ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 916

จี้ฉางมองสุสานตรงหน้าพลางพูดเสียงเบาว่า “ตายอย่างไรน่ะหรือ...”

เขาแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างผิดหวังว่า “ขุนนางกบฏ ประหารทั้งชั่วโคตร”

ซู่เป่าตกตะลึง

“ไม่ ท่านอาจารย์จะเป็นขุนนางกบฏได้ยังคะ” ซู่เป่าส่ายหน้าอย่างแรง “ตีให้ตายหนูก็ไม่เชื่อ”

“ถึงแม้ลุงเจ็ดจะเป็นขุนนางกบฏ แต่ท่านอาจารย์จะเป็นขุนนางกบฏได้ยังไง”

(ลุงเจ็ด “?”)

จี้ฉางพ่นเสียงหัวเราะออกมาพลางลูบหัวของซู่เป่า

“ขอบใจที่เจ้าเชื่อใจข้า” เขาพูด

ซู่เป่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

จี้ฉางถึงหัวเราะออกมาจริงๆ และความกลัดกลุ้มในใจก็ค่อยๆ หายไป

“ข้าตายมาสามพันปีแล้ว” จี้ฉางจูงมือซู่เป่าพลางมองภูเขาเขียวขจีอันไกลโพ้นท่ามกลางอากาศอันปลอดโปร่ง

“ข้าเกิดในยุคราชวงศ์เมื่อสามพันกว่าปีก่อน เป็นราชวงศ์สกุลจี และเป็นราชวงศ์ที่สืบทอดระบบศักดินาราชวงศ์แรก”

ซู่เป่าร้องว้าวออกมา “ท่านอาจารย์ตายมาสามพันปีแล้ว เก่งจังเลย”

จี้ฉาง “...ฮืม?”

ทำไมฟังดูชอบกล

เขาเล่าต่อว่า “ราชวงศ์นั้นดำรงอยู่นานกว่าเจ็ดร้อยปี ประเทศหลงในปัจจุบันได้รับการสถาปนาได้เพียงหนึ่งร้อยกว่าปีเท่านั้น”

นี่แสดงให้เห็นว่าราชวงศ์นั้นมีความยิ่งใหญ่

ยามใต้หล้าระส่ำระสาย วีรบุรุษผุดขึ้นไม่ขาดสาย เจ้าครองแคว้นแบ่งแยกดินแดน

ซู่เป่านั่งลงบนบันได แล้วถามว่า “ท่านอาจารย์เป็นบุคคลสำคัญเหรอคะ”

จี้ฉางหัวเราะ “นับว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง การที่สามัญชนสามารถพลิกผันตนขึ้นมาเป็นไท่จ่ายของราชวงศ์ก็นับว่าหาได้ยากยิ่ง”

สมัยนั้นไม่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้สามัญชนก็มีหนทางสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน

ในอดีตการลำดับชนชั้นนั้นเข้มงวดมาก แทบจะกำหนดคนๆ หนึ่งให้อยู่ในชนชั้นใดตลอดชีวิตตั้งแต่เกิด

ราชวงศ์หนึ่งคนที่มีอำนาจสูงสุดก็คือจักรพรรดิ ที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายและขวาของจักรพรรดิคือไท่ซือ ไท่ฟู่ และไท่เป่า เรียกรวมกันว่าซานกง

ตำแหน่งรองจากซานกงมีขุนนางสามตำแหน่ง (ขุนนางฝ่ายการเมือง ขุนนางฝ่ายพลเรือนและขุนนางฝ่ายท้องถิ่น) สี่ฝ่าย (เจ้าเมืองและเมือง ชนเผ่า) และสำนักขุนนาง

ขุนนางของราชวงศ์ ได้แก่ ไท่จ่ายรับผิดชอบดูแลราชการแผ่นดินโดยรวม ไท่จงรับผิดชอบงานเกี่ยวกับพิธีเซ่นไหว้บูชา ไท่สื่อรับผิดชอบงานเกี่ยวกับปฏิทินและบันทึกเหตุการณ์ ไท่จู้รับผิดชอบงานเกี่ยวกับพิธีอธิษฐานหรือขอพร ไท่ซื่อรับผิดชอบงานพิธีกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้า ไท่ปัวรับผิดชอบงานเกี่ยวกับการทำนาย เรียกรวมกันว่าเสนาบดีทั้งหก (ปล. ระบบนี้อิงมาจากประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

“หัวหน้าของเสนาบดีทั้งหกคือไท่จ่าย ข้าก็คือไท่จ่าย”

ซู่เป่า “ว้าว...”

ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่รู้สึกว่าเก่งมาก

“ท่านอาจารย์เป็นคนดูแลพิธีเซ่นไหว้ พิธีอธิฐานและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดใช่ไหมคะ”

จี้ฉางลดสายตาลงมองเธอ เมื่อเห็นเธอดูไม่เข้าใจอะไรเลยจึงลูบคาง แล้วพูดว่า “เจ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ได้”

ซู่เป่า “ค่ะ งั้นหนูรู้แล้ว นอกจากจักรพรรดิแล้ว ท่านอาจารย์ก็คือคนที่เก่งมากที่สุดค่ะ”

จี้ฉางหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพยักหน้า “เจ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ได้”

“นั่นคือใต้เท้าจี้หรือ” มีหญิงสาวนางหนึ่งหลบอยู่ในหอ นางปิดหน้าด้วยพัดและมีดวงตาเป็นประกายแวววาว

“ใต้เท้าจี้อายุยังน้อยและยังเป็นบุรุษผู้มีความสามารถที่สุดใต้หล้านี้”

“เดิมทีข้าคิดว่าผู้ที่จะนั่งในตำแหน่งไท่จ่ายนี้ได้จะต้องเป็นชายแก่หนวดขาวเสียอีก แต่คิดไม่ถึงว่า...”

หญิงสาวหลายคนมองชายชุดขาวขี่ม้าสีดำที่จากไปตั้งนานแล้วด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

หากได้ตบแต่งกับชายเช่นนี้ จะต้องเป็นหญิงที่มีความสุขที่สุดใต้หล้านี้เป็นแน่

“ใช่แล้ว หลัวอี เจ้ากับใต้เท้าจี้ได้หมั้นหมายกันแล้วใช่หรือไม่” เหล่าหญิงสาวหันหน้าไปมองหญิงสาวชุดเหลืองที่ไม่พูดไม่จาด้วยสายอิจฉาริษยา

หลัวอีก้มหน้า แต่สีหน้าดูไม่สบายใจนัก แล้วพูดว่า “อืม...”

--------------------------------------

“ฝ่าบาท” จี้ฉางเดินผ่านทางเดินของพระตำหนักที่ยาวเหยียด แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าราชบัลลังก์ด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม

จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนราชบัลลังก์พยักหน้า “จี้อ้ายชิง ที่ข้าให้เจ้าเดินทางกลับมาไกลแปดร้อยลี้อย่างเร่งด่วนถึงเพียงนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากให้เจ้าไปทำด้วยตัวเอง”

--------------------------------------

หลังจากที่จี้ฉางออกมาจากพระราชวังก็รู้สึกประหลาดใจมาก

การปราบปรามทหารกบฏไม่ควรให้เขาไปบัญชาการเอง เขาเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน เรื่องของกรมกลาโหมไม่ควรอยู่ในความรับผิดชอบของเขา

ทว่าหากต้องการตัดสินคดีและรวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของแม่ทัพผู้นั้น เรื่องนี้ก็ต้องการความช่วยเหลือจากขุนนางฝ่ายพลเรือนเช่นกัน...

“จี้ฉาง” ด้านหลังเขามีชายชราคนหนึ่งเรียกเขาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน