ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 672

กินข้าวเสร็จ พื้นที่ขนาดกว้างขวางก็กลายเป็นสนามเด็กเล่นของพวกเด็ก ๆ ด้วยเทคโนโลยีของซูจิ่นม่อ

ดูการ์ตูน...ด้วยเทคโนโลยีโฮโลแกรมที่รายล้อมอยู่ทั่วทุกทิศ

ฟังนิทาน...จากคลังความรู้ของมนุษย์เสมือนจริง

โซฟาทรงกลมอัจฉริยะที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ก็สามารถปรับเป็น...แทรมโพลีนได้อีกด้วย

ในที่สุดเมื่อเล่นกันจนเหนื่อยล้าภายในห้องจึงค่อย ๆ สงบลง

**

ในเวลาเดียวกัน การประชุมระดับสูงของห้องปฏิบัติการ โต๊ะกลมขนาดใหญ่มีคนนั่งล้อมวงกันอยู่สี่คน

“ฉันเห็นด้วยที่จะยึดบ้านของซูจิ่นม่อเป็นของหลวง เขาทำงานให้ห้องปฏิบัติการ ดังนั้นอะไรก็ตามที่เขาวิจัยพัฒนาก็ควรจะเป็นของห้องปฏิบัติการ”

อีกคนหนึ่งก็พยักหน้า “ฉันก็เห็นด้วยเหมือนกัน ตามที่เสียวข่งบอกมามนุษย์เสมือนจริงที่เขาสร้างขึ้นมานั้นค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าหากสามารถนำเทคโนโลยีนี้เผยแพร่ไปได้ล่ะก็ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนนับสิบ ๆ ล้านเลยทีเดียว”

คนที่สามแต่งกายด้วยชุดทำงานสีฟ้าอย่างเป็นทางการ ก็คือเสียวข่ง คู่หูของซู่จิ่นม่อที่ปกติจะสนิทกันที่สุด เขาพูดอย่างลังเล

“แต่ว่านี่มันเป็นของของเขาเอง ตั้งแต่ซื้อบ้านไปจนถึงรูปแบบการออกแบบตามจินตนาการ การตกแต่ง การติดตั้งทั้งหมดเขาออกเงินเอง”

คนที่พูดคนแรกเมื่อครู่นี้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำการประชุมเล็ก ๆ ในครั้งนี้ เป็นหัวหน้าของกลุ่มเทคโนโลยีหลังการร่วมลงทุน

เขาพูดอย่างเย็นชา “เงินของเขามาจากไหนล่ะ ทุก ๆ ปีห้องปฏิบัติการให้เงินค่าตอบแทนเขาปีละห้าล้าน ทั้งหมดที่เขาทำก็ได้มาจากห้องปฏิบัติการของพวกเรา”

“ห้องปฏิบัติการของพวกเราจ่ายเงินไปมากมายขนาดนั้น เขาก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันบ้าง”

“เทคโนโลยีมนุษย์เสมือนจริงควรจะเข้ามาเป็นของห้องปฏิบัติการ แล้วนำไปเผยแพร่หารายได้ เราจะได้มีเงินมาลงทุนกับเครื่องพิมพ์หินอียูวีให้มากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนพัฒนาห้องปฏิบัติการต่อไป”

ทุกคนพยักหน้าโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

“ถึงยังไงห้องปฏิบัติการก็ให้เขาปีละตั้งห้าล้านเชียวนะ...”

พวกเขากลับไม่คิดว่าห้าล้านของซูจิ่นม่อนั้นหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

หน่วยงานมากมายทั้งในและต่างประเทศต่างยื่นข้อเสนอมาให้เขาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว ถ้าเขาตอบตกลงป่านนี้เงินเดือนขั้นต่ำอย่างน้อยก็สิบล้าน

แต่เขาไม่ทำแบบนั้น

ตอนนี้พวกหัวหน้ากลับคิดที่จะเอามนุษย์เสมือนจริงที่ซูจิ่นม่อวิจัยและพัฒนามาด้วยตัวเองให้มาเป็นของห้องปฏิบัติการ หลังจากนั้นก็ทำการตลาดหาเงินมาสนับสนุนงานวิจัยเครื่องพิมพ์หินอียูวี

แบบนี้ก็เท่ากับว่าซูจิ่นม่อต้อง ‘อุทิศตน’ อดทนทำงานหนักไม่หยุดไม่หย่อนเพื่อสนับสนุนห้องปฏิบัติการเลยทีเดียว

พวกเขาก็ยังคิดไม่ได้ว่ามันผิดปกติ

เสียวข่งแสร้งทำท่าทีครุ่นคิดอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะพูดว่า “เกรงว่าเขาจะไม่เห็นด้วย...”

ซูจิ่นม่อไม่ใช่พวกยึดติด หากจะต้องอุทิศตนให้กับห้องปฏิบัติการหรืออุทิศทั้งชีวิตให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์...นั่นไม่ใช่เขา

หัวหน้าในกลุ่มนั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เรื่องนี้ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจ พรุ่งนี้ผมจะพาคนไปบ้านของเขา เมื่อเทคโนโลยีมนุษย์เสมือนจริงมาเป็นของห้องปฏิบัติการแล้ว โครงการนี้ก็ค่อยให้คุณรับผิดชอบพัฒนาและเผยแพร่”

เสียวข่งคอตก แสร้งทำเป็นถอนหายใจ “ครับ...”

การประชุมสิ้นสุดลง

เสี่ยวข่งเดินอยู่ด้านหลังสุด ภายในดวงตาแฝงความดีใจจนยากที่จะสังเกตเห็น

ตอนที่เขาไปบ้านของซูจิ่นม่อครั้งแรกก็ตกตะลึงกับเถียนเถียนมนุษย์เสมือนจริง

มนุษย์เสมือนจริงสุดเจ๋งอันนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็จะเป็นของเขาแล้ว

ภายภาคหน้าเมื่อเทคโนโลยีนี้ถูกผลักดันเข้าสู่ตลาด คนหนุ่มคนสาวที่อยู่ตัวคนเดียวก็จะมีคู่ครองเป็นของตัวเองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลตลอดก็จะมีหมอประจำครอบครัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกอย่างเกี่ยวกับอาหารการกินก็จะง่ายขึ้น ทุกคนจะเข้าสู่ยุควิถีแห่งเทคโนโลยี

และเขาก็จะกลายเป็นผู้นำในการส่งเสริมยุคแห่งเทคโนโลยีนี้ เป็นผู้บุกเบิกอารยธรรมเทคโนโลยีของมนุษย์ และจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์!

เสียวข่งอดกลั้นความดีใจเอาไว้แล้วรีบจากไป

บนผนังกระจกของห้องปฏิบัติการสะท้อนเงาของเสียวข่ง

เขาอดกลั้นความดีใจและความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ ไม่แสดงออกมาให้เห็นและคงไม่เห็นว่า...

บนหลังของเขามีผีตัวใหญ่เกาะอยู่ ปากกว้าง ๆ ของมันกำลังกลืนกินศีรษะของเขาเข้าไปแล้ว...

**

ซู่เป่าตื่นขึ้นมาก็พบว่าลุงหกยังอยู่

เมื่อคืนพวกพี่ ๆ เล่นกันจนดึกก็เลยยังไม่ตื่นกัน

ส่วนคุณพ่อไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว

เธอวิ่งไปที่โซนอ่านหนังสือที่อยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่น เอนตัวพิงซูจิ่นม่อแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ลุงหก ลุงกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”

ซูจิ่นม่อตอบ “เมื่อคืนซู่เป่าบอกว่าเถียนเถียนทำกับข้าวขาดอะไรไปนะ ขาดความรักของยายใช่ไหม...”

“ดังนั้นลุงหกก็เลยขโมย...อ๊ะไม่สิ ยืมสูตรของคุณยายมาอัพโหลด”

ซู่เป่ามองซ้ายทีขวาที “แถวนี้มีเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ไหม หนูสูงไม่ถึง หนูจะสอนพี่เถียนเถียน!”

เถียนเถียนพยักหน้า “ได้ค่ะ เก้าอี้ตัวเล็กจัดไว้สำหรับคุณแล้ว”

เก้าอี้ตัวเล็กเลื่อนมาหยุดอยู่ข้างเท้าซู่เป่า

ซู่เป่าเขย่งเท้าดูคุณยายทำกับข้าวบ่อย ๆ คุณยายมักจะหยิบอะไรใส่ไปเรื่อยเปื่อยตามใจชอบ

“นี่เลย ขาหมูใหญ่ ๆ! เติมซีอิ๊วขาวลงไปหนึ่งตะหลิว...”

เถียนเถียนพูดแก้ “ตะหลิวครึ่ง”

ซู่เป่าก็เอียงศีรษะ “พี่เถียนเถียน คนเราเวลาทำกับข้าวนั้นสามารถปรุงได้ตามใจปรารถนา”

เธอหยิบเกลือใส่ลงไปนิดหน่อย หยิบขิงซีกหนึ่งใส่ลงไป ส่วนเครื่องปรุงอื่น ๆ ก็ใส่ตามใจชอบ

เถียนเถียนตระหนักได้ว่านี่คือหนึ่งตะหลิว นี่คือเล็กน้อย

เข้าใจแล้ว

ทันทีที่ซูจิ่นม่อรีเซ็ตเงื่อนไขของโปรแกรมเสร็จ ก็มีกลิ่นโชยมาจากในครัว มันเป็นกลิ่นของขาหมู!

“เสร็จแล้วเหรอ”

เขารีบลุกขึ้นยืน ก็เห็นเจ้าตัวเล็กกับมนุษย์เสมือนจริงกำลังลงมือทำกันอย่างวุ่นวายอยู่ในห้องครัว ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง...

เมื่อเถียนเถียนผ่านการชี้แนะจากซู่เป่า กลับเรียนรู้ได้เร็วกว่าในโปรแกรม กระทะหมุนโดยอัตโนมัติ และในไม่ช้าผัดรากบัวกลิ่นหอมฉุยก็เทลงมา

ชั่วพริบตา อาหารก็ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

เถียนเถียนพูดอย่างมีความสุข “นายท่าน รีบมาลองชิมอาหารที่ฉันกับซู่เป่าเป็นคนทำเร็ว!”

ซูจิ่นม่อนั่งลงแล้วก็กินไปหนึ่งคำ รสชาติเหมือนนายหญิงซูทำแล้ว!

เขายกนิ้วโป้งชื่นชมทันที “เยี่ยมมากเลย! เป็นเพราะซู่เป่าของลุงลงมือทำเอง!”

ซูจิ่นม่ออุ้มซู่เป่าขึ้นมาอย่างดีใจ ดูเธอสวมผ้ากันเปื้อนเล็ก ๆ นั่นสิ น่ารักเป็นบ้าเลย!

“เร็ว รีบถอดผ้ากันเปื้อนแล้วไปล้างมือ! ลุงจะไปกดนาฬิกาปลุกให้ทุกคนตื่น...”

ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน