ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 577

ผิงเติ่งหวังหัวเราะฮ่าๆ เขายังนึกว่าซู่เป่ามีทักษะพิเศษก้นกล่องอะไรอีก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแค่พญาผีตนหนึ่ง

พญาผีเก่งกาจ แต่ต่อหน้าเขา ก็งั้นๆ!

ผิงเติ่งหวังฟันกระบี่ออกไป พญาผีขาดออกเป็นสองท่อนในทันใด

สาวน้อยอาเจียอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาเสียงหนึ่ง ร่างสองท่อนกลิ้งลงไปบนพื้น เจ็บจนพลิกตัวไปมา

และในขณะที่ผิงเติ่งหวังลงมือนี่เอง ซู่เป่าก็ชักคันธนูและลูกศรขึ้นมาอีกครั้ง

ลูกศรหยินที่หนากว่าแขนของเธอถูกยิงออกไปเสียงดังปิ้ว!

ลูกศรสีดำทำลายความว่างเปล่า ค่อนข้างเร็ว กลางอากาศมีเสียงเคลื่อนไหวแว่วมา ในชั่วพริบตาก็มาถึงตรงหน้าของผิงเติ่งหวังแล้ว

นัยน์ตาของผิงเติ่งหวังหดตัว ลูกศรดอกนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!

ที่แท้ที่เธอโยนพญาผีออกมา ก็เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ยิงธนู?

หึ! ฉลาด แต่ก็ไม่มาก!

ลูกศรแบบนี้น่ะเหรอ ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน!

ผิงเติ่งหวังยกกระบี่ยักษ์ขึ้นมาขวางทีหนึ่ง ปัดลูกศรหยินไปอีกด้านเสียงดังติงตัง ลูกศรหยินที่หนาเท่าแขนอยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนกับแท่งไม้น้อยๆ ที่หักได้ง่าย ในชั่วพริบตาก็ถูกฟันจนหักเป็นสองท่อนแล้ว

ผิงเติ่งหวังหัวเราะอย่างเย็นชา “แค่นี้เหรอ...หึ!”

เขายังไม่ทันได้หัวเราะเสร็จ ก็รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างทะลุออกมาจากตาซ้ายของเขา!

จึก!

หลังจากลูกศรหยินที่กระจายไอดำทะลุออกมาจากตาของผิงเติ่งหวัง ในที่สุดเขาก็เผยร่างจริงออกมา ลูกศรปักไปบนผนังทองแดงกำแพงเหล็กบื้องหลังเขา!

ลูกตาข้างหนึ่งเสียบอยู่บนลูกศรหยิน

ลูกตาแผ่ไอหยินออกมา แต่ไม่นานก็แตกสลายราวกับกระบะทรายถล่มเสียงดังแซ่ ถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดไปจนเกลี้ยง

ตาของผิงเติ่งหวัง เป็น ‘สินค้าธรรมดา’ ได้ไหม น้ำเต้าวิญญาณพ่นแสงสีม่วงออกมาเลย กระทั่งยังได้ยินเสียงเรอแว่วมาเสียงหนึ่ง

“เออะ”

ผิงเติ่งหวังกรีดร้องพลางเอามือปิดตาด้วยความตกตะลึงและโกรธ เขาพูดขึ้นด้วยความเคียดแค้น “เจ้า!”

มือของซู่เป่าถือคันธนูและลูกศรเอาไว้ ร่างน้อยๆ ยืนอยู่ในซากปรักหักพัง ลมพายุกระหน่ำพัดตะเข็บเสื้อผ้าของเธอพริ้วไหว บนใบหน้าน้อยๆ เต็มไปด้วยความเย็นชา

อะไรที่เรียกว่าลูกศรหยิน

ทำให้ศัตรูเห็นได้ ก็ไม่เรียกว่าลูกศรหยินแล้ว!

“อายุแค่นี้ก็ร้ายกาจขนาดนี้แล้วเหรอ!” ผิงเติ่งหวังกัดฟันพูด “สมแล้วที่เป็นเหยียนหลัวหวัง!”

ซู่เป่ายังไม่ทันได้พูด ผีขี้ขลาดก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “อ้อ ลุงร้ายกาจกลับเรียกว่าเจ้าปัญญา พอเจ้าเด็กน้อยของเราโจมตีทั้งที่ลับที่แจ้งบ้างก็เรียกว่าร้ายกาจ หน้าลุงทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนั้นห๊ะ!”

สายตาที่ผิงเติ่งหวังมองไปที่ผีขี้ขลาดแฝงไปด้วยเจตนาฆ่า เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใคร ข้าพูดอยู่ ถึงตาเจ้าพูดแทรกแล้วหรืออย่างไร”

ผีหลายใจโบกธงตะโกนโหวกเหวก “ไม่พูดแทรก พวกเราไม่พูดแทรก! แทรกอะไรก็ได้แต่พูดแทรกไม่ได้!”

ผีขี้ขลาด “...”

ผีดวงซวยตบไปที่ศีรษะของผีหลายใจตามสัญชาตญาณไปหนึ่งฉาด จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “หุบปากไปเถอะ เธอน่ะ! ถนนแย่ๆ อย่างนี้ยังซิ่งรถได้อีก!”

ผีหลายใจโกรธเป็นอย่างมาก “นายสุดยอดไปเลย นายกล้าตบพี่สาวของนายเหรอ!”

คอของผีดวงซวยหดลง

ผิงเติ่งหวังมองจนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก็แค่ผีร้ายกลุ่มหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะกล้าไม่เคารพต่อหน้าเขาแบบนี้ เวลาแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจมาสอดแทรกมุขตลกอยู่อีก ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย!

“ไปตายซะเถอะ!” เขาโกรธเป็นอย่างมาก ไอพิฆาตพวยพุ่ง ถูกยั่วให้โกรธแล้วจริงๆ!

กระบี่นี้ สะบั้นฟ้าดิน แยกธารดารา น่ากลัวเป็นอย่างมาก!

ซู่เป่าคว้าคันธนูและลูกศร เธอหันหน้าได้แล้ววิ่ง “รีบหนีเร็วเข้า!”

เจ้าเด็กน้อยวิ่งลิ่วอยู่ด้านหน้า

ผีร้ายสองสามตนตามติดอยู่ด้านหลัง พญาผีที่ถูกสับเป็นสองท่อนอุ้มอีกท่อนหนึ่งของตัวเองแล้วเผ่นแน่บอย่างบ้าคลั่ง

สิ่งที่วิ่งตามอยู่หลังสุดคือน้ำเต้าวิญญาณ

ดูดีๆ จะมองออกว่าน้ำเต้าวิญญาณยักษ์ขวางอยู่ด้านหลังซู่เป่าด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ

แต่พวกผีขี้ขลาดเขา ขวางอยู่หลังซู่เป่าอย่างรู้ใจไร้ที่เปรียบ

ต่อให้กระบี่เล่มนั้นของผิงเติ่งหวังฟันลงมา ถ้าตายพวกเขาก็จะตายก่อน จะได้ยิ่งช่วงชิงโอกาสในการหนีให้ซู่เป่า

“คดในข้องอในกระดูก ภายนอกดูเป็นคนดีแต่ภายในคิดไม่ดี!” ผิงเติ่งหวังด่าอย่างระอุ “อายุแค่นี้ก็คิดแผนการแบบนี้แล้ว ไม่คู่ควรเป็นเหยียนหลัวหวัง!”

แต่ไม่ว่าเขาจะด่ายังไงก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

โหวกเหวกโวยวายจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเขาจริงๆ...

นอกตำหนักพญายม

ซู่เป่าหย่อนก้นนั่งบนพื้น อดไม่ได้ที่จะหอบแฮก หน้าอกขึ้นลงๆ

“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!” ซู่เป่าเช็ดเหงื่อพลางพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “พี่พัน พี่เก่งสุดๆ ไปเลย! พี่ชนะแล้ว!”

ผีขี้ขลาดกอดซู่เป่าเอาไว้ในอ้อมอกอย่างปวดใจ จากนั้นพูดขึ้นว่า “ซู่เป่าต่างหากที่เก่ง เราไม่ได้ทำอะไรเลย”

ซู่เป่าแหงนหน้า เผยให้เห็นรอยยิ้มใหญ่ๆ รอยยิ้มหนึ่ง “ใครบอกล่ะ พี่พันเป็นคนบอกให้ซู่เป่าใส่มหาวีรวิหารลงไปในตำหนักพญายมก่อนจะทุบพระพุทธรูป!”

เธอไม่มีขอบเขตพลังแล้ว

แต่เธอมีตำหนักพญายม

ในตำหนักพญายม สำหรับระดับใดระดับหนึ่งแล้วก็คือขอบเขตพลังของเธอ

พี่พันเป็นคนบอกเธอให้เอาตำหนักพญายมครอบไว้ข้างนอกมหาวีรวิหาร แล้วซ่อนกลิ่นอายของตำหนักพญายมเอาไว้ เผื่อทางรอดเอาไว้

ต่อให้สุดท้ายถูกผิงเติ่งหวังไล่ฆ่าขึ้นมาจริงๆ ก็หนีเอาตัวรอดได้

แต่น่าเสียดายที่พละกำลังของเธออ่อนแอเกินไป ผิดที่อยู่ในอาณาเขตของตัวเอง ควรคิดอยากจับผิงเติ่งหวังคลึงให้กลมก็คลึงให้กลม ถูให้แบนก็ถูให้แบนสิถึงจะถูก

“พูดอีกด้านผิงเติ่งหวังก็เก่งจริงๆ ซู่เป่าอยู่ในตำหนักพญายมของตัวเองก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ มีแค่ส่วนที่ต้องหนีเอาชีวิตรอด” ผีหลายใจยังคงหวาดผวาอยู่

วันนี้พวกเขาใช้ของทั้งหมดที่ใช้ได้ไปหมดแล้ว

ถึงขังผิงเติ่งหวังไว้ในตำหนักพญายมได้

แต่หากคิดจะฆ่าเขา ยังคงจนปัญญา

แต่ผีขี้ขลาดกลับไม่เห็นด้วย “ใครบอกว่าซู่เป่าของเราทำอะไรเขาไม่ได้ นี่ก็ยิงตาของผิงเติ่งหวังไปได้ข้างหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ”

เขาลูบศีรษะของซู่เป่าด้วยความอ่อนโยน จับลูกผมที่สะเปะสะปะอยู่ตรงหน้าผากของเธอขึ้นมาทัดหู

ซู่เป่าของเขาเก่งกาจเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า ต่อให้ตอนนี้ไม่เก่งกาจ ก็เก่งกาจที่สุดในความไม่เก่งกาจ ไม่รับความเห็นต่าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน