ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 695

ซู่เป่าหยิบโทรศัพท์ของมู่กุยฝาน พร้อมกับพูดดุๆ “คุณพ่อ แชร์หน้าจอ!”

โทรศัพท์ของมู่กุยฝานมีฟังก์ชั่นแชร์หน้าจอ หรือต่อให้ไม่มี นักประดิษฐ์ชั้นยอดอย่างซูเหอเวิ่นและซูจิ่นม่อก็ต้องทำให้มันมีให้ได้

แต่ที่ทำให้มู่กุยฝานรู้สึกทึ่งคือ ‘ภาพกล้องวงจรปิด’ ของเขามีฉากแปลกตาเพิ่มขึ้น…

ซู่เป่าเริ่มพูดจากไช่ต้าหย่งก่อน “ไหนลุงบอกว่าไม่มีคนอยู่บ้านไง นี่คืออะไรกัน”

ภาพในจอโปรเจคเตอร์ คือหญิงชราที่กำแผ่นพลาสติกไว้แน่นกลางสายฝน พร้อมตะโกนทีละประโยค “ลูกชาย…เปิดประตู…แม่หนาว…”

ไฟห้องชั้นสองสว่างขึ้น จากนั้นดับลงอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปพักใหญ่ จอภาพเหลือเพียงความมืดมิด แต่หากมองดีๆ จะเห็นมีคนแอบเปิดผ้าม่านมองออกมาทางนอกหน้าต่าง พอเห็นคุณยายที่นอนอยู่บนม้านั่งหิน ก็รีบดึงม่านลงในทันที

คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไช่ต้าหย่งนั่นเอง

“อยากแก้ตัวยังไงอีกไหม” ซู่เป่าถามอย่างโกรธเคือง

หัวใจของไช่ต้าหย่งเย็นเฉียบ สีหน้าอัดอั้นจนถึงขีดสุด เขาพูดตอบอย่างโกรธเคืองและติดอ่าง “พะ-พวกคุณแอบจับตามองบ้านผม! นี่มันผิดกฏหมาย ใครอนุญาตให้พวกคุณทำแบบนี้กัน พวกคุณไม่มีสิทธิ์…”

ตำรวจคนหนึ่งตะโกนเสียงเย็น “หุบปากเถอะ รู้ไหมว่าเขาคือใคร หากเขาไม่มีสิทธิ์ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์แล้ว เขาเป็น……”

มู่กุยฝานพูดขึ้นเบาๆ “ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนในสน.”

เหล่าตำรวจสะอึก แต่พอลองคิดก็เหมือนจะไม่ผิด……

ไช่ต้าหย่งสีหน้าซีดเผือด มาจากหน่วยสืบสวนงั้นเหรอ เขาทำอะไรผิดกัน ถึงมีค่าให้เขามาจ้องขนาดนี้ ว่างจริงๆ เลย!

ไช่เสียวหย่งและไช่คังรีบติว่าเขาอย่างเจ็บใจ “พี่ใหญ่ พี่ยังจะแถอีก พี่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า หา?”

“แม่ตะโกนร้องด้านนอกทั้งคืน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะไม่ได้ยินแม้แต่นิด พี่ตั้งใจ ตั้งใจไม่เปิดประตู พี่ทำแม่ตาย!”

ไช่ต้าหย่งก็อยากแก้ตัว แต่หลักฐานอยู่ตรงกหน้า เขาจะแก้ตัวอย่างไร

ไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดยี่ห้ออะไรกัน ถ่ายชัดขนาดนั้น เห็นแม้กระทั่งเขาที่ดึงม่านในตอนกลางคืน

คดีอื่นเวลาเกิดเรื่องแล้วเช็คกล้อง กล้องมัวอย่างกับอะไร แต่ทำไมกล้องหน้าบ้านเขาถึงได้ชัดขนาดนี้ล่ะ!

ไช่เสียวหย่งและไช่คังจับจุดอ่อนของเขาได้ จึงถือโอกาสพูดติและปัดความรับผิดชอบ ซู่เป่าพูดขึ้นเย็นๆ “ยังไม่จบ พวกลุงเองก็มีเหมือนกัน”

ภาพในจอฉายต่อ

เพียงแต่รอบนี้เป็นบ้านไช่คัง

คุณยายมาถึงหน้าประตูบ้านลูกชายคนรอง ตะโกนอย่างระมัดระวัง “เกหล่าเอ้อร์ อยู่บ้านไหม เปิดประตูให้แม่หน่อย…แม่หนาว และหิวมาก…

ประตูบ้านไช่คังไม่มีเสียงและไม่ขยับแม้แต่นิด

รออยู่เป็นเวลานานมาก คุณยายโก่งเอวอย่างผิดหวัง และเดินจากไปสั่นๆ

ไช่คังพูดขึ้นทันที “เห็นไหม ฉันไม่อยู่บ้าน…จริงๆ…”

ประโยคด้านหลังยังพูดไม่ทันจบ

ก็เห็นประตูที่ปิดนิ่งเมื่อครู่ค่อยๆ เปิดออก ไช่คังยื่นหัวออกมาดู พร้อมด่าทอนเสียงต่ำ “เดือนนี้ยังไม่ถึงตาฉันเลย มาหาฉันทำไมกัน”

จากนั้นเขาก็กลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว พร้อมปิดประตูไว้แน่น

คำพูดของไช่คังสะอึกอยู่กลางลำคอ เขาอยากแก้ตัวยังไม่มีทางให้แก้ตัวเลย!

นี่มันกล้องวงจรปิดยี่ห้ออะไรกัน ติดตั้งอยู่ตรงไหน ทำไมชัดแจ๋วกระทั่งเสียงพูดของเขา!

เขาคุ้นเคยกับหน้าบ้านนี้ดี มันไม่มีกล้องวงจรปิดนี่นา……

ไช่โม่ลี่กราดด่าในทันที “พี่รอง พี่นี่มีหน้างั้นเหรอ เมื่อกี้พี่พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริงเลย!”

ไช่เสียวหย่งเริ่มไม่มั่นใจ เห็นกล้องถ่ายบ้านพี่ใหญ่พี่รองได้ชัดเจนขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าถ่ายบ้านเขาก็ชัดเจนขนาดนี้เช่นกัน…

เพียงแต่ บ้านเขาอยู่ในชนบท ในหมู่บ้านชนบทไม่มีกล้องวงจร

ที่ยัยเด็กนี่พูดถูก อาจเป็นเพราะเธอเดินผ่านและเห็นเข้าโดยบังเอิญ

ใครมันจะฟังคำพูดฝ่ายเดียวของเด็กคนหนึ่งกัน…

แต่ใครจะรู้ภาพบนโปรเจคเตอร์กระพริบ ถึงตาบ้านเขาแล้วจริงๆ

เมื่อตอนหญิงชรามาถึงหน้าบ้านเขา เสื้อผ้า และผมเผ้าต่างเปียกปอนจนหมด ลำตัวของเธอสั่นคลอน

เธอตบไปที่ประตูเป็นเวลานาน บางทีอาจเป็นเพราะสิ้นหวัง เมื่อถึงบ้านลูกชายคนเล็กเธอร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

“เหล่าเยา เปิดประตูหน่อย แม่ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ…”

ภายใต้ลมหนาว สายฝนตกกระทบลงบนหลังคา น้ำหยดลงตามร่างหญิงชราดังเปาะแปะ เธอร้องไห้อย่างสิ้นหวังภายใต้พายุที่พัดฟู่วๆ พร้อมเช็ดน้ำตาด้วยเสียงสะอื้น

ในสายตาเธอเหลือเพียงลูกชายคนเล็กเป็นความหวังสุดท้าย

ประตูเปิดออกจริงๆ เธอชะงักทีหนึ่ง จากนั้นรีบเดินขึ้นไปด้วยความตะลึง

แต่เธอไม่คิดว่าลูกชายคนเล็กจะมาเพื่อไล่เธอ

เธออ้อนวอนลูกชาย แค่ให้เธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังดี แต่ลูกชายคนเล็กกลับกลัวว่าเธอเข้าแล้วจะไม่ยอมออก จึงปฏิเสธแม้กระทั่งคำขอเล็กๆ อย่างการเปลี่ยนชุดของเธอ

ลูกชายคนเล็กสะบัดมือคุณแม่ทิ้งอย่างใจร้าย พร้อมไล่ให้เธอไปหาลูกชายคนโต

หญิงชรายืนอยู่หน้าประตูอย่างสิ้นหวัง ดวงตาอันขุ่นมัวเต็มไปด้วยความผิดหวัง สับสบและทำตัวไม่ถูก เธอหันร่างอย่างสั่นคลอน ก้าวสู่เส้นทางการเคาะประตูอีกครั้ง…

ภาพใน ‘กล้องวงจร’ ดับไป

แต่ทุกคนที่ดูจบกลับสามารถเห็นภาพได้อย่างน่าประหลาด คุณยายเดินไปบ้านลูกๆ ทุกคนด้วยฝีเท้าโซเซ เส้นทางตั้งแต่เขตเมืองจนถึงเขตชนบทต้องใช้เวลาเดินหนึ่งชั่วโมง ท่ามกลางพายุ เธอมีเพียงแผ่นพลาสติกบางๆ ในการบังฝน

ระยะเวลาทั้งหมดสองวัน เธอเดินไปหาลูกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ระหว่างทางเธอทั้งหนาวเหน็บและหิวโซ เธอมองดูร่างที่โคลงเคลงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงเปิดประตูของลูกๆ ไม่ได้แม้แต่คนเดียว!

สุดท้ายเธอเดินไม่ไหวแล้ว ขดตัวอยู่บนม้านั่งหินหน้าบ้านลูกชายคนโต ‘หลับใหล’ ไปชั่วนิรันดร์ และไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน