ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 580

พ่อแม่ของเขอเข่อเบลอไปอยู่นาน คำถามแสนข้อของซู่เป่าทำให้พวกเขาสับสน

พวกเขาไม่เคยคิดถึงประเด็นเหล่านี้เลย หรือจะพูดอีกอย่างก็คือคนที่สวดภาวนาต่อพระพุทธเจ้าไม่เคยคิดถึงประเด็นเหล่านี้เลย

ก็แค่ขอให้จิตใจสงบลงแค่นั้น

ทุกเดือนเขอเข่อจะมีอาการชักและเป็นไข้อยู่สองสามครั้ง ปีนี้พวกเขาได้หาโรงพยาบาลเฉพาะทางและสวดภาวนาต่อเทพเจ้าเวลาที่เดินทางผ่านวัด

อย่างไรก็ตามเขอเข่อไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย เมื่อเวลาผ่านไปอาการก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปกติเคยป่วยเดือนละครั้งหรือสองครั้ง แต่ตอนนี้กลายเป็นถี่ขึ้นสัปดาห์ละครั้งแล้ว

จริง ๆ แล้วพวกเขาก็เข้าใจว่าการไหว้พระหลายแห่งนั้นไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อเวลาที่คนคนหนึ่งหมดหวังและไม่มีทางเลือก พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแค่ภาพลวงตาได้เท่านั้น

พ่อของเขอเข่อดูเศร้าสลดและฝืนยิ้ม “ขอบใจเธอมากนะ เพื่อนตัวน้อย”

แม่ของเขอเข่อรับเขอเข่อไว้ สองสามีภรรยามีสีหน้าที่เศร้าโศก

มู่กุยฝานพูด “ไปกันเถอะ”

ถ้ายังไม่ไปรักษาบาดแผลอีก ติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ

และถ้านายหญิงรู้เข้า เธอก็จะใช้กระทะก้นแบนไล่พวกเขาไปตามถนนสามเส้น

ซู่เป่าถูกซูอวิ๋นเจาอุ้มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมองไปที่เขอเข่อที่เริ่มร้องไห้งอแง เธอก็โบกมือแล้วพูดว่า “ลาก่อนนะน้องเขอเข่อ แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้นะ!”

เขอเข่องับนิ้วแล้วมองดูพี่ชายคนสวยตัวน้อยที่เดินห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ

“จะเอาพี่ชาย...” เธอพูดอย่างเสียใจ

แม่เขอเข่อเกลี้ยกล่อม “เด็กดี เราใกล้จะกลับกันแล้ว พี่ชายรอเราอยู่ที่บ้านนะ”

เขอเข่อเบะปากแล้วหยุดพูด

พ่อของเขอเข่อจ้องไปที่ด้านหลังของมู่กุยฝานแล้วพูดอย่างหดหู่ “ชายแก่คนนี้แข็งแกร่งมาก เขาเดินเร็วพอ ๆ กับบินเลย ขึ้นภูเขาก็เร็วลงภูเขาก็เร็ว...ผมไม่เคยเห็นคนแก่ที่คล่องแบบนี้มาก่อนเลย”

โรงพยาบาล

ซู่เป่านั่งเงยหน้าหลับตาอยู่บนเก้าอี้เพื่อให้ป้าหมอตรวจดู

“ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องกลัวนะ” หมอปลอบใจ “แค่รอยขีดข่วนนิดหน่อย”

เธอถอดเสื้อของซู่เป่าออกเพื่อตรวจดูอย่างละเอียด และพบว่ามีเพียงบาดแผลที่แขนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามแผลที่แขนก็ลึกกว่าแผลที่อยู่บนหน้ามาก ดูจากตำแหน่งของแผลแล้วเหมือนเธอใช้แขนกั้นอะไรบางอย่างไว้

“หนูไปทำอะไรมา” หมอถามด้วยความประหลาดใจ

ซู่เป่าคิดอยู่พักหนึ่ง ไม่สามารถพูดได้ว่าเธอถูกวิหารขนาดใหญ่ถล่มทับลงมา และยังสามารถมานั่งอยู่ที่นี่ได้โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่

เธออยากจะบอกว่าเป็นบ้านหลังเล็กกว่านั้นซักหน่อย

ดังนั้นซู่เป่าจึงพูดว่า “ตอนนั้นหนูอยากกลับไปจับไก่ให้คุณยาย แล้วไก่ในเล้าวิ่งเร็วมาก แล้วไม่รู้ทำไมจู่ ๆ เล้าไก่ก็พังลงมา หนูก็เลยโดนกระเบื้องหลังคาข่วนเป็นแผล”

หมอ “อืมมม...”

เธอจี้ถามต่อ “แล้วผู้ใหญ่สองคนนั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นคนในครอบครัวหนูหรือเปล่า หนุ่มคนนั้นเป็นพี่ชายของหนูใช่ไหม ทำไมถึงไม่ให้เขาไปจับล่ะ”

ซู่เป่า “พี่ชายหนูทำไม่ได้ค่ะ!”

หมอ “...”

หมอทำความสะอาดแผลของซู่เป่าอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเศษกระเบื้องหลงเหลืออยู่ในแผล จากนั้นจึงทายาห้ามเลือดและพันผ้าพันแผล

ส่วนแผลบนใบหน้าก็ทายาให้แค่นั้น

เมื่อซู่เป่าออกมาจากห้องตรวจ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของเธอก็มีรอยแผลที่เห็นได้ชัดเจนสามถึงสี่รอย

หัวใจของซูอวิ๋นเจาและมู่กุยฝานจมดิ่งลง และคิดพร้อม ๆ กัน: กลับไปครั้งนี้จะโดนนายหญิงใช้มือเปล่าสับหัวหรือเปล่า

มู่กุยฝานคิดหาทาง “ฉันมีเรื่องที่ต้องทำนิดหน่อย อีกสองสามวันจะพาซู่เป่ากลับมา นายกลับไปก่อนเลย!”

ซูอวิ๋นเจาเหลือบมองมู่กุยาน และพูดตอบอย่างเข้าใจกัน “ผมก็มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน จะยังไม่กลับไปตอนนี้”

ซู่เป่ากระพริบตาและพูดอย่างตรงไปตรงมา "พ่อกับลุงเจ็ดกลัวจะถูกคุณยายใช้มือเปล่าสับหัวใช่ไหมคะ”

ซู่เป่าส่ายหัว “ในตัวของคุณลุงและคุณป้าไม่มีผี”

มู่กุยฝานเลิกปลอมตัวแล้ว เขาอุ้มซู่เป่าและบ่นพึมพำ

“พ่อแม่ของเขอเข่อบอกว่าในบ้านพวกเขามีพี่ชายอยู่หนึ่งคน บางทีผีอาจอยู่ในตัวพี่ชายคนนั้น”

ซู่เป่าพยักหน้า “หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!”

ซูอวิ๋นเจา: เข้าใจแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือจับผีให้กับพี่ชายของเขอเข่อ

จู่ ๆ ก็มีเรื่องมาเลยเหรอ

ทันทีที่ทั้งสามเดินไปที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากทางห้องฉุกเฉิน “เขอเข่อ...เขอเข่อของแม่!”

มองจากระยะไกลมีแต่ความวุ่นวาย แต่พวกเขากลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเขอเข่อและพ่อแม่ของเธอที่พวกเขาเพิ่งเจอกันมา

“เร็วค่ะพ่อ ไปดูกันเถอะ!”

ในห้องฉุกเฉิน

เขอเข่อนอนอยู่บนเตียงและถูกผลักเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งรีบ

พ่อของเขอเข่อเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ ส่วนแม่ของเขอเข่อก็เช็ดน้ำตาไม่หยุด

เขอเข่อที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อกี้นี้ตอนนี้กลับมีใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากม่วง ร่างกายของเธอบิดม้วนอย่างผิดปกติและกระตุกอยู่ตลอดเวลา

แพทย์ในห้องฉุกเฉินต่างพยายามช่วยเธอ และยัดที่กดลิ้นเข้าไปในปากของเขอเข่อเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกัดลิ้นตัวเอง

จากนั้นมีคนอีกสองสามคนกดเธอไว้ แล้วนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ มาตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ และเจาะเลือด...

อาการชักของเขอเข่อรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนดวงตาของเธอเริ่มพลิกเป็นสีขาว

“หนูเอง!” ซู่เป่าตะโกน แต่บุคลากรทางการแพทย์จะปล่อยให้เด็กเข้ามาได้อย่างไร พวกเขาคิดว่าเธอจะสร้างปัญหาและดุผู้ใหญ่ให้พาเด็กออกไป

ในโรงพยาบาลทั่วไป เป็นไปไม่ได้เลยที่คนที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์จะเข้ามาช่วยได้

และเพราะแบบนี้ซู่เป่าจึงถูกขวางไว้นอกห้องฉุกเฉิน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน