ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 28

หนุ่มวัยรุ่นคนนี้ยังสูงไม่เท่าไหล่ของเซียวเฉวียน แต่อายุน้อยๆ นิสัยกราดเกรี้ยวมาก

เซียวเฉวียนไม่สนใจว่าคนกลุ่มนี้เขาจะตอแยได้หรือไม่ แต่ถ้าเขาไม่ช่วย คนที่ฟุบอยู่ที่พื้นอาจจะถูกทำร้ายจนตายได้

เห็นคนกำลังจะตายไม่ช่วย จิตใจเกินร้ายเพราะไร้ความเมตตา

เซียวเฉวียนพูดต่อนายน้อยผู้สูงศักด์หน้าโหดคนนี้ว่า

“ข้าฯ เซียวเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ยังไม่รู้คำว่ากลัวนั้นเขียนอย่างไร"

อะฮ้า โอหังมาก

นายน้อยคิดว่าหูของเขาน่าจะมีอะไรผิดปกติ เขากระทืบ เผยท่าทีดุดันที่ตีคนเมื่อตะกี้อีก "พี่น้อง เราลุยกันเลย!"

พูดปั๊บ นอกจากคนอื่นๆ แล้ว มีเพียงนายน้อยผู้สูงศักดิ์คนนี้ยกมือขึ้นอย่างสัตย์ซื่ออยู่คนเดียว

”ไม่ได้! เขาคือเซียวเจี่ยเหยียน!” เพื่อนตัวเล็กทนไม่ได้อีกต่อไปจึงตะโกนเสียงดัง

นายน้อยผู้สูงศักดิ์คนนั้นตกใจ ลูกตาของเขาแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ใครในเมืองหลวงปัจจุบันนี้ไม่รู้จักเซียวเฉวียน?

แต่มือยกขึ้นมาแล้ว ทำไงดี?

นายน้อยผู้นี้ไหวพริบดี สีหน้าของเขาพลิกเปลี่ยนไปหลายตลบในทันที

มือที่ยกขึ้นหยุดกลางอากาศ เคลื่อนลงแตะบนแขนเสื้อของเซียวเฉวียนอย่างแผ่วเบา หน้าอันกราดเกรี้ยวเมื่อตะกี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ฉันเห็นว่ามีฝุ่นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของท่าน เลยมาปัดเช็ดให้ เช็ด เฮ้ เช็ด" เอาละท่านเซียวเจี่ยเหยียนพอใจหรือยังครับ”

เมื่อสักครู่เซียวเฉวียนยังกังขาอยู่ว่าหากเขาเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว เขาอาจจะไม่ได้รับผลดีอะไร ในเมื่อคนพวกนี้รู้กาลเทศะดี ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว

ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะขี้ขลาดตาขาว เขาจึงคิดวางใจได้แล้ว

”ขอคารวะท่านเซียวเจี่ยเหยียน” พวกของนายน้อยสูงศักดิ์ทั้งหลายได้ทำความเคารพต่อเซียวเฉวียนพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงความเป็นมิตร

เซียวเฉวียนไม่ตอบ พวกของนายน้อยไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นในเวลานี้ ถ้าพฤติกรรมชั่วร้ายของพวกเขารู้ถึงหูของทางบ้านขุนนาง กลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาสู่บิดาซึ่งก็เป็นขุนนางได้

นายน้อยทั้งหลายนี้มักทำตัวเป็นนักเล็งอาละวาดต่อหน้าคนทั่วไป พอเห็นเจ้าหน้าที่ในศาลเข้าก็เกิดความหวาดกลัว ดูๆ แล้วก็เป็นได้แต่พวกชอบรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวของแข็งมากกว่า

”ไปตีเขาทำไม?” เซียวเฉวียนทำหน้าเย็นชา

"แค่......ไม่ชอบขี้หน้า......" พวกวัยรุ่นก้มหน้าบ่นพึมพำ

ไม่ชอบหน้าก็ตีเขาได้หรือ? กำเริบเสิบสานมากไปแล้ว!

"เอาเงินมา!"

เซียวเฉวียนพูดอย่างเย็นชา นายน้อยหลายคนตกใจ

”ทุบตีเขาถึงขนาดนั้น ไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้เขาหรือ?”

พวกเจ้าชายน้อยแห่งตระกูลขุนนางมองตากันและกัน และนายน้อยหัวหน้านักเล็งคนหนึ่งก็หยิบเงินออกมาหนึ่งตำลึงอย่างไม่เต็มใจและโยนมันลงที่พื้น

เงินตกลงที่พื้นตามแรง เซียวเฉวียนนเลิกคิ้วขึ้น "นายกล้าโยนฮึ?"

นายน้อยนั่นสะดุ้งตกใจ รีบหยิบมันขึ้นมาและส่งให้เซียวเฉวียนด้วยความความเคารพนอบน้อม

"อืม? " เซียวเฉวียนพึมพำ นายน้อยผงะ จึงกัดฟันและยื่นให้เขาอีกหนึ่งตำลึงด้วยความปวดใจ

"พอแล้ว......" ชายที่ฟุบอยู่บนพื้นเอ่ยอย่างอ่อนแรง ดูจากลักษณะแล้ว คนคนนี้ไม่ใช่คนโลภ

เซียวเฉวียนยกคางขึ้นเล็กน้อย ดูยังไม่พอใจ เจ้าชายน้อยนั่นเม้มปาก วางกระเป๋าเงินอันหนักหน่วงไว้ในมือของเซียวเฉวียนและร้องไห้กล่าวว่า "ให้เขาไปหมดเลย พอใจหรือยัง! พวกเราไปกันเถอะ!"

เงินไม่ได้ทำให้เจ้าชายน้อยรู้สึกทุกข์ใจมากนัก แต่ถูกเซียวเฉวียนหักหน้าต่อที่สาธารณะ ทำให้ศักดิ์ศรีของวัยรุ่นถูกทำลายเสียหมดสิ้น

เขากระทืบเท้าเดินจากไป ในเมื่อเขาให้เงินมาเพียงพอแล้ว เซียวเฉวียนจึงไม่คิดไปตอแยอะไรกับเขา จึงปล่อยมือที่รั้งตัวเขาไป

วัยรุ่นกลุ่มนั้นวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล ชายที่อยู่บนพื้นก็ลุกขึ้น "ขอบคุณครับท่าน......"

มู่ไป๋

เป็นการตั้งชื่อโดยหยิบอักษรสองตัวที่มีความหมายงามเลิศมาจากบทกวีอมตะบทหนึ่งในสมัยโบราณ

ด้วยชื่อที่สง่างามและเพราะพริ้ง เซียวเฉวียนก็ยิ่งแน่ใจว่าเว่ยมู่ไป๋ไม่ใช่คนธรรมดา

”เรามาเรียนรู้ด้วยกันแหละ” เซียวเฉวียนคำนับและเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย

เขาไปมาอย่างเร่งรีบ ไม่ได้ถามแม้กระทั่งที่อยู่หรือสถานการณ์ของเว่ยมู่ไป๋ ราวกับว่าไม่กลัวที่เขาอาจจะผิดคำสัญญาที่ตกลงกันไว้

เว่ยมู่ไป๋มองร่างของเซียวเฉวียนที่เดินหายเข้าไปในฝูงชน และหมอบลงกราบหนึ่งครั้งอย่างตั้งใจ

เซียวเฉวียนรีบเดินกลับบ้าน ระหว่างทาง เขาได้ยินผู้รู้วรรณกรรมหลายคนกำลังคุยกันถึงเรื่อง "ใฝ่สูง"

ผู้รู้หนังสือส่วนใหญ่ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ แต่ก็มีคนชอบดูถูกคนบางคนที่หาว่าเซียวเฉวียนโอ้อวดเกินไป

”ตระกูลเซียวตกต่ำมาหลายปี เพิ่งจะมามีเซียวเฉวียนที่ดูดีขึ้นมาหน่อย แต่คงไปไม่ได้สักกี่น้ำหรอก”

"พูดถูก! สอบมาได้ที่หนึ่งแค่ระดับสนามชนบท ไม่เห็นมีอะไรน่าภาคภูมิใจสักนิด ยังมีการทดสอบอื่นรออยู่ ฉันเกรงว่าเขาจะสอบไม่ผ่านหรอก!"

”ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ” อีกคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย เซียวเฉวียนดวงกำลังขึ้นตอนนี้ ทำไมว่าเขาจะสอบไม่ผ่านละ?

"ฉันเคยสอบถามมาว่าเซียวเฉวียนเคยสอบตกมาแล้วสามปีรวด ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยสอบติดสักครั้งในการสอบระดับชนบทนี้เลย คะแนนวิชาเลขร่วงปรู๊ด!"

หากไม่ผ่านการทดสอบระดับชนบท ก็หมดสิทธิ์ที่จะได้มาสอบวิชาเลขในการทดสอบระดับแข่งขันได้

ทุกคนเข้าใจโจ่งแจ้ง ประคองท้องหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่าฮ่า!"

เซียวเฉวียนที่เดินผ่านทำตาค้อน ไอ้พวกสวะพวกนี้ ไม่รู้เก้าเก้าเท่าไรในสูตรคูณด้วยซ้ำ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย