ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 598

ในระหว่างการเดินทาง มักจะมีคนลงรถจากไป

เมื่อถึงเวลาที่ซูอวิ๋นเจาต้องจากไปนั้น ทุกคนก็ไปส่งที่สนามบิน

ซูอวิ๋นเจานั้นอุ้มซู่เป่าไว้ด้านหน้า ด้านหลังสะพายกระเป๋าเป้

สัมภาระของเขามีแค่นี้ ชุดสองชุด น้ำขวดนึง มุ่งหน้าไปยังที่ที่ประเทศต้องการความช่วยเหลือจากเขา

ซูอวิ๋นเจาวางซู่เป่าลงอย่างไม่อยากจากไป เขากำชับ “ซู่เป่า อยู่ที่บ้านให้เชื่อฟังคุณยาย ลุงเจ็ดไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ช่วยลุงเจ็ดดูแลคุณยายด้วย”

ซู่เป่าพยักหน้ารับ “อืม ลุงเจ็ดวางใจเถอะค่ะ!”

ซูอวิ๋นเจาอยากบอกว่าอย่าลืมโทรหาลุงเจ็ดบ่อยๆ แต่ว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ เขาเองยังทำไม่ได้เลย

งานของเขา ทำให้เขาไม่สามารถโทรหาครอบครัวได้ตลอดเวลา อีกทั้งในเวลาที่จำเป็นเขาอาจะจะต้องตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวไปเลยด้วยซ้ำ

คนอื่นคิดถึงบ้าน ก็โทรไปหาพ่อแม่ถามสารทุกสุขดิบได้ ถามว่าพ่อกับแม่แข็งแรงดีอยู่ไหม

แต่เขา หากว่าคิดถึงบ้าน ทำได้แค่มองพระจันทร์ที่อยู่อีกฟากฝั่งที่เป็นดวงเดียวกัน

“ดูแลตัวเองด้วย” ซูอวิ๋นเจาลูบหัวของซู่เป่า หัวใจเจ็บปวด “ครั้งหน้าที่ลุงเจ็ดมาเจอซู่เป่า ซู่เป่าอาจจะโตแล้วก็ได้”

ไม่สามารถดูเธอเติบโตได้ มันเป็นความน่าเสียดายของเขา

“อย่าลืมลุงเจ็ดนะ” ซูอวิ๋นเจาเอ่ยหยอกออกมา

ซู่เป่าพยักหน้ารับ “ลุงเจ็ดวางใจได้ หนูไม่ลืมหรอก ไปดีได้เลย…..ไม่ใช่สิ ลุงไปอย่างสบายใจได้เลย!”

ซูอวิ๋นเจา “……” ขนาดแก้คำพูดแล้ว แต่ดูเหมือนความหมายยังเหมือนเดิมเลย?

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางหาย เขาลูบหัวของซู่เป่าเบาๆ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างเอ็นดู “ยัยผีน้อย”

ซู่เป่ากอดคอของซูอวิ๋นเจาเอาไว้ แล้วหอมแก้มเขา “ขอให้ลุงเจ็ดปลอดภัย ราบรื่น สมปรารถนาทุกประการ ร่ำรวยๆ!”

ซูอวิ๋นเจาหยิบอั่งเปาออกมา…..

อ้ะ ไม่ได้เตรียมอั่งเอาไว้ ตอนนี้มีเพียงสองร้อยหยวน เขายัดใส่มือซู่เป่าก่อนที่จะเอ่ยออกมา “ดีๆ เป็นเด็กดี……”

ซู่เป่ายิ้มออกมาทันที

ทุกคน “??”

ต่อให้จะไม่อยากจากลายังไง แต่ถึงเวลาก็ต้องไป

คุณนายซูถือถุงของกิน ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “เอาล่ะ รีบไปเถอะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันแล้ว…..นี่ไข่พะโล้ที่ทำให้ไว้ตั้งแต่เช้า แล้วก็มีเกี๊ยวห่อมือแม่ทำเอง ปู่นึ่ง บะหมี่กุ้ง กล่องด้านข้างคือตีนไก่ เอาไว้กินเล่น ถ้าจะเอาของกินขึ้นเครื่องบินต้องห่อแบบสูญญากาศ แม่ทำให้เรียบร้อยแล้ว”

“บนเครื่อง เอาเครื่องดื่มขึ้นไม่ได้ ถ้าเราคอแห้งก็เรียกให้แอร์โฮสเตสเขาเอามาให้……”

ซูอวิ๋นเจาพูดไม่ออก เขาเอ่ยเสียงเบา “ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ แม่”

คุณนายซูนั้นผมหงอกขึ้นทั่ว หลังเริ่มค่อม อีกฝ่ายยกมือโบกไล่เขา “ไปเถอะ”

ซูอวิ๋นเจากลับหลังหัน เขาเก็บความอาลัยอาวรณ์ไว้ในดวงตาที่แดงก่ำ

ความภักดีนั้นไม่สามารถมีให้ทุกคนได้ ตั้งแต่ที่เขาเลือกทุ่มเทให้กับประเทศ มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเขาไม่สามารถที่จะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้

ยังดีที่ว่าครอบครัวเขามีพี่น้องเจ็ดคน พี่ใหญ่เป็นประธานของซูซื่อกรุ๊ป อยู่บ้านตลอด พี่สองกับพี่ห้านั้นเป็นวิศวกร อยู่ที่บ้านเหมือนกัน พี่สามกับพี่สี่แม้จะยุ่งมาก ทว่าเวลาเทศกาลวันปีใหม่ ก็กลับมาที่บ้านได้

พี่หกเองก็ต้องเดินทางไปตามที่ประเทศกำหนดตารางมาให้ ทำให้ไม่ค่อยกลับบ้านเหมือนเขา ทว่าเวลาว่างสามารถโทรกลับมาได้ ซูอี้เซินเป็นหมอ แม้ว่าจะยุ่งแต่ก็อาศัยอยู่ที่บ้าน

เมื่อเขาคิดได้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ถ้ามีแค่พ่อกับแม่อยู่บ้านไม่มีคนดูแล เขาคงเสียใจไปชั่วชีวิต

ซูอวิ๋นเจาเดินผ่านประตูเข้ามา อยากจะหันไปโบกมือลาทุกคน

สุดท้ายเมื่อหันกลับไป ก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว

ทุกคนเดินไปถึงหน้าประตูสนามบินแล้ว ซู่เป่านั่งอยู่บนบ่าของมู่กุยฝาน กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ซูอวิ๋นเจา “……”

ดวงตาอันแดงก่ำของเขาไร้ค่าไปเลย

เนิ่นนานเขาถึงส่ายหน้าไปมา แล้วเดินออกไป

ด้านนอกสนามบิน ทุกคนขึ้นรถ มู่กุยฝานเป็นคนขับ เขานั่งนิ่งไม่ขับไปไหนอย่างรู้งาน

คุณนายซูหันไปมองเครื่องบิน ที่กำลังทะยานขึ้นฟ้าอย่างไม่ตั้งใจ

เธอถอนหายใจออกมา สายตาฉายแววความกังวลและอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายก็ซ่อนมันลงไปในใจ

ซู่เป่าเกาะอยู่ตรงหน้าต่าง โบกมือให้กับเครื่องบินลำใหญ่

มู่กุยฝานเลยปรับโหมดปิดเสียงให้โทรศัพท์

(บรรดาหัวหน้าที่โทรมาตั้งนาน แต่ไม่มีคนรับ บ่นกันระนาว ไหนบอกว่าจะพาทีมไปจับผีไง แล้วหายไปไหน???)

มู่กุยฝานไม่รับโทรศัพท์ ด้านหลังกลับมีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น น้ำเสียงหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

“จะให้คนอื่นได้พักผ่อนไหมเนี่ย? ตั้งแต่รถไฟออกก็รับโทรศัพท์ตลอด ที่นี่เป็นบ้านคุณเหรอ?”

มู่กุยฝานขมวดคิ้วมุ่น

ซู่เป่าหันกลับไปมอง เห็นว่าเป็นผู้หญิงแต่งตัวแฟชั่นคนนึง เธอถอดแว่นดำออก ใบหน้าโกรธเคือง

เด็กน้อยคิ้วขมวด ก่อนเอ่ยออกมา “คุณน้า พ่อของหนูปรับโหมดโทรศัพท์เป็นปิดเสียง หนูนั่งอยู่ข้างๆ ยังไม่ได้ยินเสียงเลย พ่อของหนูตอนคุยโทรศัพท์ก็พูดเสียงเบามาก คุณยายที่นอนอยู่ด้านข้างยังไม่ตื่นเลย พ่อหนูรับโทรศัพท์ไปแค่สามสาย ทุกสายก็พูดแค่ประโยคเดียว! หนูคิดว่าพ่อหนูเขาไม่ได้รบกวนใครนะคะ”

เวลาไหนควรขอโทษก็ควรขอโทษ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของพ่อเธอ

ซู่เป่าตัวน้อยมุ่งมั่นที่จะปกป้องพ่อของตนเอง

หญิงสาวยิ้มเย็น “เธอรู้จักคนรู้สึกตัวง่ายไหม? ถ้านอนแล้วมีเสียงนิดหน่อยก็ตื่นแล้ว!”

ซู่เป่าเอ่ยไปตามตรง “ไม่รู้ค่ะ พวกเราไม่รู้จักคุณสักหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าคุณสึกตัวง่าย?”

“อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านคุณ ถ้าคุณนอนได้ พวกเราก็โทรศัพท์ได้”

ก่อนขึ้นรถคุณยายบอกเธอว่า จะเสียงดังโวยวายบนรถไม่ได้ การโวยวายนั้นรบกวนการพักผ่อนของคนอื่น แต่ก็ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำได้

หญิงสาวโมโหมาก

ทุกคนมานั่งรถไฟหัวกระสุนแบบนี้ เธอคิดว่าครอบครัวที่นั่งอยู่ด้านหน้า เป็นแค่ครอบครัวคนมีตังธรรมดาเท่านั้น

ตอนที่พึ่งขึ้นมา เด็กน้อยมีสีหน้าเหมือนไม่เคยเจอโลกมาก่อน พอลองคิดดู นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจใช้เงินซื้อตั๋วชั้นธุรกิจล่ะสิ

ใครไม่มีเงินกัน เธอเองก็มีเงิน อีกทั้งยังใช้ความสามารถของตัวเองในการหาเงินมาด้วย ปีนึงรายรับเป็นล้าน เธอจึงคิดว่าเธอสามารถต่อสู้กับทุกสิ่งที่ไม่ยุติธรรมได้

“ไม่รู้เรื่องเลย! ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ไม่ใช่บ้านของเธอ! ผ่านไปไม่กี่นาทีก็คุยโทรศัพท์ พูดเสียงดังขนาดนั้น ว่าแล้วยังมาเถียง! เจอพวกเธอฉันมันซวยจริงๆ!”

“มีลูกก็ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นตัวอย่าง มีผู้นำครอบครัวยังไงก็มีลูกแบบนั้นแหละ ฉันรู้สึกโศกเศร้าแทนลูกของพวกคุณจริงๆ ไม่รู้ว่าโตไปจะเป็นขยะสังคม ไม่มีเหตุผลอยู่ในสังคมยังไง!”

ซู่เป่า “……”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน