“หลี่มู่ หัวหน้ากองอารักขาครับ! ”
มือของเจ้าชายาจูชะงักนิ่ง “เวลาไหนไม่ปรากฏ ทำไมถึงมาปรากฏตัวในเวลานี้? ”
หลังจากที่ไพร่คุนหลุนย้ายสัญชาติ มาเป็นผู้อารักขา ก็กลายเป็นพลเมืองของต้าเว่ย
ถ้ามีเจ้านายแล้ว ผู้อารักขาก็จะเป็นคนที่มีเจ้าของ เจ้านายก็คือผู้บังคับบัญชาของผู้อารักขา
หากเจ้านายตาย และเจ้านายไม่ได้เป็นนักโทษของทางการ หลังจากเจ้านายตาย กองอารักขาก็จะเรียกตัวผู้อารักขากลับ เพื่อรอเจ้านายคนต่อไป
หากเจ้านายฝ่าฝืนกฎหมายของบ้านเมือง เมื่อเจ้านายตาย ผู้อารักขาจะต้องสละชีวิตเพื่อเจ้านายของตน เช่น ซ่งเชียนเวิ่นและสวีต๋า ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เซียวเฉวียนปกป้องสวีต๋าไว้ เมื่อซ่งเชียนเวิ่นที่ละเมิดกฎของบ้านเมืองตาย สวีต๋าก็ต้องตายด้วย
เว่ยอู๋จี้ปกป้องนายไม่สำเร็จ แต่จูเหิงไม่ได้ถูกทางการตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิด ตามกฎหมาย กองอารักขาต้องเรียกตัวเว่ยอู๋จี้กลับ
กองอารักขาก่อตั้งขึ้นในสมัยของจักรพรรดิองค์ก่อน เพื่อรับผิดชอบในการแบ่งส่วน โยกย้ายของผู้อารักขาทั้งหลาย ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ เป็ยข้าราชสำนักถึงระดับ 4 ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของสามองคมนตรี
แต่ว่า กองอารักขาแห่งนี้ ไม่มีข้าราชสำนักคนไหนยินดีที่จะอยู่ที่นั่น ใครจะอยากควบคุมดูแลผู้อารักขาที่ดูต่ำต้อยล่ะ?
หลายปีมานี้ จึงมีเพียงหลี่มู่คนเดียวที่ทำหน้าที่มาโดยตลอด
กองอารักขาถูกละทิ้งมาหลายปี ถ้าไม่ใช่ระบบอารักขาได้รับการฟื้นฟู คนจำนวนมากคงลืมการมีอยู่ของกองอารักขาไปแล้ว
ในที่สุด กองอารักขาก็ได้กลับมาเห็นแสงอาทิตย์ หลี่มู่คงมีงานได้ทำบ้างแล้วแหละ
หลี่มู่ ผู้นำของกองอารักขา ไพร่คุนหลุนคนแรกที่ออกมาจากอ้านย้วน มีอายุประมาณสักสี่สิบปีได้
ตอนเขาอายุยังน้อย ด้วยทักษะการต่อสู้อันล้ำเลิศ ทำให้เขาได้เป็นผู้อารักขาของเหวินฮั่น อาจารย์ของจักรพรรดิ
ต่อมาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากผู้อารักขาขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ไพร่ที่พลิกผันชีวิตได้ หลี่มู่เป็นคนแรกและคนเดียว
ศิลปะการต่อสู้ของหลี่มู่น่าทึ่ง ใช้อาวุธกระบี่ยาวน่าเกรงขามที่มีชื่อว่าไท่อา เขามีสถานะที่สูงมากในหมู่ผู้อารักขา เป็นบุคคลที่บรรดาไพร่คุนหลุนให้ความเคารพและนับถือ
หลี่มู่มีนิสัยตรงไปตรงมาไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เขาเคยเป็นผู้อารักขาของเหวินฮั่น ตอนนี้เซียวเฉวียนก็เป็นลูกศิษย์ของเหวินฮั่น ถ้าคนของเจ้าชายาเข้ามาจู่โจมเซียวเฉวียน หลี่มู่ต้องมาขัดขวางอย่างแน่นอน
ถ้ากระบี่ไท่อาออกจากฝัก อย่าว่าแต่จู่โจมเซียวเฉวียน พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะเข้าใกล้ร่างของเซียวเฉวียน
สิ่งที่คนพวกนี้คิดพิจารณา ล้วนไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น
ไม่ต้องพูดถึงหลี่มู่ มีเพียงไป่ฉีและเหมิงเอ้าอยู่ พวกเขามิอาจแม้แต่จะถอนหงอกสักเส้นของเซียวเฉวียนได้
เห็นประจักษ์ว่าเจ้าชายาจูคิดไม่ถึงว่า ผู้อารักขาของเซียวเฉวียนจะมาเป็นคู่ปรับของเว่ยอู๋จี้
“ฮึ……” เจ้าชายาจูผิวย่นเต็มใบหน้า พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “ในที่สุดตระกูลฉินก็มีผู้รู้หนังสือที่มีความสามารถสักคน”
“ท่านชายา จะฆ่าเซียวเฉวียนอีกหรือไม่?” ชายผู้นั้นตัวสั่นเทา
พวกโง่เง่าเหล่านี้ เจ้าชายาเลิกคิ้ว “ทำงานไม่เอาไหน ถ้าฉันไม่มีแผนเผื่อไว้ พวกเจ้าคงทำเสียเรื่องหมด จิตใจเหมือนปลาซิว ฆ่าทิ้งไปได้”
ฆ่าหรือ?
ฆ่าใคร?
กลุ่มคนพวกนี้กระพริบตาไม่ทันได้รู้สึกตัว ลูกศรธนูถูกยิงออกมาจากทุกทิศทุกทาง คนทั้งหมดถูกยิงจนเสียชีวิต
กลุ่มคนพวกนี้ไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ทุกคนถูกยิงจนตัวเหมือนเม่น เลือดออกเต็มตัวล้มฟุ่บลงกับพื้น
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยฟุ้งอยู่ในจวนอ๋อง ที่ศาลาเจินอี้ก็เหมือนกัน
เมื่อสักครู่ตอนที่เซียวเฉวียนและหลี่มู่กำลังคุยกันอยู่ จูหลิวซื่อถือโอกาสเผลอของจูหมิง ชักดาบปลิดชีพของนางเองไปแล้ว
จูหลิวซื่อเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาจูหมิง ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและรังเกียจที่มีต่อจูหมิง
“เธอ!” จูหมิงตกใจและเอามือปิดที่ลำคอของนาง แต่เลือดไหลออกจากลำคอของนางไม่หยุด จูหมิงร้องไห้ด้วยความช้ำใจ “ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้! ทำไมโง่ขนาดนี้!
คนโบราณนั้น ความเป็นความตายเป็นเรื่องเล็ก เสียศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่ จูหลิวซื่อถูกจูเหิงเหยียดหยามแบบนี้จึงหาทางฆ่าตัวตายเป็นเรื่องธรรมดา
ดวงตาอันเงียบงันของจูหลิวซื่อจ้องไปที่จูหมิงด้วยความเกลียดชังเหมือนตาของปลาที่ตายแล้ว จนหมดลมหายใจ
“เธอ? เธอ?” จูหมิงที่สูญเสียจูหลิวซื่อตะโกนใส่เซียวเฉวียนด้วยโทสะ “เป็นเพราะคุณ! ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ! ไม่งั้น เรื่องทั้งหมดในวันนี้ก็ไม่เกิดขึ้น! เธอก็ไม่ถูกคนเหยียดหยาม! ”
เซียวเฉวียนไม่โมโหอะไร ฉินซูโหรวเปลี่ยนอารมณ์ไปจากปกติ หลังจากผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปได้สักครู่ เธอตั้งสติได้ “จูหมิง! พวกคุณสามีภรรยาร่วมมือกับจูเหิงมาทำกับฉันเช่นนี้! เคยคิดถึงสิ่งที่จะตามมาบ้างไหม? ”
อารมณ์แบบคุณหนูของเธอ ไม่เพียงแต่ทำกับเซียวเฉวียนเท่านั้น แต่ทำกับทั่วทุกคน
วันนี้เธอรู้สึกถูกล่วงเกิน
เธอเป็นคุณหนูแท้ๆ ของตระกูลฉิน ตระกูลจูกล้าวางแผนมาแกล้งเธอได้อย่างไร!
“คุณไม่คิดไตร่ตรองดีๆ สำนึกผิดในตัวเอง! กลับมาโทษคนของตระกูลฉิน! เจ้านี้เหิมเกริมเหลืออดจริงๆ!”
ฉินซูโหรวในเวลานี้ดวงตาทั้งนุ่มนวลและเย็นชา เหมือนลืมความคับแค้นที่เซียวเฉวียนจะหย่ากับเธอ เธอเอาเขาเข้าไปรวมเป็นคนของตระกูลฉินเสียแล้ว
ฉินซูโหรวทำหน้าเมินและส่งเสียง ฮึ “ยุติธรรม? ซ่งจือควบคุมดูแลเสนาบดียุติธรรม เขาไม่ใช่สุนัขรับใช้ของฝ่ายเว่ยเจียนกั๋วหรือ? เอาจูหมิงส่งไปที่นั่น ซ่งจือคงเล่นพรรคเล่นพวก! ยังลงโทษเขาได้อีกหรือ? ”
เรื่องของราชวัง เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา หลี่มู่จึงกระซิบเบาๆ “คุณหนูพูดเบาๆ หน่อย คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าฯ น้อยเป็นพยาน จูหมิงหนีไม่รอด”
ฉินซูโหรวไม่ยอม เซียวเฉวียนจึงเอ่ยปาก “ใต้ท้าวหลี่ เอาจูหมิงไปเลย”
“ไม่ได้! ฉันจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ให้คนนอกรับรู้ไม่ได้เด็ดขาด!
มีแต่คนตายถึงจะเก็บความลับได้!
ฉินซูโหรวควงดาบกำลังจะปลิดชีพจูหมิง หลี่มู่ชักกระบี่ไท่อาออกมาขวางไว้ “คุณหนู! ระวัง! โปรดเห็นแก่หน้าแม่ทัพฉินผู้เฒ่าด้วย! สังหารขุนนางเป็นการส่วนตัวจะมีภัยถึงตัว! คุณหนูจงหายห่วง เรื่องของวันนี้จะไม่รั่วไหลออกไปแน่ ชื่อเสียงของคุณจะไม่มีเสื่อมเสียแม้แต่นิดเดียว”
ตอนที่หลี่มู่และฉินซูโหรวกำลังเผชิญหน้ากัน เซียวเฉวียนให้ความสนใจกับกระบี่เล่มนั้นอย่างใจจดใจจ่อ!
นอกจากสถาปัตยกรรม กระบี่ของต้าเว่ยก็โดดเด่นยอดเยียมมากเช่นกัน!
แน่นอน อี้อู๋หลี่ก็เป็นคนสร้าง!
เซียวเฉวียนก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูกระบี่และผลักฉินซูโหรวออกไป รู้สึกว่าเธอกำลังขวางทาง “ใต้ท้าวหลี่ กระบี่นี้ยอดเยี่ยมมาก ไม่เลว ไม่เลว! ”
เซียวเฉวียน! คุณ! มาผลักฉันได้ไง! ฉินซูโหรวเซไปเพราะยืนไม่นิ่ง ตะโกนด้วยความโมโห
“ใต้ท้าวหลี่”เซียวเฉวียนทำความเคารพ “ก็ทำตามที่ท่านบอก ส่งจูหมิงไปที่เสนาบดียุติธรรม เธอเอาแต่ตามใจตัวเอง ไม่รู้ระเบียบราชสำนัก ถึงจ่อดาบกับใต้ท้าว โปรดให้อภัยด้วย”
“ลาก่อน พวกเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่” หลี่มู่พยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง ถึงอย่างไร ฉินซูโหรวก็ดื้อด้านเกินกว่าจะรับมือจริงๆ เขาโบกมือสั่งให้ผู้คนยกย้ายจูหมิงผู้น่าสงสารออกไป
เว่ยอู๋จี้หันศีรษะกลับมา มองไปที่เซียวเฉวียนด้วยท่าทีอันหนักแน่น เหมือนมีข้อคลางแคลงใจมากมาย “ใต้ท้าวครับ ไป่ฉีแข็งแกร่งมากอย่างที่คนเล่าลือ เหมิงเอ้าก็แข่งแกร่งไม่แพ้กัน”
“อืม ฉันเห็นแล้ว”
สองคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้อารักขาทั่วไป
หลี่มู่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ดวงดีกระมัง เขามีความเฉลียวฉลาดอันล้นหลาม ไม่ใช่คนธรรมดา คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง จะต้องพบหายนะ หากตำแหน่งไม่คู่ควรกับคุณธรรมจะต้องมีภัยอย่างมหันต์”
เซียวเฉวียนในเวลานี้ ไม่ต่างอะไรกับเดินตัวสั่นอยู่บนสะพานไม้ท่อนเดี่ยว เผลอนิดเดียวก็จะร่วงลงใต้สะพานซึ่งมีน้ำนองไหลเชี่ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...