ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 29

โรงแรมโรงเตี๊ยมเป็นสถานที่สำหรับผู้รู้วรรณกรรมและสุภาพชนชอบมารวมตัวกัน

ข่าวซุบซิบสามารถแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงภายในเวลาไม่เกินสองวันในที่แห่งนี้

เรื่อง "ใฝ่สูง" ของเซียวเฉวียน แรกๆ ทำให้ทุกคนตกตะลึง จากนั้นข่าวที่ว่าเซียวเฉวียนแย่มากในด้านวิชาเลขก็ลือกันตามมา

ทุกคนทึ่งในความแข็งแกร่งด้านการแต่งบทกวีของเขา แต่หัวเราะเยาะในด้านวิชาเลขที่แย่มากของเขา

คะแนนประเมินในสองด้านเยี่ยงฟ้ากับดิน ทำให้คนไม่น้อยรู้สึกเสียดายทั้งถอนหายใจ เซียวเฉวียนถึงจะมีพรสวรรค์ล้ำเลิศเพียงใด แต่ถ้าไม่ผ่านด่านวิชาเลข เขาก็คงสดุดหยุดอยู่เพียงหน้าสนามสอบระดับแข่งขันนั่น

กิตติมศักดิ์จะรุ่งหรือจะร่วง แต่ชื่อเสียงของเซียวเฉวียนก็แพร่กระจายไปเร็วกว่าที่เขาคิด มีคนพูดถึงเขามากเกินไป แม้แต่เด็กๆ ข้างถนนก็รู้ว่าคะแนนสูงสุดในการสอบระดับชนบทนั้นลำเอียง และลือว่าไม่ได้ร่ำเรียนวิชาเลขมาหลายปี คงต้องตกกระป๋องในเร็ววันนี้!

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" ฉินหนานเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเอกชนและได้ยินเกี่ยวกับการที่เซียวเฉวียนสอบเลขไม่ได้ เขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดทาง รู้สึกสะใจมาก!

ฉินหนานและฉินเป่ยเก่งวิชาเลขพอควร และมีครูในชั้นเรียนคอยติวให้ทุกวัน ข้อสอบวิชาเลขในการทดสอบแข่งขันอยู่ในขอบเขตความสามารถของพวกเขา

ฉินหนานมาถึงที่ลานบ้านของเซียวเฉวียน เห็นอาสือกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว และตะโกนว่า "เซียวเฉวียนไม่อยู่บ้านอีกแล้วหรือ? เขาเป็นคนแต่งเข้าบ้านพ่อตา ต้องอาศัยอยู่ในจวนฉินเท่านั้น! ลูกเขยเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกเหมือนสุนัขจรจัดทุกวัน เขายังมีจวนฉินอยู่ในสายตาอีกหรือ!"

อาสือโค้งคำนับด้วยความกังวลใจ รู้ว่าเซียวเฉวียนไม่น่าจะกลับมา และกลัวว่าฉินหนานจะก่อเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่ อาสือไม่มีทางเลือกจึงกล่าวโกหกว่า "นายน้อยสาม คุณลุงเขาเพิ่งออกไปข้างนอกซื้อของ เดี๋ยวก็กลับมา"

ฉินหนานใช้ขาเตะไปที่อาสือ "ไอ้สุนัข! เองคู่ควรมาพูดกับข้าฯ งั้นหรือ! ฉันได้ถามเองไหม?"

อาสืออุ้มท้องที่ปวดแสบปวดร้อนของเขา กัดฟันด้วยความเจ็บปวด พยักหน้าและพูดว่า "ครับ ผู้น้อยเสียมารยาทเอง คุณลุงไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ นายน้อยค่อยมาตอนเย็นๆ อีกครั้งนะครับ"

เพียงคำพูดธรรมดาหนึ่งประโยค ไม่รู้ไปกระตุ้นต่อมอารมณ์ของนายน้อยตรงไหนเข้าอีก เหวี่ยงขาเตะเข้าไปที่อาสืออีกครั้งหนักยิ่งกว่าเก่า "ข้าฯ จะทำอะไรเรื่องของข้าฯ เองไม่ต้องมาแส่ ข้าฯ จะรอเซียวเฉวียนอยู่ตรงนี้ จะคอยดูว่าไอ้สุนัขจรจัดนั้นกลับมาเมื่อไร!"

เมื่อเห็นว่าปลายเท้ากำลังจะกวาดมาอีกครั้ง อาสือก็ไม่กล้าขยับ เป็นเด็กรับใช้ เจ้านายบันดาลโทสะอย่างไรก็ได้แต่ทนกับทน

ทันใดนั้น ฉินหนานก็ถูกใครบางคนกระชากทีหนึ่ง ไม่เพียงแต่เท้าของเขาพลาดกลางอากาศ เขาเกือบจะเซและล้มลงบนพื้น ฉินหนานโกรธมากจนตะโกนว่า "ใครมากระชากข้าฯ?"

ข้างหลังเขา เซียวเฉวียนมือถือหญ้ากำมือหนึ่งและยืนอยู่ข้างหลังเขาพร้อมรอยยิ้ม "ช่างบังเอิญจริงๆ น้องสามมาอยู่นี่ได้ไง? อาสือ ไม่ไปรินชามาให้อีก"

หญ้าในมือของเซียวเฉวียน เรียกว่าโกฐจุฬาลัมพา บุปผาบานในเดือนตุลาคมและเป็นละอองเรณูที่ผสมด้วยลม ที่เรียกว่าละอองเรณูที่ผสมด้วยลมหมายถึงอนุภาคละอองเรณูที่ผลิตโดยพืชและแพร่กระจายไปตามลม

เมื่อโกฐจุฬาลัมพาผลิบาน ละอองเรณูจะปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการคัน ไม่สบายตัว ไม่มียาใดบรรเทาได้ วิธีเดียวคือรอให้อาการแพ้หายไปด้วยตัวของมันเอง

ข่าวดีก็คือฉินหนานมีอาการภูมิแพ้

เพื่อให้ได้มาซึ่งโกฐจุฬาลัมพาที่ดีที่สุด เซียวเฉวียนใช้เงินไปเล็กน้อย

”ใช่ ผู้น้อยจะรินชามาเดี๋ยวนี้” อาสือพยักหน้าแล้วย่องเข้าไปในห้อง ราวกับว่าได้หนีรอดพ้นจากอุ้มมือของปีศาจร้าย

ที่ผ่านมา เซียวเฉวียนไม่เคยแสดงอะไรบนหน้า แต่วันนี้เขาดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยนและห่วงใย" ตั้งแต่ฉันได้ตำแหน่งเจี่ยเหยียน มีเพียงน้องสามในจวนฉินเท่านั้นที่มาเยี่ยมฉันถึงลานเล็กๆ แห่งนี้ ฉันซึ้งใจจริงๆ เชิญเข้ามาดื่มชาสิ”

ทุกคำพูดและประโยคของเซียวเฉวียนที่ฟังอยู่ในหูของฉินหนาน ฟังดูเหมือนพังพอนมาอวยพรปีใหม่ให้กับไก่ เจตนาคงไม่ดีแน่

"พี่เขยก็ไม่มีอะไรให้เป็นการตอบแทน เอาอันนี้ก็แล้วกัน" เซียวเฉวียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอาโกฐจุฬาลัมพายัดใส่มือของฉินหนาน

ทันใดนั้น ฉินหนานรู้สึกตกใจมากจนเขาต้องการที่จะโยนมันทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว เซียวเฉวียนถูหญ้าอย่างแรงเข้าไปในอ้อมอกของฉินหนาน เพื่อแสดงความจริงใจของเขา "ไม่ต้องเกรงใจๆ โกฐจุฬาลัมพาเป็นสิ่งมงคลในบ้านเกิดของพี่เขยนะจะบอกให้......"

ฉินหนานขมวดคิ้วและโยนหญ้าลงบนพื้น "นี่มันวัชพืชมาจากไหน? คู่ควรที่จะมาสัมผัสตัวอย่างฉันหรือ! เซียวเฉวียน วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเตือนนาย ในฐานะเขยตระกูลฉิน แต่กลับไปค้างแรมอยู่ข้างนอก ระวังจะทำลายชื่อเสียงของพี่สาวข้า นายควรรีบย้ายกลับมาที่จวนทันที ไม่งั้นฉันจะไปรื้อบ้านตระกูลเซียวของนาย!"

ทำตัวเบ่งถึงขนาดนี้ ทำให้เซียวเฉวียนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

ฉินหนานเดินร้องไห้โหยหวนออกไป อาสือรู้สึกโล่งอกมีความสุขขึ้นมาในทันที

”เล่ห์กลเล็กน้อย เวลานี้เขายังร้องเร็วไปหน่อย เดาว่าเขาจะต้องร้องไห้ต่ออีกสักสามวันสามคืน”

"ต่อไปนี้ นายน้อยนั่นคงไม่กล้ามาทำเสียงดุดันกับนายอีกต่อไปแน่นอน" อาสือพูดอย่างมีใจชื้น ฉินหนานไม่เคยได้รับความคับข้องใจใดๆ ที่บ้าน เที่ยวนี้มาเสียรู้อย่างโง่เขลา เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก

เซียวเฉวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า "ไปกันเถอะ"

“นายน้อยจะไปไหน” อาสือผงะ กำลังจะทำอาหารให้นายน้อยอยู่พอดี แต่นายน้อยไม่คิดจะอยู่ต่อเสียแล้ว

”ตามฉันไปที่บ้านเซียวไหมละ หรือคุณอยากอยู่ที่นี่ต่อ”

เซียวเฉวียนกลับมาคราวนี้ เขาตั้งใจที่จะมารับอาสือไป ที่ได้สั่งสอนไอ้เจ้าตัวนายน้อยสามนั่นแค่เป็นจังหวะติดพ่วง

”อาสือเป็นทาสรับใช้ เป็นคนของจวนฉิน......” อาสือพูดด้วยความลำบากใจ “อาสืควรอยู่รับใช้นายน้อยในจวนฉิน ถ้าออกจากจวนฉินโดยพลการ ก็ถือว่าเป็นการหลบหนี มีโทษถึงตาย"

เซียวเฉวียนยิ้มและยื่นกระดาษออกมาให้สองแผ่น อาสือตกใจและพูดว่า "นี่ไม่ใช่...... “

มีเงินสามารถจ้างภูตผีมาลากโม่ได้ เป็นข้อความจริงชั่วนิรันดร์

เซียวเฉวียนใช้เงินบางส่วนซึ่งอาสือทำงานทั้งชีวิตก็ไม่สามารถจะหาได้ แลกกับหนังสือสัญญาขายตัวเพื่อเป็นทาสจากจวนตระกูลฉิน

เซียวเฉวียนฉีกหนังสือสัญญาขายตัวเพื่อเป็นทาสนั้นออกเป็นเสี่ยงๆ "ตอนนี้คุณไม่ใช่ทาสของตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว คุณยินดีที่จะตามฉันไปที่บ้านเซียวไหม"

อาสือจะเป็นบุคคลที่มีประโยชน์อย่างมากในอนาคต คนทั้งฉลาดและภักดีเช่นนี้อยู่กับตระกูลฉินเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย