ระหว่างทางไปสนามสอบที่พระราชวัง เงียบสงบอย่างผิดปกติตลอดทาง เซียวเฉวียนอารมณ์สดชื่น เขาไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉินประทับตราในจดหมายหย่าเลยสักนิด
เซียวเฉวียนยอมรับว่าตัวเองเป็นโสดแล้ว ขอแค่ตัวเองยอมรับ ตัวเองก็เป็นโสดอย่างมีความสุข! ช่างหัวมันกับไอ้ตระกูลฉิน!
กลับไปใช้ชีวิตของคนเป็นโสดนี้ ตัวเบาจริงๆ!
เซียวเฉวียนขี่ม้าเหงื่อโลหิตของเขาอย่างสบายใจเฉิบ ยืดหลังตรงดิ่ง ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายอย่างที่คิด
โอรสแห่งสวรรค์แค่กระทืบเท้าทีเดียว เมืองหลวงก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ออกมาวันนี้ เห็นผู้รู้หนังสือหลายคนมาพร้อมกับผู้อารักขาอยู่ข้างกาย
ผู้อารักขาหน้าใหม่ล้วนรู้จักชื่อของเซียวเฉวียน เมื่อพวกพบเซียวเฉวียน เจ้านายของพวกเขามองเซียวเฉวียนอย่างเย็นตา แต่ผู้อารักขากลับมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจและสุภาพ
ความซาบซึ้งที่ปราศจากคำพูดนี้ เซียวเฉวียนมองดูเข้าใจ
แต่ศึกที่อ้านย้วนนั้นเป็นความลับ เซียวเฉวียนไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาแค่มองผ่านพวกเขาไปเฉยๆ
แต่ก่อน ทุกคนเยาะเย้ยเซียวเฉวียนไปคลุกคลีกับไพร่คุนหลุนผู้ต่ำต้อย แต่ตอนนี้ผู้รู้หนังสือทุกคน กุลีกุจอไปหาไพร่คุนหลุนมาเป็นผู้อารักขา พวกเขาไม่อาจมาด่าว่าเซียวเฉวียนเป็นคนต่ำต้อยได้อีกต่อไป พวกเขาจำต้องหุบปากของตัวเอง!
พวกผู้รู้หนังสือมีการแสดงออกเหมือนกินอึแล้วไม่กล้าคายออกนี้ เซียวเฉวียนรู้สึกสงสารจริงๆ
ฮ่า ๆ ๆ ๆ!
เซียวเฉวียนขี่ม้าไปตามถนนอันพลุกพล่านของเมืองหลวง หัวเราะในใจอย่างเต็มที่!
การสอบระดับพระราชวังของราชวงศ์ต้าเว่ยจัดขึ้นที่ตำหนักเหวินชางในพระราชวัง
ประการนี้คล้ายกับของจีนหวาเซี่ย
การสอบระดับพระราชวังของราชวงศ์ชิงในหวาเซี่ยจัดขึ้นที่ตำหนักไท่เหอ
มีที่ต่างกันคือ การสอบระดับพระราชวังของหวาเซี่ยมักจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ส่วนต้าเว่ยมีกำหนดสอบขุนนางปีละครั้ง การสอบระดับพระราชวังจะกำหนดในเดือนธันวาคม
เซียวเฉวียนวันนี้เริ่มต้นจากการให้ตรวจสอบ ขึ้นรถม้าที่ใช้เฉพาะในการรับผู้สอบไปที่ตำหนักเหวินชาง กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก
เอิ่ม?
มันไม่เหมือนกับที่เซียวเฉวียนจินตนาการไว้เลย
พวกที่ไม่อยากให้เขาสอบได้จ้วงหยวน ควรจะถือมีดแย่งกันขึ้นมาเพื่อเฉือนหัวของเขาถึงจะถูก
แต่วันนี้ดูไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเป็นวันปกติ
เซียวเฉวียนเข้าใจ นี่อาจเป็นความสงบก่อนเกิดพายุลมฝนที่ร้ายแรง
เมื่อมาถึงตำหนักเหวินชาง ผู้สมัครสอบในวังต่างก็ตื่นเต้นมาก เมื่อสอบผ่านแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก
เมื่อเซียวเฉวียนมาถึง พวกเขาก็ทำความเคารพเซียวเฉวียน นับตั้งแต่เซียวเฉวียนเลี้ยงพวกเขาไปทานอาหารในตึกหมิงเยว่มา พวกเขามองเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่สุภาพมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่เฉยเมยและดูหมิ่นดูแคลนเหมือนเมื่อก่อน
พวกเขาเคารพนับถือที่เซียวเฉวียนใจกว้างยอมทุ่มเงิน
พวกคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายต่างเยาะเย้ยเซียวเฉวียนว่าเป็นเต่าดิน แต่ก็ต้องมีเงินทุนถึงเป็นเต่าดินได้
พอได้กินข้าวของคนอื่นแล้ว ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ดูเกรงใจขึ้นภายนอก เซียวเฉวียนก็พอใจ
แต่ว่าครั้งนี้ ผู้สมัครที่แต่งงานแล้วจะมารวมเป็นกลุ่มหนึ่ง ผู้ที่ยังไม่ได้แต่งงานก็จะรวมตัวกันเป็นคนละกลุ่ม
เซียวเฉวียนหูตาไวฟังแล้ว ปรากฏว่าข่าวขององค์หญิงเลือกราชบุตรเขยนั้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว
พวกที่แต่งงานแล้วทุบตีหน้าอกและกระทืบเท้าตัวเอง ส่วนพวกที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ดูภาคภูมิใจ รอให้สอบขึ้นชื่อบนป้ายประกาศ ก็จะมีสิทธิ์แต่งงานกับองค์หญิง
ให้ตายเถอะ องค์หญิงตัวเล็กๆ พวกเขายังไม่ละเว้นเหรอ?
เซียวเฉวียนส่ายหัว รสนิยมของคนโบราณค่อนข้างหนักเอาการ เซียวเฉวียนไม่เหมือนกัน เขาชอบผู้หญิงที่มีเสน่ห์ รอยยิ้มสามารถทำให้คนหลงไหลได้ยาวนาน
หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ก็เหมือนกับเหล้าที่เขาหมัก ทั้งเผ็ด ทั้งแรงจนขึ้นหัวสมอง
เว่ยชิงซึ่งไม่ได้เจอกันหลายวัน เห็นเซียวเฉวียนก็รีบเข้ามา “พี่เซียว ทำไมหน้าพี่ถึงเจ็บล่ะ?”
รอยทั้งห้านี้ดูเหมือนจะถูกใครบางคนตบอย่างรุนแรง
”เจอสุนัขตัวหนึ่งบนถนนมาแย่งของกิน” เซียวเฉวียนตอบอย่างเมินเฉยให้พ้นๆ ไป
สุนัขเทวดาที่ไหนตบหน้าคนเป็นด้วย? เว่ยชิงไม่กล้าถามรายละเอียด ชี้ออกไปว่า "พวกเขาบอกว่าผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะแต่งงานกับองค์หญิงมากที่สุดคือเขานั่น"
หยางจ๊าวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหมูอ้วน หยางจูโน้น
ในเครือญาติตระกูลหยาง พอหยางจูลูกชายคนโปรดเสียชีวิตไป เพื่อชดเชยให้ตระกูลหยาง ฝ่ายเว่ยเจียนกั๋วจึงวางแผนที่จะผลักดันให้หยางจ๊าวได้เป็นจ้วงหยวนและแต่งงานกับองค์หญิง
”เหรอ” เซียวเฉวียนไม่สนใจ และย้อนถาม “ฉันจัดงานเลี้ยงที่ตึกหมิงเยว่ ทำไมคุณไม่มาล่ะ?”
เซียวเฉวียนก่อเรื่องมากมายและคนในตระกูลเขาเบื่อหน่ายมาก เว่ยชิงเกาหัวด้วยความลำบากใจและหาข้อแก้ตัว "ทางบ้านเข้มงวด ต้องการให้ฉันเตรียมตัวในการสอบระดับวัง และไม่อนุญาตให้เขาออกนอกบ้าน!”
การสอบระดับพระราชวังเป็นการสอบทฤษฎีนโยบาย ทฤษฎีนโยบายหมายถึงวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาการเมืองปัจจุบัน เป็นบทความที่เสนอคำแนะนำแก่ราชสำนักในสมัยโบราณ
หัวข้อปีนี้ถามถึงการปกครองของจักรพรรดิและหัวใจของจักรพรรดิ
เซียวเฉวียนปล่อยเสียง "พู" และเกือบจะหัวเราะออกมา!
หัวข้อนี้ เขาเคยเห็นมาก่อน!
ไม่เพียงแต่เคยเห็น ที่พิพิธภัณฑ์ยังมีกระดาษตอบข้อสอบของจ้วงหยวนเก็บรักษาไว้อีกด้วย!
ในราชวงศ์หมิงของหวาเซี่ย ปีที่ 26 ของปฏิทินว่าน คำถามข้อสอบระดับพระราชวังก็ถามถึง การปกครองของจักรพรรดิและหัวใจของจักรพรรดิ
ในยุคนั้น จ้าวปิ่งจง วัยยี่สิบห้าปีเป็นจ้วงหยวน
กระดาษสอบของจ้าวปิ่งจงเป็นกระดาษตอบข้อสอบเพียงชิ้นเดียวที่เก็บรักษาไว้ในหวาเซี่ยสำหรับตำแหน่งจ้วงหยวนในการสอบขุนนาง
ในข้อสอบ จ้าวปิ่งจงชี้ตรงประเด็นว่าจักรพรรดิทรงเป็นผู้ควบคุมอำนาจรัฐ และเพื่อที่จะปกครองประเทศได้อย่างปรองดองและเจริญรุ่งเรือง พระองค์จะต้องมี "การบริหารที่ปฏิบัติจริง" และ "ความจริงใจ" และเสนอหนทางบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ปราบปรามกรณีทุจริต ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ในแนวอย่างกว้างขวาง
เนื่องจากเซียวเฉวียนชื่นชมพฤติกรรมของจ้วงหยวนในสมัยโบราณ เขาจึงท่องจำข้อความราวสามพันคำของจ้าวปิ่งจงอย่างขึ้นใจไว้แล้วโดยบังเอิญ
การสอบทฤษฎีนโยบายของการสอบระดับวังใช้เวลาหนึ่งวัน สอบหนึ่งครั้งคือหนึ่งวัน ต้าเว่ยกำหนดให้จำนวนคำในทฤษฎีนโยบายควรมีมากกว่า 2,000 คำ
จะเก็บข้อสอบตอนพระอาทิตย์ตกดิน ผู้เข้าสอบต้องคิดให้รอบคอบก่อนตอบ คนส่วนใหญ่จะเขียนลงในกระดาษร่างก่อน 1-2 รอบ จากนั้นจึงทบทวนแก้ไข จนกระทั่งถอดความลงในกระดาษสอบในที่สุด
การสอบระดับวังจำเป็นต้องเขียนในรูปแบบบรรจง ตัวอักขระควรเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส สว่างมน สีดำทึบและใหญ่ ต้องการให้ตรงและให้ความเคารพต่อแนวนอนและแนวตั้ง ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เขียนเหมือนตัวพิมพ์แกะไม้ แค่เขียนก็ต้องใช้ทั้งเวลาและพลังไปไม่น้อย
จากมุมมองหนึ่ง การคัดลายมือมักจะมีความสำคัญมากกว่าบทความเสียอีก
ดูจากกระดาษข้อสอบที่ตกทอดมาจากหวาเซี่ย จะเห็นไม่ว่าข้อสอบของผู้สมัครคนใดก็ตาม ล้วนอยู่ในระดับปรมาจารย์ด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร
แม้ว่าเซียวติ้งคนก่อนจะไม่เก่งในด้านวรรณกรรมและวิชาเลข แต่ลายมือพู่กันของเขาก็อยู่ในอันดับต้นๆ
เซียวเฉวียนจดจ่ออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เขียนร่าง และเขียนโดยตรง "ข้าน้อยได้ยินว่าเมื่อจักรพรรดิมาปกครองใต้ฟ้า จะต้องมีการบริหารที่ปฏิบัติจริง จากนั้นจึงสามารถควบคุมฝูงชนได้ ด้วยสถานกาณ์อันซับซ้อน......"
เขาดูมีแววแผ่ไปทั้งสนาม บรรเลงอย่างอิสระ สง่างามและผ่าเผย หยางเล่อที่แอบสังเกตเขาอยู่ตกตะลึง หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
วิชาเลขนั้นเซียวเฉวียนตอบถูกได้ทุกข้อ ตอนนี้ทฤษฎีนโยบายนี้ก็ไม่เกินความสามารถเขาเหรอ?
เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่านี่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...