ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 575

หลังจากทิ้งนามบัตรเอาไว้ ซู่เป่าก็เดินไปก่อนก้าวหนึ่ง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงยอดเขา

ตัวอักษรชื่อวัดฉือเอ๋อเช็ดไว้ดูใหม่เป็นอย่างมาก ประกายวิบวับ ข้างประตูมีโต๊ะตั้งอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะวางเรียงรายไปด้วยธูปขนาดแตกต่างกันออกไป มีชายสวมชุดผาวสีเหลืองสำหรับพระนั่งอยู่หลังโต๊ะ หน้าเขามีคิวอาโค้ดตั้งอยู่สองอัน

ซู่เป่ามาวัดเป็นครั้งแรก เธอประหลาดใจเล็กน้อย

วัดเป็นแบบนี้เหรอ

ในขณะนี้เองมีคนท่าทางคล้ายนักศึกษามหาลัยเดินไปพอดี จากนั้นถามขึ้นว่า “ธูปขายยังไงเหรอคะ”

ชายสวมชุดผาวสำหรับพระพูดขึ้นว่า “จะขอพรให้คนในครอบครัวใช่ไหม”

เด็กหญิงพยักหน้า

ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “ธูปขอพรนี้ 299 ทางนี้อันนี้คือธูปบูชา 999 ธูปกตัญญู 1799 ขอพรให้คนในครอบครัวต้องใช้บูชา!”

ใบหน้าของเด็กหญิงเผยความลำบากใจออกมาเล็กน้อย “หนูเป็นแค่นักเรียน ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น...”

ชายหนุ่มเงยหน้าชำเลืองมองเธอทีหนึ่ง จากนั้นลวดมือหยิบธูปราคาสองร้อยเก้าสิบเก้ามา “งั้นเอาอันนี้ไปละกัน!”

เด็กหญิงยิ่งลำบากใจเข้าไปใหญ่ “ไม่มีที่ถูกกว่านี้แล้วเหรอคะ”

คราวนี้ชายหนุ่มไม่หยิบธูปให้แล้ว เขาเงยหน้ามองไปข้างๆ “ตรงนั้น สิบหยวนสามดอก หยิบเอาเอง”

เด็กหญิงรีบไปหญิงธูปสามดอก หลังจากแสกนจ่ายแล้วก็เดินจากไปพร้อมความตะลีตะลานเล็กน้อย

ซู่เป่าขมวดคิ้วพลางมอง กระซิบพูดกับมู่กุยฝานว่า “พ่อคะ ที่นี่ไม่ใช่วัดจริงๆ ละมั้งคะ”

ลัทธิขงจื๊อ ศาสนาพุทธและลัทธิเต๋า ไม่ว่าจะเป็นลัทธิความเชื่อไหน ล้วนมีพื้นฐานและภูมิปัญญาที่ลึกซึ้ง

แต่ความรู้สึกแรกที่วัดฉือเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าให้กับเธอกลับไม่เป็นอย่างนั้น

เดิมซู่เป่ายังคิดว่า ไหนๆ ก็มาสถานที่อันล้ำค่าแล้ว มากน้อยก็ต้องจุดธูปแสดงความศรัทธา

แต่เธอคิดจะแสดงความศรัทธา ทว่าอีกฝ่ายเหมือนเห็นเธอเป็นคนโง่

ธูปห่อใหญ่ที่สุดห่อนั้นข้างนอกแพงสุดแค่ 99 ซื้อในนี้ 1799?

มู่กุยฝานพูดขึ้น “ไปกันเถอะ เข้าไปดูกัน”

ซู่เป่าพยักหน้า ความคิดที่อยากซื้อธูปสักห่อในตอนแรกหายไปแล้ว

เมื่อเข้ามาในวัด เห็นเพียงข้างในประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าองค์ เจ้าแม่กวนอิมสามสิบสามองค์ มีห้าตำหนักหนึ่งอาคาร หกโถงสิบหอ ช่างเป็นตำหนักอร่าม องค์ทองใหม่จริงๆ แต่ละองค์ล้วนมีทองอร่ามระยิบระยับ ซู่เป่ามองไม่ออกว่ามีอายุมานาน แต่ทว่ากลับมองปุถุชนกับเงินออก

ทันใดนั้นซู่เป่าก็นึกถึงคำถามที่อาเจียถาม

(พวกเขาเป็นคนเลวใช่ไหม)

(ทำไมพระเจ้ายังปกป้องคนเลวอย่างพวกเขาอยู่อีก)

ราวกับว่าเธอเริ่มเข้าใจนิดหน่อยแล้ว

หากตรงหน้าไม่ใช่พระเจ้าจริงๆ ล่ะ

มู่กุยฝานกระซิบถามซู่เป่า “ซู่เป่า หาพวกเขาเจอไหม”

ซู่เป่าเอ่ย “ไม่แน่ใจค่ะ ต้องดูต่อไป”

จุดชมวิวเขาฉือเอ๋อเก็บค่าเข้า แต่เมื่อถึงวัดฉือเอ๋อแล้วจะไม่เก็บค่าเข้าอีก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในวิหารของวัดได้ตามสบาย แต่ต้องตัดสินใจเองว่าจะเลือกสักการะเทพหรือว่าจุดธูป อธิษฐานขอพรหรือว่าจุดตะเกียง

นอกจากนี้ยังมีอย่างอื่นที่ค่อนข้างพิเศษออกไปเล็กน้อย อย่างเช่นส่งไปเกิดอะไรต่างๆ พวกนี้ต้องติดต่อข้างนอก

จากนั้นยังมีเสี่ยงเซียมซี...ใช่แล้ว อยู่ตรงประตูทางออกของวัด บนขั้นบันไดหนึ่งในขั้นบันไดทางลงมี ‘พระ’ สวมชุดผาวสีเหลืองนั่งอยู่หลังโต๊ะ เสี่ยงเซียมซีทำนายดวงชะตา ลงไปอีกบันไดหนึ่ง ยังมีจุดขายหยกคุ้มภัย ขายประคำข้อมือและขายยันต์ด้วย...

ซู่เป่าเห็นภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ นี่มันวัดที่ไหนกัน นี่มันธุรกิจอย่างหนึ่งแล้ว

หลังจากวนดูข้างนอกอีกรอบ ก็ยังไม่พบร่องรอยของผิงเติ่งหวัง

ในมือของซู่เป่าถือเหรียญทองแดงเอาไว้เหรียญหนึ่ง เธอมองเป็นครั้งคราว

“ข้างนอกไม่มี” เธอเอ่ย

มู่กุยฝานพูดขึ้นว่า “งั้นเราเข้าไปกันเถอะ”

เมื่อครู่พวกเขาเดินสำรวจอยู่ในวัดฉือเอ๋อ ทุกวิหารสักการะที่ผ่าน พวกเขาเพียงแค่มองเข้าไปจากประตูทีหนึ่ง ไม่ได้เหยียบเข้าไปจริงๆ

ซู่เป่าพยักหน้า

เข้าไปในหอสามสิบสามเจ้าแม่กวนอิมก่อน สีของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมทุกองค์ล้วนมีสีสันสดใสเป็นอย่างมาก แม้ไม่ได้เป็นรูปปั้นองค์ใหม่ แต่เป็นเพราะขัดให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา กระทั่งยังประดับผงทองคำอีกด้วย

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูงเป็นอย่างมาก เจดีย์สูงสี่ถึงห้าชั้น เงยหน้าขึ้นไปรู้สึกเพียงว่าใหญ่โตโอ่อ่า แต่ซู่เป่ากลับไม่เห็นไอเทพจากดวงตาเลย

เดินชมหอกวนอิมเสร็จ ก็เดินเข้าไปในวิหารพระพุทธทั้งห้า

ที่นี่แตกต่างออกไปเล็กน้อย

หลังซู่เป่าเดินเข้าไป รู้สึกว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของพระพุทธรูปทุกองค์ล้วนมีลำแสงที่ทำให้คนแสยงอยู่ลำแสงหนึ่ง

ไม่ว่ามุมไหน ดวงตาของมันก็ราวกับกำลังจ้องมองคุณอยู่

“พ่อคะ...” ซู่เป่ากระตุกเสื้อผ้าของมู่กุยฝานเล็กน้อย

เธอจ้ององค์หนึ่งในนั้น

พระพุทธรูปปางนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันมีเมตตา ดวงตาที่ก้มอยู่กำลังจ้องเธอเขม็ง

มหาวีรวิหาร คือวิหารหลักของวัด ประดิษฐานพระประธานเอาไว้...พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า

นัยน์ตาของเขาเผยความตกตะลึงออกมา

ถึงยังไงคนที่มาบูชาพระ ก็ไม่เคยมีใครอยากจะบูชาแล้วจู่ๆ ก็ล้มเลิกมาก่อน!

นี่มันลบหลู่พระพุทธเจ้าเกินไปแล้ว!

ใบหน้าของพระภิกษุเย็นชาขึ้นมาในทันใด แต่ใบหน้าของมู่กุยฝานเย็นชากว่าเขา แล้วถามขึ้นว่า

“ใบอนุญาตประกอบกิจการของพวกท่านล่ะ มีหน่วยงานไหนเป็นคนดูแล จ่ายภาษีตามระเบียบทุกปีหรือเปล่า รายงานราคาของของที่นี่ต่อสำนักงานควบคุมราคาหรือเปล่า การค้าขายทั้งหมดที่ทำ พระพุทธเจ้าของพวกท่านเห็นด้วยหรือยัง”

พระภิกษุ “...”

ซูอวิ๋นเจามุมปากกระตุก

เขาช็อกเพราะคำถามสุดท้าย!

“ประสกเป็นใคร” พระภิกษุขมวดคิ้วพลางถาม

นักพรตมู่ “สำนักงานตรวจตราและกวาดล้างตลาด! เจ้าอาวาสของพวกท่านล่ะ เรียกเขาออกมาหน่อย!”

ซู่เป่า “...” ตัวตนของพ่อเยอะจัง! นี่คือเสื้อกล้ามในตำนานเหรอ

“ไป ซู่เป่า” อาศัยการ ‘ตรวจตรา’ ของมู่กุยฝาน ซูอวิ๋นเจารีบพาซู่เป่าไปทางมหาวีรวิหาร

ใต้มหาวีรวิหาร ใต้ฐานพระพุทธรูปมีไอดำมวลหนึ่งก่อตัวอยู่

ผิงเติ่งหวังนั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งสอง สูดไอชั่วร้ายที่รวมตัวโดยรอบ

ผ่านไปนานสองนานเขาถึงลืมตาขึ้น รู้สึกได้ถึงพลังของตัวเองที่แข็งแกร่งขึ้น นัยน์ตาเผยความพอใจออกมาเล็กน้อย

“หึ...โลกมนุษย์ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”

พวกที่อ้อนวอนเทพขอพรพระ กลับไม่รู้ว่าที่ตัวเองขอคือเทพสำนักไหน

บำรุงพุทธ ศึกษาพุทธ แต่ไม่มีใครศึกษาพระธรรมที่แท้จริง ถ้าไม่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เอาแต่แสร้งพูดว่าอมิตตาพุทธ ก็มีความคิดชั่วร้ายขวางลำ ใช้พระพุทธศาสนาทำธุรกิจ

ที่นี่ ช่างเป็นสถานที่ที่จอมปลอมที่สุดในโลกมนุษย์จริงๆ...

ความศรัทธาที่มนุษย์มีต่อเทพจะกลายเป็นพลังแห่งความศรัทธาอย่างหนึ่ง เรียกว่าพลังแห่งการอธิษฐาน

พลังแห่งการอธิษฐานคือสิ่งที่เทพเจ้าและพระพุทธเจ้าบำเพ็ญ แต่เมื่อคุณสมบัติของพลังแห่งการอธิษฐานเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็เหมือนกับวัดแห่งนี้ ในตอนที่ไร้การนับถือพระพุทธเจ้ามีเพียงแต่แผนการทำธุรกิจต่อพระพุทธเจ้า สิ่งที่รวบรวมมานั้นย่อมไม่ใช่พลังแห่งการอธิษฐาน แต่เป็นไอชั่วร้าย

เขาชอบของพรรค์นี้ที่สุดแล้ว ซ่อนตัวอยู่ที่นี่นอกจากจะได้ฟื้นฟูกำลังแล้ว นังเด็กซู่เป่านั่นยังคิดไม่ถึงอีกต่างหาก!

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

กำลังคิดถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเพียงเสียงตูมเสียงหนึ่ง...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน