ด้านนอกหน้าประตูบ้านของตระกูลเซียว มีหญิงร่างเพรียวบางยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังจุดธูปไหว้บูชาเทพเจ้ากันอยู่
นางสวมผ้าคลุมหน้า และสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่ดูสง่างามมาก ประตูบ้านของตระกูลเซียวถูกปิดอย่างแน่นหนา นางจึงได้สอดแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งผ่านช่องประตู
คนที่มานั้นคือองค์หญิงต้าถง นางและสาวใช้มาที่นี่เพื่อบอกแม่เซียวเกี่ยวกับเรื่องของซือซือ
บุคคลสำคัญและลูกหลานของตระกูลขุนนางต่างรู้ว่าเซียวเฉวียนได้รับการคัดเลือกจากซือซือ ไม่มีใครเข้าใจเซียวเฉวียน แต่องค์หญิงต้าถงกลับเป็นคนที่เข้าใจเซียวเฉวียนเป็นอย่างดี แล้วเซียวเฉวียนจะถูกคัดเลือกได้ง่ายๆได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น องค์หญิงต้าถงยังได้ยินว่าเป็นเพราะเซียวเฉวียนไม่กลับเข้าวัง ซือซือนั้นโกรธมาก เพราะถือว่าเซียวเฉวียนดูหมิ่นเขาอย่างมาก!
ซือซือผู้สูงส่ง จะถูกมองข้ามได้อย่างไร?
เกิดเรื่องใหญ่มักจะมีลางบอกเหตุก่อนเสมอ องค์หญิงต้าถงไม่มีปฏิกิริยาใดๆเมื่อได้เห็นเซียวเฉวียน หรือว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองได้สร้างปัญหาอะไรไว้?
เซียวเฉวียนไม่รู้ว่าซือซือนั้นร้ายกาจแค่ไหน แต่แม่เซียวนั้นรู้ดี องค์หญิงต้าถงเป็นวิตกกังวลจนต้องมาแจ้งให้แม่เซียวทราบ
“ท่านแม่ มีคนยัดกระดาษโน้ตไว้ที่ประตู!”
เซียวจิงที่กำลังเล่นอยู่ประตูหน้าบ้าน ได้เห็นกระดาษแผ่นนั้น
แม่เซียวรู้หนังสือและเมื่อเธอเปิดออก ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวทันที
เธอรีบนั่งลงและถามลูกสาวของเธอว่า “จิงเออร์ ลูกยังจำได้ไหมว่าคนที่ให้ตั๋วเงิน 60,000 ตำลึงในวันนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร”
วันนั้นเมื่อเซียวจิงกำลังขายบทกวีอยู่ แม่เซียวกำลังง่วนอยู่ในครัวหลังบ้าน เธอเห็นเพียงลูกสาวเดินถือตั๋วเงินเข้ามาอย่างมีความสุข แต่เมื่อเธอเดินออกไป คนขายบทกวีก็จากไปแล้ว
“เป็นชายชรา”
“แต่ผมเป็นสีขาวครึ่งหนึ่งและมีไฝสีแดงที่มุมตาขวา?”
“ท่านแม่รู้ได้ยังไง?”
แม่เซียวถึงกับขาอ่อน เป็นเขาจริงๆ!
“เจ้าลูกคนนี้! ทำไมเจ้าไม่บอกให้มันชัดเจนเสียแต่แรก?”
แม่เซียวหายใจไม่ทั่วท้อง น้ำเสียงของเธอเคร่งขรึมขึ้น พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความกังวล จนทำให้เซียวจิงกลัวจนทำท่าจะร้องไห้
เธอลูบหัวลูกสาวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “แม่ใจร้อนไปหน่อย แม่ไม่ควรพูดกับลูกแบบนี้ ลูกเป็นเด็กดีอยู่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวแม่ออกไปนอกสักครู่”
หลังจากที่แม่เซียวพูดจบ เธอก็รีบออกจากประตูไป
เจ้าหญิงต้าถงซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในความมืดก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้เห็นแม่เซียวออกไปเพื่อตามหาคนมาช่วยอย่างแน่นอน
“องค์หญิง เหตุใดพระองค์จึงสนใจฮุ่ยหยวนคนนี้มากขนาดนี้? ชายหนุ่มรูปงามและมากความสามารถในต้าเว่ยนั้นมีมากมาย ตระกูลของเซียวเฉวียนนั้นยากจน ไหนจะเรื่องแต่งงานแล้วอีก...”
องค์หญิงต้าถงหน้าแดงและพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ข้าคิดว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง ข้าแค่ไม่อยากให้เขาหลงกลอยู่ในเงื้อมมือของซือซือ! แล้วเรื่องที่เขาเคยแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งมันเกี่ยวอะไรกัน?”
“มีลูกหลานของตระกูลขุนนางจำนวนมากที่กำลังรอพระองค์อยู่ที่หอจืออี้ แต่ท่านกลับมาที่นี่อย่างลับๆ ด้วยเพราะความเป็นห่วงเป็นใยฮุ่ยหยวนคนนี้เพียงคนเดียว”
สาวใช้นั้นมาจากเขตตะวันตก ผู้หญิงจากเขตตะวันตกพูดอย่างไม่ได้ระมัดระวังตัวเหมือนกับผู้หญิงของต้าเว่ย พวกเธอจะพูดคุยกับเจ้านายอย่างตรงไปตรงมา
องค์หญิงต้าถงไม่สนใจ เพียงแต่ส่ายหน้าไปทางสาวใช้ และบอกนางให้พูดเบาๆ เพราะเกรงว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง คนอื่นอาจจะได้ยินเอาได้
“องค์หญิง ตระกูลเซียวนั้นกำลังตกอับนะเพคะ”สาวใช้กังวลเล็กน้อย “ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเฉวียนและตระกูลฉินนั้นก็แย่มาก ซือซือกำลังโกรธอยู่ เขาตั้งใจจะรับเซียวเฉวียนไว้ แต่เซียวเฉวียนเอาเงินไปแล้วแต่กลับไม่สนใจเรื่องคัดเลือก ตระกูลฉินจะยินดียอมทำให้ซือซือไม่พอใจเพื่อไปช่วยเขาเหรอเพคะ?”
“ข้าหวังว่าพวกเขาจะยินดีช่วยนะ” องค์หญิงต้าถง กระวนกระวายโดยที่นางไม่รู้ตัว...
แม้ว่าตระกูลฉินจะไม่เต็มใจ แต่ตระกูลเซียวก็ยังคงน่าจะมีสหายเก่าที่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเซียวเฉวียนได้ ซือซือก็น่าจะเห็นแก่หน้าเขาอยู่บ้าง คงไม่ทำอะไรแบบไร้เหตุผลจนเกินไป
ขอเพียงแค่รักษาชีวิตไว้ให้ถึงการทดสอบระดับพระราชวังรอบสุดท้ายให้ได้ก็พอแล้ว!
ถ้าผ่านการทดสอบระดับพระราชวังได้แล้ว เขาก็จะได้เป็นผู้ทรงความรู้ แม้จะไม่ได้ตำแหน่งจอหงวน แต่ก็สามารถเข้าราชสำนักในฐานะของขุนนางได้ ขุนนางเป็นคนของจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นบุตรของครอบครัวหรือญาติของจักรพรรดิก็คงไม่กล้าสร้างความยากลําบากให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซือซือนั้นก็ยากเกินกว่าจะรับมือได้
ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตระกูลเซียวจะมีสหายเก่าที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้หรือไม่ และสหายเก่าเหล่านั้นเต็มใจที่จะเสี่ยงทําให้ซือซือขุ่นเคืองหรือไม่
ขุนนางโจวไม่มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ อำนาจและความรับผิดชอบทุกอย่างขึ้นอยู่กับอัครเสนาบดี แต่เรื่องที่เกิดวันนี้เขากลับไม่กล้าบอกอัครเสนาบดี
เซียวเฉวียนเป็นลูกเขยของตระกูลฉิน และได้รับการคัดเลือกโดยซือซือ ขุนนางโจวถือว่าได้ชื่อว่าเป็นทาสที่เชื่องคนหนึ่ง เพียงเพื่อความมั่นคงในหน้าที่ เขาก็ไม่อยากถูกตระกูลฉินกล่าวโทษ และก็ไม่อยากถูกซือซือกล่าวโทษ
“นายท่าน เหวอันหยวนกลายเป็นเช่นนี้ ข้ารับไม่ได้!” ผู้ใต้บังคับบัญชากระทืบเท้าของเขาและพูดด้วยความกังวล
“รับไม่ได้ก็ต้องรับ! มันเป็นแค่สถานที่รวมตัวของทาสคุนหลุน มีอะไรที่ต้องไปสนใจ? ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์นั้นซับซ้อน รักษาชีวิตไว้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!” ขุนนางโจวกระทืบเท้า ตระกูลฉินจะไปเก่งกาจอะไร?
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอัครเสนาบดี เขาก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินแม่ทัพฉินได้!
อีกทั้งยังมีเรื่องของซือซืออีก?
“นายท่าน ไฟไม่สามารถดับด้วยกระดาษได้ เซียวเฉวียนได้ฆ่าพลทหาร อัครเสนาบดีได้ทีคำสั่งลงมา...”
“ถ้าฆ่าเซียวเฉวียนทิ้ง ซือซือก็จะกล่าวโทษข้า! เจ้าก็รู้นิสัยของท่านอ๋องดี!”
เมื่อคนในจวนว่าการชั้นในกำลังวุ่นวายกันอยู่ ก็มีคำสั่งลงมา
เรือนหวงได้ออกคำสั่งลงมาว่าผู้ใดที่ระรานเหวอันยวน ผู้นั้นต้องถูกประหารชีวิตทันที
ขุนนางโจวตกใจถึงกับเข่าอ่อน หรือว่าเรือนหวงจะส่งคนมาสอดแนมในจวนว่าการชั้นใน? พวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าว แต่เรือนหวงกลับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะรายงานอีก?
ขุนนางโจวรีบปิดปากทันที บางทีเรือนหวงอาจรู้ทุกสิ่งทุกที่เขาพูดไปในเมื่อครู่นี้แล้วก็ได้
“ฆ่าก็ฆ่า!” ขุนนางโจวกระทืบเท้าของเขา และพูดอย่างกระวนกระวายกับลูกน้องว่า “เจ้าไปจัดการ! ข้าจะมอบตราสัญลักษณ์แก่เจ้าและนำกองกำลังไป!”
“เอ๊ะ?” ทหารผู้นั้นดูสับสน นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ขุนนางโจวจะไม่ลงมือเอง เจ้านายไม่ลงมือทำแต่กลับสั่งให้ลูกน้องไปแทน ถ้าไม่ใช่เพื่อเป็นผู้บงการอยู่ข้างหลังแล้วจะเพื่ออะไร?
“เอ๊ะ อะไร? เจ้าไปที่เหวอันยวน ก็ต้องระวังตัวให้ดี!”
ขุนนางโจวหันกลับมาและโกรธผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนมากจนลากเขาไป เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ได้ยินเขาและคนอื่นจะได้ยินเขา “รีบปลอมตัวไปแจ้งกับตระกูลฉิน บอกว่าเซียวเฉวียนจะนำภัยพิบัติใหญ่มาให้! แล้วบอกว่ามันร้ายแรงแค่ไหน! จำไว้! อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าเป็นคนของจวนว่าการชั้นใน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...