หนุ่มวัยรุ่นคนนี้ยังสูงไม่เท่าไหล่ของเซียวเฉวียน แต่อายุน้อยๆ นิสัยกราดเกรี้ยวมาก
เซียวเฉวียนไม่สนใจว่าคนกลุ่มนี้เขาจะตอแยได้หรือไม่ แต่ถ้าเขาไม่ช่วย คนที่ฟุบอยู่ที่พื้นอาจจะถูกทำร้ายจนตายได้
เห็นคนกำลังจะตายไม่ช่วย จิตใจเกินร้ายเพราะไร้ความเมตตา
เซียวเฉวียนพูดต่อนายน้อยผู้สูงศักด์หน้าโหดคนนี้ว่า
“ข้าฯ เซียวเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ยังไม่รู้คำว่ากลัวนั้นเขียนอย่างไร"
อะฮ้า โอหังมาก
นายน้อยคิดว่าหูของเขาน่าจะมีอะไรผิดปกติ เขากระทืบ เผยท่าทีดุดันที่ตีคนเมื่อตะกี้อีก "พี่น้อง เราลุยกันเลย!"
พูดปั๊บ นอกจากคนอื่นๆ แล้ว มีเพียงนายน้อยผู้สูงศักดิ์คนนี้ยกมือขึ้นอย่างสัตย์ซื่ออยู่คนเดียว
”ไม่ได้! เขาคือเซียวเจี่ยเหยียน!” เพื่อนตัวเล็กทนไม่ได้อีกต่อไปจึงตะโกนเสียงดัง
นายน้อยผู้สูงศักดิ์คนนั้นตกใจ ลูกตาของเขาแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ใครในเมืองหลวงปัจจุบันนี้ไม่รู้จักเซียวเฉวียน?
แต่มือยกขึ้นมาแล้ว ทำไงดี?
นายน้อยผู้นี้ไหวพริบดี สีหน้าของเขาพลิกเปลี่ยนไปหลายตลบในทันที
มือที่ยกขึ้นหยุดกลางอากาศ เคลื่อนลงแตะบนแขนเสื้อของเซียวเฉวียนอย่างแผ่วเบา หน้าอันกราดเกรี้ยวเมื่อตะกี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ฉันเห็นว่ามีฝุ่นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของท่าน เลยมาปัดเช็ดให้ เช็ด เฮ้ เช็ด" เอาละท่านเซียวเจี่ยเหยียนพอใจหรือยังครับ”
เมื่อสักครู่เซียวเฉวียนยังกังขาอยู่ว่าหากเขาเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว เขาอาจจะไม่ได้รับผลดีอะไร ในเมื่อคนพวกนี้รู้กาลเทศะดี ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะขี้ขลาดตาขาว เขาจึงคิดวางใจได้แล้ว
”ขอคารวะท่านเซียวเจี่ยเหยียน” พวกของนายน้อยสูงศักดิ์ทั้งหลายได้ทำความเคารพต่อเซียวเฉวียนพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงความเป็นมิตร
เซียวเฉวียนไม่ตอบ พวกของนายน้อยไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นในเวลานี้ ถ้าพฤติกรรมชั่วร้ายของพวกเขารู้ถึงหูของทางบ้านขุนนาง กลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาสู่บิดาซึ่งก็เป็นขุนนางได้
นายน้อยทั้งหลายนี้มักทำตัวเป็นนักเล็งอาละวาดต่อหน้าคนทั่วไป พอเห็นเจ้าหน้าที่ในศาลเข้าก็เกิดความหวาดกลัว ดูๆ แล้วก็เป็นได้แต่พวกชอบรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวของแข็งมากกว่า
”ไปตีเขาทำไม?” เซียวเฉวียนทำหน้าเย็นชา
"แค่......ไม่ชอบขี้หน้า......" พวกวัยรุ่นก้มหน้าบ่นพึมพำ
ไม่ชอบหน้าก็ตีเขาได้หรือ? กำเริบเสิบสานมากไปแล้ว!
"เอาเงินมา!"
เซียวเฉวียนพูดอย่างเย็นชา นายน้อยหลายคนตกใจ
”ทุบตีเขาถึงขนาดนั้น ไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้เขาหรือ?”
พวกเจ้าชายน้อยแห่งตระกูลขุนนางมองตากันและกัน และนายน้อยหัวหน้านักเล็งคนหนึ่งก็หยิบเงินออกมาหนึ่งตำลึงอย่างไม่เต็มใจและโยนมันลงที่พื้น
เงินตกลงที่พื้นตามแรง เซียวเฉวียนนเลิกคิ้วขึ้น "นายกล้าโยนฮึ?"
นายน้อยนั่นสะดุ้งตกใจ รีบหยิบมันขึ้นมาและส่งให้เซียวเฉวียนด้วยความความเคารพนอบน้อม
"อืม? " เซียวเฉวียนพึมพำ นายน้อยผงะ จึงกัดฟันและยื่นให้เขาอีกหนึ่งตำลึงด้วยความปวดใจ
"พอแล้ว......" ชายที่ฟุบอยู่บนพื้นเอ่ยอย่างอ่อนแรง ดูจากลักษณะแล้ว คนคนนี้ไม่ใช่คนโลภ
เซียวเฉวียนยกคางขึ้นเล็กน้อย ดูยังไม่พอใจ เจ้าชายน้อยนั่นเม้มปาก วางกระเป๋าเงินอันหนักหน่วงไว้ในมือของเซียวเฉวียนและร้องไห้กล่าวว่า "ให้เขาไปหมดเลย พอใจหรือยัง! พวกเราไปกันเถอะ!"
เงินไม่ได้ทำให้เจ้าชายน้อยรู้สึกทุกข์ใจมากนัก แต่ถูกเซียวเฉวียนหักหน้าต่อที่สาธารณะ ทำให้ศักดิ์ศรีของวัยรุ่นถูกทำลายเสียหมดสิ้น
เขากระทืบเท้าเดินจากไป ในเมื่อเขาให้เงินมาเพียงพอแล้ว เซียวเฉวียนจึงไม่คิดไปตอแยอะไรกับเขา จึงปล่อยมือที่รั้งตัวเขาไป
วัยรุ่นกลุ่มนั้นวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล ชายที่อยู่บนพื้นก็ลุกขึ้น "ขอบคุณครับท่าน......"
มู่ไป๋
เป็นการตั้งชื่อโดยหยิบอักษรสองตัวที่มีความหมายงามเลิศมาจากบทกวีอมตะบทหนึ่งในสมัยโบราณ
ด้วยชื่อที่สง่างามและเพราะพริ้ง เซียวเฉวียนก็ยิ่งแน่ใจว่าเว่ยมู่ไป๋ไม่ใช่คนธรรมดา
”เรามาเรียนรู้ด้วยกันแหละ” เซียวเฉวียนคำนับและเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
เขาไปมาอย่างเร่งรีบ ไม่ได้ถามแม้กระทั่งที่อยู่หรือสถานการณ์ของเว่ยมู่ไป๋ ราวกับว่าไม่กลัวที่เขาอาจจะผิดคำสัญญาที่ตกลงกันไว้
เว่ยมู่ไป๋มองร่างของเซียวเฉวียนที่เดินหายเข้าไปในฝูงชน และหมอบลงกราบหนึ่งครั้งอย่างตั้งใจ
เซียวเฉวียนรีบเดินกลับบ้าน ระหว่างทาง เขาได้ยินผู้รู้วรรณกรรมหลายคนกำลังคุยกันถึงเรื่อง "ใฝ่สูง"
ผู้รู้หนังสือส่วนใหญ่ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ แต่ก็มีคนชอบดูถูกคนบางคนที่หาว่าเซียวเฉวียนโอ้อวดเกินไป
”ตระกูลเซียวตกต่ำมาหลายปี เพิ่งจะมามีเซียวเฉวียนที่ดูดีขึ้นมาหน่อย แต่คงไปไม่ได้สักกี่น้ำหรอก”
"พูดถูก! สอบมาได้ที่หนึ่งแค่ระดับสนามชนบท ไม่เห็นมีอะไรน่าภาคภูมิใจสักนิด ยังมีการทดสอบอื่นรออยู่ ฉันเกรงว่าเขาจะสอบไม่ผ่านหรอก!"
”ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ” อีกคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย เซียวเฉวียนดวงกำลังขึ้นตอนนี้ ทำไมว่าเขาจะสอบไม่ผ่านละ?
"ฉันเคยสอบถามมาว่าเซียวเฉวียนเคยสอบตกมาแล้วสามปีรวด ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยสอบติดสักครั้งในการสอบระดับชนบทนี้เลย คะแนนวิชาเลขร่วงปรู๊ด!"
หากไม่ผ่านการทดสอบระดับชนบท ก็หมดสิทธิ์ที่จะได้มาสอบวิชาเลขในการทดสอบระดับแข่งขันได้
ทุกคนเข้าใจโจ่งแจ้ง ประคองท้องหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่าฮ่า!"
เซียวเฉวียนที่เดินผ่านทำตาค้อน ไอ้พวกสวะพวกนี้ ไม่รู้เก้าเก้าเท่าไรในสูตรคูณด้วยซ้ำ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...