มู่กุยฝานคิดว่าทางเข้านรก จะมีผีหรือวิญญาณเร่ร่อน และ ‘คน’ ที่มือขาดเท้าขาดมากมาย
แต่ในร่องลมเย็นๆ พัดโชยมา ไม่มีเงาผีเลยแม้แต่ตนเดียว เงียบจนน่าประหลาดใจเล็กน้อย
มือข้างหนึ่งของซู่เป่าจูงป้าสะใภ้ใหญ่ มืออีกข้างหนึ่งจูงพ่อ เดินเข้าไปข้างใน
มู่กุยฝานคำนวณเวลา เดินไปทั้งหมดหนึ่งชั่วโมง ยิ่งลงไปก็ยิ่งหนาว คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างมู่กุยฝานยังอดไม่ได้ที่จะเนื้อตัวสั่นเทา
ตัวแข็งเป็นหมาไปเลยจริงๆ
ทว่าซู่เป่ากับเหยาหลิงเยว่กลับไม่รู้สึกใดๆ
“พ่อคะ พ่อหนาวไหมคะ” ซู่เป่าถาม
มู่กุยฝานพยักหน้า “ที่นี่หนาวจริงๆ...ซู่เป่า ถ้าที่นี่เป็นทางเข้าจริงๆ หนูเข้าไปแล้วต้องระวังตัวมากๆ นะ”
“พ่ออาจจะไปเป็นเพื่อนหนูไม่ได้ แต่พ่อจะพยายาม...ซู่เป่า??”
มู่กุยฝานยังพูดไม่ทันจบดี ทีแรกมือน้อยๆ ยังจูงมือของตนอยู่ทว่าจู่ๆ ก็ปล่อยไป
เขาได้แต่มองซู่เป่าจูงมือเหยาหลิงเยว่เดินไปข้างหน้า เงาร่างยังอยู่ ทว่าราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขาอย่างนั้น!
“ซู่เป่า!” มู่กุยฝานกัดฟันเดินไปข้างหน้า พบว่าตนเองไม่สามารถก้าวต่อไปได้แม้แต่นิ้วเดียว ซู่เป่าไม่ได้ยินเสียงของเขาจริงๆ
มู่กุยฝานจึงมองดูซู่เป่ายิ่งเดินห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอย่างนี้
เงาร่างน้อยๆ หายวับไปในหมอกหนาทั้งอย่างนี้
“ซู่เป่า…”
มู่กุยฝานกระซิบ หย่อนก้นล้มลงไปนั่งกองกับพื้น มองไปทางทิศที่ซู่เป่าหายไปอย่างตกตะลึง
สุดท้ายเขา...ก็แยกกับเจ้าเด็กดีแล้ว
นิ้วเรียวยาวของเขาเสยเข้าไปในผมดำขลับ มู่กุยฝานจับผม กดหว่างคิ้ว สุดท้ายก็ลุกยืนขึ้นมา
“เดี๋ยวพ่อมานะ ซู่เป่า”
มู่กุยฝานหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วลงมือวาดหนักๆ บนผนังหิน
“ครั้งนี้มาเป็นเพื่อนหนูได้แค่ตรงนี้ ครั้งหน้าพ่อจะพยายามเดินไปข้างหน้าเป็นเพื่อนหนูให้ไกลขึ้นอีกหนึ่งร้อยเมตรนะ”
มู่กุยฝานโยนหินทิ้งไป มองเข้าไปในร่องลึกทีหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว
เขาย้อนกลับมายังริมถนนที่จอดรถออฟโรดไว้ แล้วโทรหาซูอีเฉิน
“ซู่เป่าเข้าไปแล้ว”
ซูอีเฉินชะงัก
เร็วขนาดนี้เลยเหรอ...
ทีแรกยังคิดว่าวันนี้คงหาทางเข้าไม่เจอ ต่อให้หาทางเข้าเจอ ก็ไม่มีทางเข้าไปได้เร็วขนาดนั้น
ไม่นึกเลยว่าทั้งหมดจะราบรื่นจน...ทำให้คนกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ซูอีเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อืม รู้แล้ว”
มู่กุยฝานพูดขึ้นอีกว่า “พี่พาคุณแม่กับคุณพ่อกลับไปก่อนเถอะ ให้พวกเขาอยู่ที่อำเภอหงก็เรียบร้อยแล้ว”
เขาอยากจะพูดว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่สู้ให้นายท่านซูและนายหญิงซูกลับเมืองจิงเถอะ
แต่คิดๆ แล้วก็ช่างมันเถอะ ถ้านายหญิงซูตัดสินใจแล้วใครก็ฉุดไม่อยู่
“พวกพี่กลับไปก่อนเถอะ ผมจะรอซู่เป่าอยู่ที่นี่”
หลังจากวางสาย มู่กุยฝานก็โทรหาว่านเทา แจกแจงให้เขาส่งสิ่งของที่จำเป็นมาให้
มู่กุยฝานไม่คิดไปจากบ่อลวงวิญญาณ เขาจะเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าเด็กดีออกมา เขาจะได้รอรับเธอเป็นคนแรก...
ซู่เป่าเดินไปๆ ทันใดนั้นก็พบว่าพ่อหายไป
เธอรู้สึกว่าตัวเองยังจูงมือของพ่ออยู่ ผ่านไปสักพักกลับไม่ได้ยินพ่อพูด เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเขาหายไปแล้ว
“พ่อคะ” ในใจซู่เป่าเคร่งเครียด รีบหันกลับไปหา
ทว่ารอบข้างราวกับแบ่งแยกเขตแดน มาจากโลกมนุษย์มีทางเข้า แต่ออกไปจากโลกใต้พิภพก็ต้องหาทางออกเช่นกัน
“พ่อคะ เดี๋ยวเรากลับมานะคะ!” ซู่เป่าตะโกนพูดกับเงาร่างอันเลือนรางที่อยู่ด้านนอก
ทว่าสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นเงาร่างนั้นยิ่งไกลออกไป...
ราวกับกระจกบานหนึ่ง เธอเดินอยู่ด้านหน้า บางทีพ่อเองก็อาจจะเดินอยู่ด้านหน้าเช่นกัน แต่อยู่ในทิศทางสลับกัน ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
จนมองไม่เห็นอีกต่อไป...
ซู่เป่ายืนใจลอยอยู่ที่เดิมอยู่นานสองนาน จนกระทั่งเหยาหลิงเยว่ดึงเธอ แล้วพูดขึ้นว่า “ไปไหม”
เธอหยิบหินก้อนใหญ่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง เสียงอืมเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาตรงที่เดิม แล้วพูดขึ้นอีกว่า “เครื่องหมาย...ทางกลับมา!”
บางทีทางออกอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ต้องอยู่แถวนี้แน่ เหยาหลิงเยว่รู้สึกได้
ซู่เป่ากอดเหยาหลิงเยว่เอาไว้แน่น ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
ถ้าเธอมาเองเพียงลำพัง เธอจะต้องเสียใจมากๆ แน่
“ยังดีที่ยังมีป้าสะใภ้ใหญ่อยู่ด้วย...” ซู่เป่าพูดพึมพำ
เหยาหลิงเยว่คว้าตัวซู่เป่าขึ้นมา อุ้มด้วยมือเดียว แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัว...ป้าสะใภ้ใหญ่อยู่ทั้งคน!”
ซู่เป่ารู้สึกถึงความอบอุ่นบนตัวเธอ พยักหน้า “อืมๆ!”
คนเพิ่งตาย ยังไม่หมดหวัง ฉะนั้นจึงขึ้นไปได้ง่าย ความรู้สึกในตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน
ผีดื้อรั้นยกมือขึ้นมากำหมัด “อยู่ที่นี่ เหมือนพละกำลังแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยนะ”
ผีขี้ขลาดยื่นมือออกไปคว้าตัวซู่เป่ามากอด พลางพูดไปด้วยว่า “ซู่เป่าลงมาเอง กลัวจะแย่แล้วใช่ไหม ความรู้สึกโดดเดี่ยวเพียงลำพังต้องยากจะรับไหวแน่”
เมื่อเหยาหลิงเยว่หมุนตัวมา ก็กอดซู่เป่าไว้แน่น พลางจ้องผีขี้ขลาดเขม็ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ได้มาคนเดียว!”
เธอไม่ใช่คนเหรอ
โอ๊ะ หรือว่าเธอไม่นับว่าเป็นคน
สรุปก็คือไม่ให้ ซู่เป่าเป็นของเธอ ใครก็อย่าคิดมาอุ้มไป
ผีขี้ขลาดทำได้เพียงยอมแพ้ หันมาแล้วพูดขึ้นว่า “ตำราเล่มนั้นล่ะ เรามาศึกษากันเถอะว่าต้องหายังไง”
ซู่เป่าลงมาจากอ้อมแขนของเหยาหลิงเยว่ เมื่อเหล่าผีออกมาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก สงบจิตสงบใจเป็นอย่างมาก
เธอหยิบตำรา “ที่สุดแห่งวิถีผี” เล่มนั้นออกมา วางไว้บนพื้น นั่งยองๆ แล้วเปิดอ่าน
“เราต้องหาดอกชุบวิญญาณก่อน”
ผีขี้ขลาดตั้งใจอ่าน แล้วพูดขึ้นว่า “ดอกชุบวิญญาณอยู่ในที่ที่รวบรวมไอหยิน ที่ที่เป็นหุบเขาลึกลับ รอบๆ มีต้นหวยที่เหมือนกระดูกเหล็ก...”
ผีหลายใจสงสัย “ต้นหวย?”
ผีขี้ขลาดพยักหน้า “น่าจะไม่ต่างจากต้นหวยในโลกมนุษย์เท่าไร แต่ในเมื่อเขียนเป็นต้นหวย อย่างน้อยตอนกวาดตามองไปก็น่าจะเหมือนต้นหวย”
ผีดื้อรั้นว้าวเสียงหนึ่ง “ของสองสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ มีนกเก้าเศียรออกมาไหม...เหอะๆ นี่เป็นที่ที่เด็กควรไปเหรอ นกเก้าเศียรชอบกินเด็กโดยเฉพาะ!”
ซู่เป่าแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง “ใครกินใครก็ยังไม่แน่ กล้ากินหนู หนูก็จะ...”
ผีชุดแต่งงานพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “เจ้าคงจะไม่กินมันหรอกใช่หรือไม่...”
ไม่นะ นกเก้าเศียรดูน่าขยะแขยงจะตายไป ไม่อร่อยเลยสักนิด!
ทว่าซู่เป่ากลับพูดขึ้นว่า “หนูจะหลบมัน แล้วป้อนเหล่าผีไปแทน!”
การแสดงออกของเหล่าผี “...”
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ตูซื่อหวังที่ ‘ทำงาน’ อยู่ในนรกก็ลุกขึ้นยืน แล้วหัวเราะฮ่าๆ เสียงหนึ่ง
“มีคนละเมิดกฎ บุกเข้ามายังยมโลก ข้าจะไปลาดตระเวนสักหน่อย!”
ในที่สุดนังเด็กนั่นก็มาแล้ว
เยี่ยม เยี่ยมมาก!
กล้าเหยียมเข้ามาในยมโลกจริงๆ วันนี้จะเป็นวันตายของเธอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...