รีบกลับไปที่ห้องตัวเองปั๊ป ราวกับว่าพวกเขาได้รับการนิรโทษกรรม

ในห้องซูเหอเวิ่นง่วนอยู่กับกะละมังสแตนเลสพลางถามว่า “ซู่เป่าเราจะปล่อยมันไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”

สปริง ทรี เฮาท์ถูกทลายไปแล้วก็จริง แต่ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังหนีไปได้

ไม่แน่พรุ่งนี้เขาอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นซัมเมอร์ ทรี ออทั่ม ทรี ก็ได้คงไม่มีใครรู้!

ซู่เป่าพูดว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูขอทำนายก่อน ~”

เธอเหยียดแขนออกมาดึงเสื้อ แล้วก็หยิบปู่เต่าที่กำลังกินลูกกุ้งอยู่ในอ่างออกมาท่าทางเคร่งขรึม

ปู่เต่าที่กำลังกัดกุ้งเข้าปากอยู่ “?”

ซู่เป่าพ่นลมใส่ปู่เต่าแล้วกระซิบว่า “ฮ่า ~ หมุน ๆ ๆ!”

ปู่เต่าระวังตัวเอาไว้อยู่แล้วจึงรีบหดหัวกลับไปก่อนที่ซู่เป่าจะจับหมุน

ซูเหอเวิ่นอึ้งไป การทำนายด้วยกระดองเต่าเขาทำกันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?

เต่าไม่รู้เลยว่านานแค่ไหนกว่าจะหยุดหมุน ปู่เต่าโผลหัวออกมาโซเซและยังคงกินกุ้งจ่อไปอย่างใจเย็น

ใบหน้าเล็ก ๆ ของซู่เป่าจริงจังขึ้นมา เธอมองไปที่ปู่เต่าและพยักหน้าคุยกับตัวเอง “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

ซูเหอเวิ่น “...”

เดี๋ยวสิ อย่างไหน?

ซู่เป่าบอกว่าว่า “ปู่เต่าบอกว่าเราแค่ไปถามพี่ชีชีก็ได้แล้ว”

เธอวิ่งไปที่โต๊ะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาเบอร์โทรศัพท์ของกู้ชีชีแล้วก็โทรออก

กู้ชีชีกำลังถ่ายละครอยู่ พอเห็นว่าซู่เป่าโทรมาก็รีบถามว่า “ว่าไงจ๊ะ เป่าเอ๋อร์?”

ซู่เป่าถามว่า “พี่ชีชี ปลายเดือนเจ็ดแบบจันทรคติพี่จะไปไหนค่ะ!”

กู้ชีชีอึ้งไป ไปไหนอะไรกัน? เธอไม่ได้จะไปไหนทั้งนั้นแหละ!

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้แล้วพูดว่า “อ๋อ! ฉันนึกออกแล้ว จะมีงานแสดงตุ๊กตาฤดูร้อนออนทัวร์ทั่วประเทศ ฉันเป็นพรีเซ็นเตอร์สถานีแรก ซู่เป่าจะไปด้วยไหม?”

กู้ชีชีตื่นเต้น ถ้าซู่เป่าไปด้วย...เธอจับแต่งตัวเป็นสาวน้อยแสนสวย!

ซู่เป่าตอบว่าอืม ๆ พร้อมพยักหน้า เธอพูดต่ออีกนิดหน่อยจากนั้นก็วางสาย

“ได้ความมาแล้วค่ะ งานแสดงตุ๊กตาฤดูร้อนออนทัวร์ทั่วประเทศ พี่ช่วยเช็คดูให้หน่อยสิค่ะ”

ซูเหอเวิ่นป้อนคำค้นหาลงไปอย่างงง ๆ ปรากฎว่าเขาพบข้อมูลงานจัดแสดงตุ๊กตานี้จริง ๆ

ดูจากโปสเตอร์แล้วมันเป็นนิทรรศการตุ๊กตาจริง ๆ และยังมีการบูชายันต์ตุ๊กตาหรืออะไรสักอย่างที่แปลกมากด้วย

ซูเหอเวิ่นมองซู่เป่าด้วยความทึ่ง “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?!”

ซู่เป่าเท้าสะเอวอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว!”

ในขณะที่ซูเหอเวิ่นเกำลังชื่นชมเธออยู่ ก็เห็นซูอีเฉินเคาะประตูและเปิดเข้ามา เขามาถามถึงเรื่องวันนี้

เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “งานแสดงตุ๊กตาฤดูร้อนออนทัวร์ทั่วประเทศเหรอ? ซู่เป่าอยากไปไหม?”

ซู่เป่าพยักหน้าและพูดอย่างหนักแน่นว่า “อยากไปค่ะ”

ซูอีเฉินเล่าประวัติความเป็นมาของศาลหลักเมืองแห่งนี้ระหว่างเดินไป

ถนนเหวินเฉิงเป็นถนนเก่าแก่ เมื่อครั้งประเทศหยิงเข้ายึดครอง พวกเขาเคยมาตั้งฐานทัพที่นี่และสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

ต่อมามีบรรพบุรุษกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านอย่างอยากลำบาก พวกท่านใช้เลือดเนื้อตัวเองเป็นแนวป้องกัน และในที่สุดก็ขับไล่กองทัพหยิงออกจากเมืองไปได้ภายใต้การนำของนายพลเหวินเฉิง

เพื่อรำลึกถึงนายพลผู้กล้าหาญ ประชาชนจึงได้สร้างวัดบนถนนเหวินเฉิง และถนนเส้นนี้ก็ค่อย ๆ กลายมาเป็นถนนคนเดินที่เป็นจุดเด่นซึ่งรวมธุรกิจการค้าขายและการท่องเที่ยวไว้ที่เดียว

ไม่รู้ว่าทำไมแต่ซู่เป่าค่อย ๆ รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทุกที

เทพประจำเมืองเมือง ตอนยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นวีรบุรุษที่พิทักษ์บ้านเมืองไว้

โดยทั่วไปแล้วก็คือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องประชาชน ส่วนหนึ่งคือได้รับเลือกจากประชาชน และมีการสร้างรูปเคารพเพื่อกราบไว้บูชาแล้วกลายเป็นศาลหลักเมือง

ท่านเคยสละชีวิตเพื่อปกป้องลูกหลาน ขับไล่คนร้ายออกไป

แต่ตอนนี้ลูกหลานที่อยู่บนท้องถนนสวมเสื้อผ้าของพวกคนร้ายและส่งเสียงโห่ร้องและเต้นรำหน้าวัดของท่าน...

จู่ ๆ ซู่เป่าก็หยุดเดินและไปคว้าชุดกระโปรงของหญิงสาวที่เดินผ่านไป

ชุดกระโปรงชุดนี้เป็นทรงกระบอกและมีโบว์ขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง

ผมของเธอถูกม้วนเป็นมวยปักปิ่นรูปทรงเหมือนตะเกียบ เป็นสไตล์แบบต่างชาติ

ซู่เป่ารวบรวมความกล้าเอ่ยถามว่า “พี่ค่ะ ทำไมพี่ถึงใส่ชุดแบบนี้ล่ะคะ? ในอดีตเทพประจำเมืองต้องพยายามอยากหนักเพื่อไล่คนร้ายไป แต่ทำไมพี่ถึงสวมเสื้อผ้าของพวกคนร้ายล่ะ”

หญิงสาวตกตะลึงแต่ไม่นานก็เข้าใจ เจ้าตัวเล็กคงอยากจะถามว่าทำไมเธอถึงสวมชุดดั้งเดิมของประเทศหยิง

เธอโบกมือและยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “น้องสาวอย่าหัวโบราณไปหน่อยเลย นี่เป็นแค่ความชอบส่วนตัว ทุกคนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น”

ซู่เป่ากำหมัดแน่นท่าทีจริงจัง “แต่มันไม่ถูกต้อง! ห้ามใส่!”

ถ้าพูดให้ถูกสิ่งที่ซู่เป่าต้องการจะพูดคือเธอไม่ควรใส่ต่อหน้าเทพประจำเมือง

แต่หญิงสาวไม่สนใจ เธอเห็นเด็กน้อยอีกสองคนจ้องมองมาที่เธอด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง ผู้ปกครองของพวกเขาก็ดูเย็นชามากเช่นกัน

เมื่อกี้เธออารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ โดนทำลายบรรยากาศแบบนี้เธอก็ไม่พอใจเท่าไหร่

นี่มันยุคไหนกันแล้ว?

คนเราจะชอบแต่งชุดอะไรผิดกฎหมายด้วยเหรอ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน