จู่ ๆ ใบหน้าของเหยาหลิงเยว่ก็ซีดลง เธอลุกขึ้นยืนตัวตรงจากเตียง และล้มตัวลงบนเตียงทันที
ซู่เป่าตกใจและรีบคว้ามือเธอ “ป้าสะใภ้ใหญ่?”
ลูกตาของเหยาหลิงเยว่จ้องตรง โดยไม่มีปฏิกิริยาใดใด
จี้ฉางผงะไปเล็กน้อย “ตายแล้วเหรอ”
ซู่เป่าส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อครู่นี้ที่เธอนั่งอยู่บนขอบเตียงเพื่อรอป้าสะใภ้ใหญ่เธอก็คิดไว้เงียบ ๆ และวันนี้ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ปลอดภัยดี
ดังนั้นจึงต้องไม่ตาย
“ป้าสะใภ้ใหญ่...” ซู่เป่าจับมือเธอ “รีบลุกขึ้นมาค่ะ”
ดวงตาของเหยาหลิงเยว่ขยับ เธอมองไปที่ซู่เป่าอย่างว่างเปล่า และทันใดนั้นก็ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
รอบนี้ถึงคราวที่ซู่เป่าต้องตกใจ
“ป้าสะใภ้ใหญ่?” เธอโบกมือเล็ก ๆ ของเธอเพื่อทดสอบ
เหยาหลิงเยว่จ้องมองที่มือของเธอ หลังจากนั้นสักพักก็เงยหน้าขึ้นอย่างลังเลและโบกมือ
ซู่เป่าอ้าปากค้าง
ป้าสะใภ้ใหญ่เชื่อฟังดีมาก!
“ไปค่ะไป ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ!” ซู่เป่าลากเธอวิ่งออกไปข้างนอก
ว่านปาสือที่ตามมาข้างหลังเต็มไปด้วยงงงวย ไม่ได้เรียกเขาหรอกเหรอ
เขาได้ยินเสียง 'ปาสือ' 'ปาสือ' จากด้านนอก
เขาควรจะถึงตั้งแต่ตอนที่คุณหนูตะโกนตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่เขาเพิ่งจะมาถึงตอนเรียกครั้งที่สอง หรือเพราะเขามาช้า คุณผู้หญิงถึงแก้ปัญหาด้วยตัวเองเสร็จแล้ว
ว่านปาสือแอบให้คำมั่นสัญญา: คราวหน้าจะต้องใส่ใจกว่านี้!
นายหญิงซูและคนอื่น ๆ รออยู่ที่ห้องอาหารชั้นหนึ่ง และในที่สุดก็เห็นซู่เป่าจูงเหยาหลิงเยว่วิ่งลงมา
ทุกคนแปลกใจ ว้าว ชาวแอฟริกันกลายเป็นชาวยุโรปตะวันตกแล้วเหรอ
นายหญิงซูรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ใบหน้าซีดเซียวของเธอ...ซีดยิ่งกว่าลุงใหญ่ที่เสียชีวิตไปสามวันเสียอีก!
ว่ากันว่าถ้าผิวขาว ถึงแม้ร่างกายไม่ค่อยสวยงาม ก็สามารถทำให้คนมองดูดีได้ หลังจากที่เหยาหลิงเยว่หน้าซีดก็สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาที่ดูเหมือนคนขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่ 'ผี' ที่ไหม้เกรียมและน่าสะพรึงกลัวอีกต่อไป
ซูเหอเวิ่นพูดอย่างงงงวย “ถ้าอย่างนั้นสีดำของแม่ผมเมื่อกี้นี้ ก็คือคราบขี้ไคลที่ไม่ได้ล้างมาสิบปีใช่ไหม”
มุมปากของซูเหอเหวินกระตุก “หุบปาก...”
ซู่เป่านั่งลง ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ เพราะหนูฆ่าหนอนในหัวใจของป้าสะใภ้ใหญ่ตายแล้วต่างหาก ป้าสะใภ้ใหญ่เลยขาวขึ้น”
นายหญิงซู “...”
เคล็ดลับความขาวนี้คืออะไร
จริง ๆ แล้วก็รู้สึกอยากได้นิดหน่อย...
“นั่งเถอะ...” นายหญิงซูชี้ไปที่เก้าอี้
เหยาหลิงเยว่มีสีหน้าไร้อารมณ์ นอกจากหน้าซีดแล้วเธอก็ยังดูไม่แตกต่างจากเดิม หลังจากมาถึงห้องอาหารแล้วเธอก็ยังคงจ้องมองที่ซูเหอเวิ่นก่อน
อาจเป็นเพราะซูเหอเวิ่นเกิดทีหลัง ดังนั้นความทรงจำของเธอจึงชัดเจนกว่าเล็กน้อย ดังนั้นในแววตาเธอจึงเหมือนกำลังทบทวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด
“โธ่ ดูเหมือนว่าจะรักษาไม่ได้แล้ว” นายหญิงซูพูด “สาย ๆ อี้เซินจะกลับมา ให้เขาลองช่วยดูสักหน่อยก็แล้วกัน”
เธอกลัวว่าถ้าบุ่มบ่ามพาไปโรงพยาบาล อาจจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นตกใจตายได้
เสี่ยวอู่เฝ้าสังเกตจากระยะไกลอยู่บนราวบันได และไม่สามารถกลั้นคำพูดเอาไว้ได้ “สวัสดีทุกคน ฉันคืออี้เซิน วันนี้อี้เซินขอท้าทายทุกคนให้กินขี้ แหวะ~แหวะ...”
ทุกคน “...”
นายหญิงซูกำตะเกียบในมือแน่นอย่างเหลืออดเหลือทน “ป้อนขี้ให้มันกินครึ่งโลซิ!”
เสี่ยวอู่หันหลังและหนีไป
ซู่เป่าชี้ไปที่เก้าอี้ “ป้าสะใภ้ใหญ่ นั่งค่ะ!”
ในที่สุดดวงตาของเหยาหลิงเยว่ก็ขยับ และเธอก็นั่งตัวแข็งทื่อบนเก้าอี้
ในที่สุดทุกคนก็สามารถรับประทานอาหารได้อย่างสบายใจ ชามตรงหน้าเหยาหลิงเยว่เต็มจนล้น ข้าวอัดแน่น เนื้อเอยผักเอยซ้อนทับกันอยู่ด้านบน
นายหญิงซูพูด “เสี่ยวเหยาอ่า กิน...”
เธอคิดว่าเหยาหลิงเยว่จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นเวลานานเหมือนแบบเมื่อกี้นี้ แต่ครั้งนี้กลับเห็นเธอก้มหัวลงและจ้องมองชามข้าวที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากที่ซู่เป่าเร่งเร้าให้เธอรีบกินอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะพบเคล็ดลับในการกินแล้ว และเธอก็ซุกหน้าลงในชามข้าว
สวบ ๆ ๆ ...
กินไวมาก
ทุกคน “...”
เนื้อที่คีบด้วยตะเกียบของคุณท่านซูหล่นลงดังแปะ
ไม่สิ ‘ลูกสะใภ้’ คนนี้ฉลาดหรือไม่ฉลาดกันแน่
ถ้าบอกว่าเธอไม่ฉลาด ทำไมเธอถึงกินจนเห็นก้นชาม แต่ถ้าบอกว่าฉลาด แล้วทำไมเธอถึงไม่ใช้ตะเกียบกิน
นายหญิงซูอดทนมาก ยกมือบอกใบ้ให้เธอดูตะเกียบในมือของตัวเอง “ใช้ตะเกียบกินแบบนี้”
เมื่อเห็นใบหน้านิ่งที่ดูน่ารักมีเม็ดข้าวอยู่เต็มหน้าของเธอ นายหญิงซูจึงหยิบกระดาษทิชชูยื่นให้เธออย่างจำใจ
ซูเหอเวิ่นรีบรับมันไว้แล้วเช็ดใบหน้าให้เธอ
“ต้องถือตะเกียบกินแบบนี้”
ซูเหอเวิ่นหยิบตะเกียบขึ้นมา สาธิตวิธีใช้ตะเกียบขณะที่คีบกับข้าวไปด้วย
เมื่อเห็นแบบนั้นซู่เป่าจึงถือตะเกียบขึ้นมาสอนด้วย
สายตาของเหยาหลิงเยว่จ้องมองที่ซูเหอเวิ่นและมองไปที่ซู่เป่า นิ้วมือของเธอที่วางไว้บนเข่าขยับเล็กน้อย
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเรียนรู้ ซู่เป่าและซูเหอเวิ่นก็กินไม่ลงแล้ว
ซู่เป่า “ไม่ได้ หนูสอนไม่ได้แล้ว หนูกินไม่ลงแล้ว!”
ซูเหอเวิ่น “ผมก็กินไม่ลงแล้ว...พี่ชาย พี่เลย!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างเล็กน้อย ราวกับพอใจกับทักษะใหม่ที่เธอได้เรียนรู้
ทุกคนก็รู้สึกมีความหวังเช่นกัน
ถ้าสอนได้ก็ดี ถ้าสอนได้ก็รอด!
นายหญิงซูพูดอย่างอารมณ์ดี “เอาล่ะ ต่อไปเรียนพูดก่อน ถ้าฟังรู้เรื่องก็จะพูดได้ และถ้าพูดได้ก็จะเข้าใจมากขึ้น”
“เริ่มจากสวรรค์ โลก มนุษย์ เธอ ฉัน และเขาก่อนแล้วกัน”
ตอน ป.1 เรียนจำตัวอักษร แล้วก็เริ่มตั้งแต่คำว่าสวรรค์ โลก มนุษย์ เธอ ฉัน และเขา
ซู่เป่าพูดอย่างมีความสุข “คำนี้หนูได้ สวรรค์!”
เธอชี้ไปที่ท้องฟ้าด้านนอก
เหยาหลิงเยว่มองไปอย่างงง ๆ
ซูเหอเวิ่นชี้ไปที่พื้น “โลก!”
ซู่เป่าตบที่ตัวเอง “มนุษย์!”
สายตาเหยาหลิงเยว่หยุดนิ่งเล็กน้อย
นายหญิงซูมองดู โอเค ได้ผลอยู่นะ
เธอชี้ไปที่เหยาหลิงเยว่ จากนั้นก็ชี้ไปที่ตัวเธอเอง จากนั้นก็ชี้ไปที่ซูอีเฉิน “เธอ ฉัน เขา”
เหยาหลิงเยว่มองนายหญิงซูอย่างงง ๆ
นายหญิงซูสอนอย่างอดทน “เธอ ฉัน เขา พูดตามฉัน เธอ ฉัน เขา...”
เหยาหลิงเยว่ลังเล ริมฝีปากของเธอขยับ ซึ่งทำให้ทุกคนมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ในที่สุด ขณะที่ทุกคนกำลังกลั้นหายใจ เธอก็เค้นคำออกมาหนึ่งคำด้วยความไม่คุ้นชิน “ฉัน...”
ซู่เป่าและซูเหอเหวินกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ!
ซู่เป่า “ป้าสะใภ้ใหญ่พูดได้แล้ว!”
ซูเหอเวิ่น “แม่ผมฉลาดมาก!”
นายหญิงซูตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน “ต่อนะ พูดว่า ‘เธอ ฉัน เขา’!”
มุมปากของเหยาหลิงเยว่กระตุก “เธอ...ฉัน...ฉัน...”
ทุกคนมองเธออย่างคาดหวัง
เหยาหลิงเยว่ “เธอ...ฉัน...เชี่ย”
ดูเหมือนเธอจะรู้สึกว่าตัวเองพูดถูก และพูดซ้ำด้วยความหนักแน่น “เชี่ย!”
นายหญิงซูชะงักไปชั่วขณะ “เชี่ย?”
รอยยิ้มของซูเหอเวิ่นแข็งค้างบนใบหน้า...
เชี่ยเอ้ย...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...