ซูเหอเวิ่นไม่ได้สนใจเรื่องเล็กเรื่องน้อยของพวกเครือข่ายผู้ปกครอง
ไม่ว่าอย่างไรคุณย่าก็รับมือได้
เขาเพียงแค่กังวลว่าเมื่อไรจะไปจับจอมประจบสอพลอ
ช่วงพักกลางวันพวกเด็ก ๆ ก็กลับมา ซูเหอเวิ่นถาม “น้องสาว พวกเราจะไปจับผีร้ายกันตอนไหน”
ซู่เป่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนทำการบ้านเสร็จ”
ซูเหอเวิ่น “…”
เธอมีการบ้านที่ไหนกัน ปกติก็ทำเสร็จตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว
ซู่เป่าพูดต่อ “ไม่ใช่การบ้านของโลกมนุษย์”
ซูเหอเวิ่นสนใจขึ้นมาทันที “การบ้านอะไรเหรอ พี่อยากเรียนด้วย!”
ซู่เป่าตะคอก “พี่ชาย พี่เรียนไม่ได้”
ซูเหอเวิ่นไม่ยอม มีอะไรในโลกนี้ที่เขาเรียนรู้ไม่ได้ด้วยเหรอ
ถึงเขาจะไม่ชอบสายศิลป์ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเรียนไม่ได้เลย วิชาภาษาจีนเขาทำข้อสอบลวก ๆ คะแนนเต็ม 120 เขาทำได้ตั้ง 110 เจ๋งป่ะล่ะ!
“เธอว่ามา! การบ้านอะไร” ซูเหอเวิ่นยังคงคาใจ
ซู่เป่าตอบ “นี่เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งของยมโลก ก่อนอื่นเราต้องดึงพลังหยินในวังพญายม”
“พลังหยินมีแหล่งกำเนิดมาจากหมอกลึกลับที่อยู่ใต้หุบเหวผีร้อง ในหมอกลึกลับนั้นมีไอหยิน มีกิเลสของผีอาฆาต และอีกหลากหลายสิ่งปะปนกันอยู่ เราข้ามขั้นตอนนี้ไป เพราะว่าวังพญายมกลั่นบริสุทธิ์ให้แล้ว!”
(วังพญายม ‘รีบชมข้าสิ!’)
ซูเหอเวิ่นสับสน เอ๊ะ ที่แท้ยมโลกก็มีเคมีเหมือนกันเหรอเนี่ย และก็มีการกลั่นบริสุทธิ์เหมือนกันด้วย
เขาก็ถามต่อทันที “กลั่นอย่างไรล่ะ...”
ซู่เป่า “อืม ก่อนอื่นก็กลืนหมอกลึกลับและไอหยินทั้งหมดเข้าไปในท้อง จากนั้นก็ปล่อยก๊าซเสียที่ไร้ประโยชน์ออกมาคล้าย ๆ กับผายลม แล้วก็จะได้พลังหยินบริสุทธิ์!”
ซูเหอเวิ่น “...”
ซูเหอเหวิน ซูจื่อซี และมู่กุยฝาน “...”
ใบหน้าเท่ ๆ ซูเหอเหวินแอบจำมันไว้ในใจ ก่อนจะพูดว่า “ต่อสิ”
ซู่เป่า “ห๊ะ” ยังจะต่ออีกเหรอ
พวกเขาฟังเข้าใจไหมเนี่ย ถ้าฟังเข้าใจแล้วจะฝึกได้เหรอ
เอิ่ม...
“พลังหยินคือสิ่งที่จะสามารถช่วยให้โลกใต้พิภพของเรายกระดับขึ้นได้ อันดับแรกดูดพลังหยินไปไว้ในร่างกาย แล้วก็ให้มันไหลเวียนไปตามชีพจรและภายในร่างกายหนึ่งรอบ จากนั้นพลังทั้งหมดก็จะไหลเวียนกลับไปอยู่ในท้อง!”
“เมื่อท้องอิ่ม ก็ถึงเวลายกระดับ!”
ซู่เป่าลูบหน้าท้องอย่างมีความสุข “พูดจบแล้ว!”
ซูเหอเวิ่นเงียบ
ซูเหอเหวินเงียบ
มู่กุยฝานเงียบ
ซูจื่อซี :...
ก็ฟังเข้าใจทุกคำนะ แต่พอฟังรวม ๆ แล้วไม่เข้าใจอะไรเลย
ซูเหอเวิ่นเข้าใจแล้ว ต้องเป็นเพราะว่าเขายังจับผีได้ไม่มากพอแน่ ๆ!
ก่อนหน้านี้น้องสาวก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น พอจับผีได้เยอะขึ้น ถึงจะค่อย ๆ เก่งขึ้น!
ในฐานะที่เป็นคนคนเดียวในตระกูลซูที่สามารถมองเห็นผีได้ด้วยตาเปล่า เขาจะต้องเกิดให้ได้! (คนอื่นที่เห็นบ้างเป็นบางทีไม่นับ! คนเราอยู่ใกล้ชิดกับผีจะไม่เห็นผีได้ยังไง...ส่วนอาเขยใส่สร้อยข้อมือเชือกดำจึงสามารถเห็นได้นั่นก็ไม่นับ)
“น้องสาว เดี๋ยวพอเธอทำการบ้านของยมโลกเสร็จแล้ว พาพี่ไปจับผีกันเถอะนะ!” ซูเหอเวิ่นมองซู่เป่าตาปริบ ๆ พร้อมกับเขย่ามือน้องสาว
ซูเหอเหวินเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “เป็นพี่ชายแต่ทำท่าทางอ้อนน้องสาว น่าไม่อาย”
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ ๆ ไม่ต้องช่วยหนูสะพายกระเป๋า! หนูสะพายเองได้!”
กระเป๋านักเรียนเต็มไปด้วยหนังสือที่ใช้เรียน แต่หนังสือเหล่านี้ไม่ได้ลำบากอะไรสำหรับเธอเลย!
ถ้าเอาเข้าจริงล่ะก็ สองมือซ้ายขวาของเธอยังแบกกระเป๋าได้ข้างละใบ สะพายหลังอีกหนึ่งใบ แบกของพวกเขาทั้งหมดไปโรงเรียนยังได้เลย
ซูเหอเวิ่นรู้สึกเศร้า เมื่อนึกถึงจิ่งจั้นที่ไม่เพียงแต่ถือกระเป๋านักเรียนให้จิ่งซิ่ว แต่ยังอุ้มจิ่งซิ่วไว้ในอ้อมแขนด้วย
รู้สึกว่าตัวเองนั้นแพ้อยู่เสมอ
พวกเด็ก ๆ ไม่มีอะไรให้กังวล เข้าเรียนอย่างมีความสุข
ณ ประตูทางเข้าโรงเรียน แม่ของเหลียงเจิ้นอ้าวรออยู่ด้านนอกประตูอย่างร้อนอกร้อนใจ
นอกจากเธอแล้ว ยังมีผู้ปกครองที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอีกสองสามคน...
เหลียงเจิ้นอ้าวพูดด้วยความโกรธ “เป็นความผิดของผมอีกแล้วเหรอ เอะอะก็จะให้ผมขอโทษ ทำไมแม่ไม่หัดเหมือนผู้ปกครองของซูจื่อซู่บ้างล่ะ”
“หน้าผมเลือดไหลเต็มไปหมด แม่ไม่สนใจผมด้วยซ้ำ แม่ไม่ใช่แม่ของผม!”
เด็กน้อยคว้ากระเป๋าด้วยความโกรธแล้ววิ่งเข้าไปในโรงเรียน
เรื่องก็คือ เมื่อสักครู่ตอนที่แม่เหลียงเจิ้นอ้าวมาส่งเหลียงเจิ้นอ้าวที่โรงเรียน เหลียงเจิ้นอ้าวก็ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมชั้น ทั้งสองชกต่อยกัน เหลียงเจิ้นอ้าวไปเรียกคนอื่นว่าหมูดำอ้วนบ้าง หมูดินบ้าง
หยาบคายมาก ทั้งเด็กและผู้ปกครองฝ่ายตรงข้ามก็เลยไม่พอใจ
เด็กที่ถูกเรียกว่าหมูดำอ้วนโกรธมากจนจับเหลียงเจิ้นอ้าวทุ่มลงกับพื้น นั่งทับแล้วก็ทุบตีจนร้องโอดโอย มุมปากมีเลือดออก ส่วนใบหน้าก็ถลอกเป็นหย่อม ๆ
ครูชิวก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคอยมาออกหน้าพูดว่า ‘ก็อีแค่ตั้งฉายาเฉย ๆ ทำร้ายคนอื่นมันไม่ถูก’
ผู้ปกครองของเหลียงเจิ้นอ้าวยังคงโมโหไม่หาย เธอก็ขอโทษไปแล้ว แถมยังบังคับให้เหลียงเจิ้นอ้าวขอโทษเพื่อนร่วมชั้นของเขาอีก แต่ผู้ปกครองอีกฝ่ายกลับยังโกรธอยู่อีก
มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ...คำพูดของเด็ก ๆ นั้นไร้เดียงสา เด็กคิดเล็กคิดน้อยน่ะไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นผู้ใหญ่แล้วยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยอีก
พวกซูเหอเวิ่นหยุดอยู่ไม่ไกลมากนัก จ้องมองผีประจบสอพลอที่อยู่บนหัวแม่ของเหลียงเจิ้นอ้าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...