หอปี๋เซิ่ง
ทันทีที่เว่ยชิงและพี่น้องตระกูลฉินเดินลงจากรถม้านั้น พวกเขาก็ตกตะลึงกับหอปี๋เซิ่งที่ถูกตกแต่งด้วยโคมแสงไฟหลากสีไปในทันที
แม้ว่าหอปี๋เซิ่งในอดีตจะดูงดงาม แต่ก็มิได้แขวนไปด้วยโคมไฟสีแดงและผูกผ้ามงคลเช่นนี้ ทั้งยังมิมีผู้คนออกมาให้การต้อนรับเช่นวันนี้อีกด้วย
"ยินดีต้อนรับศิษย์น้องของนายท่านเจ้าค่ะ! ยินดีต้อนรับ! ยินดีต้อนรับ!"
สาวใช้ภายในหอปี๋เซิ่งพลันร้องตะโกนคำพูดที่เว่ยชิงมิอยากได้ยินออกมาเช่น คำว่า "ศิษย์น้อง" สองคำนั้น
หากว่าเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว ทว่า ยามที่เว่ยชิงเงยหน้าขึ้นมองนั้น กลับทำให้โกรธโมโหมากกว่าเดิมเสียอีก
ทางเข้าหอปี๋เซิ่งนั้นยังมีป้ายยาวแขวนด้วยข้อความตัวหนาและขนาดใหญ่ว่า: งานเลี้ยงมงคลเซียวเฉวียนพบหน้าศิษย์น้อง
โดยเฉพาะคำว่า "ศิษย์น้อง" นั้น เน้นเป็นตัวหนา ลงน้ำหนักมือหนักและเขียนตัวใหญ่ชัดเจนยิ่งนัก
ฉินเฟิงและฉินเป่ยต่างลอบมองหน้ากัน เซียวเฉวียนกำลังก่อปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!
หากว่าเป็นหอคอยเทียนหมิงนั้น มักจะมีเพียงลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงเข้าออกธรรมดาเท่านั้น ทว่า หอปี๋เซิ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ด้านนอกของหอปี๋เซิ่งมักจะมีเหล่าราษฎรมากมายพากันเดินเข้าออกเป็นประจำ
เช่นนี้จักไม่ให้พวกเขาไม่เห็นป้ายได้อย่างไร? อีกทั้ง เซียวเฉวียนยังสั่งให้ข้ารับใช้ออกมาแจกขนมลูกอมอีกด้วย เนื่องจากว่าขนมลูกอมของหวานเช่นนี้มักจะเป็นของที่หายาก เดิมมีเหล่าราษฎรของต้าเว่ยที่ชอบเรื่องราวสนุก ๆ นั้น หากที่ใดมีขนมลูกอมเช่นนี้ให้ พวกเขาย่อมกระโจนเข้าหาที่นั่นในทันที
สาวใช้ที่แจกจ่ายขนมลูกอมอยู่นั้น พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีแย้มยิ้มว่า "วันนี้นายท่านของหอปี๋เซิ่งได้จัดงานต้อนรับศิษย์ร่วมอาจารย์เจ้าค่ะ ขอให้พวกท่านมีความสุขมาก ๆ นะเจ้าคะ"
เมื่อเจอคนเอ่ยวาจาอ่อนหวานเช่นนี้ เหล่าราษฎรย่อมพากันกล่าวร่วมแสดงความยินดีออกมา "ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าเซียวที่มีศิษย์น้องด้วย"
หากว่าในหอคอยเทียนหมิงนั้น เว่ยชิงเป็นตัวเอกของงาน งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ย่อมจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเขา
ทว่า ภายในหอปี๋เซิ่งนั้น กลับเป็นเซียวเฉวียนที่เป็นตัวเอก พร้อมทั้งเป็นผู้จัดงานให้การต้อนรับศิษย์น้องของตน
เว่ยชิงที่ได้รับความชื่นชมมากมายจากทุกคนในหอเทียนหมิงนั้น
หากแต่ในยามนี้ ภายในหอปี๋เซิ่งหาได้มีผู้ใดเอ่ยถึงตัวตนของเว่ยชิงไม่ มีเพียงแค่การแสดงความยินดีกับเซียวเฉวียนเท่านั้น?
เว่ยชิงพลันกำพัดในมือเอาไว้แน่น ท่านอาจารย์อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจะโกรธโมโหออกมาไม่ได้ นั่นจึงทำให้เว่ยชิงทำได้แต่ฝืนยิ้มแล้วเดินก้าวเข้าไปในเหลาอาหารแทน
เมื่อเซียวเฉวียนเห็นเว่ยชิงกำลังเดินเข้ามาจากที่ไกล ๆ นั้น
ฮ่าฮ่า!
เซียวเฉวียนหัวเราะออกมาด้วยบ้าคลั่ง สายตาพลางสื่อถึงความเย็นชาออกมาเล็กน้อย เว่ยชิงอาศัยสถานะอันสูงส่งของตนเอง เพื่อทำในสิ่งที่เขาต้องการ จึงไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมเขาได้!
เขาคงมิคาดคิดว่า ตนเองได้อยากจักต้องเสียอย่าง เว่ยชิงที่ทั้งชื่นชมและให้ความเคารพแด่ท่านปีศาจกวีเช่นนี้ จักต้องกลายมาเป็นศิษย์น้องของเซียวเฉวียนไปเสียได้!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ามาแล้วหรือ! ศิษย์น้อง นั่งลงเร็ว”
เซียวเฉวียนเลิกคิ้วขึ้น พลางแสดงท่าทีออกมาอย่าง "กระตือรือร้น" นั่นจึงทำให้เว่ยชิงอดที่จะกวาดตามองไปรอบ ๆ ไม่ได้ หอปี๋เซิ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ กลับมีเพียงเซียวเฉวียนและฉินหนานอยู่กันสองคนเท่านั้น
แม้แต่เถ้าแก่เหลาอาหารและข้ารับใช้ใด ๆ หาได้อยู่ด้วยไม่
หลงเหลือไว้แต่เพียงโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางสำรับอาหารไว้มากมาย โดยมีเซียวเฉวียนนั่งบนหัวโต๊ะและได้จัดให้เว่ยชิงนั่งอีกด้านหนึ่งของปลายโต๊ะ พร้อมทั้งฉินเฟิงและฉินเป่ยนั่งขนาบทั้งสองด้าน
“ท่านอาจารย์อยู่ที่ใด?”
เว่ยชิงหาได้เอ่ยเรียกเขาว่า "ศิษย์พี่"ไม่ เพียงเอ่ยถามออกมาตรง ๆ แทน
แน่นอนว่าอาจารย์มิได้อยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจักได้รับอาวุธคู่ใจมา ทว่า แม้แต่ใบหน้าของท่านอาจารย์ปีศาจกวีเองเขาก็ยังมิได้พบหน้าเลยด้วยซ้ำ
เซียวเฉวียนพลางหัวเราะออกมาอย่างเบา เขาเพียงแค่แอบอ้างนามของท่านปีศาจกวีมาหลอกเว่ยชิงเท่านั้น แต่เขามิคิกเลยว่าเว่ยชิงจักไร้เดียงสาขนาดนี้
“อีกไม่นานก็จักมาถึง”
เซียวเฉวียนแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเทสุราลงในจอกให้กับพวกเขา
การโกหกคนเช่นนี้ หากได้โกหกครั้งหนึ่งแล้วไซร้ เหตุใดจักโกหกไม่ได้อีกเล่า?
แน่นอนว่า เว่ยชิงหวาดกลัวท่านอาจารย์มากนัก เพียงแค่บอกว่าท่านอาจารย์จะตามมาทีหลัง เขาก็เพียงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาก่อนจะนั่งลงอย่างง่ายดาย
ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นบุรุษทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น หาได้มีคนนอกร่วมด้วยไม่
“ที่ข้าเรียกพวกท่านมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะหารือกับพวกท่าน”
“นั่นก็คือการประลองยุทธเลือกคู่”
เซียวเฉวียนหายังได้เอ่ยถึงตระกูลสวี่ที่เพิ่งถูกฆ่าล้างโคตรไปไม่ อีกทั้งเรื่องของสองสามีภรรยาคู่นั้นเขาย่อมมิเอ่ยออกมา เว่ยชิงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเล็กน้อย เซียวเฉวียนหาได้มีความกล้าพอที่จะมาจัดการกับเขาเพียงเพราะราษฎรที่ตกตายไปแค่สองสามคนไม่
มิใช่ว่าเซียวเฉวียนมิต้องการจัดการ หากแต่เขากำลังจัดการไปทีละเรื่อง
“องค์หญิงเอ่ยปากบอกกับข้าเองว่า พระนางต้องการแต่งให้ฉินเฟิง”
เซียวเฉวียนรีบโยนระเบิดลงไปในหัวข้อสนทนาในทันที!
ฉินหนานที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ข้าง ๆ เซียวเฉวียนนั้น ได้แต่ก้มหน้างุด มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉินเฟิงตกใจยิ่งนัก!
ความสุขมากะทันหันเกินไปหรือไม่!
ก่อนหน้านั้น มีคนพยายามมาโน้มน้าวฉินเฟิงมากมาย หากแต่มิมีผู้ใดสามารถโน้มน้าวใจเขาได้สำเร็จ ทว่าในยามนี้ คำถามง่าย ๆ ของเว่ยชิงนั้น ฉินเฟิงก็เอ่ยยอมแพ้ออกมาแล้วหรือ?
สำหรับคนยุคโบราณเช่นฉินเฟิงที่ยึดมั่นในแนวคิดเรื่องลำดับชนชั้น และต้องให้ความเคารพต่อลำดับผู้อาวุโสเช่นเว่ยชิงนั้น เขาได้ทำการบดขยี้การดำรงอยู่ของลำดับชนชั้นอย่างแท้จริง
เว่ยชิงเป็นถึงผู้อาวุโสของฉินเฟิงเช่นนี้ ทั้งยังมีการสืบเลือดเชื้อสายราชวงศ์มาอีก นั่นจึงทำให้ฉินเฟิงไม่สามารถต่อสู้แย่งชิงเพื่อสตรีของตนเองได้
เดิมทีเซียวเฉวียนเพียงแค่ต้องการให้ฉินเฟิงพบกับความสูญเสียด้วยตนเองเสียก่อน แล้วค่อยให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะเข้าประลองยุทธเพื่อเลือกคู่ขององค์หญิงด้วยตัวเองแทน
ทว่า หลังจากที่เซียวเฉวียนออกมาการกุมขังของจวนกองราชองครักษ์แล้วนั้น ฉินหนานที่รอเขามาโดยตลอด ก็รีบรายงานให้เขาฟังเกี่ยวกับความคิดการอ่านขององค์หญิงด้วยความร้อนรนในทันที
เซียวเฉวียนรู้สึกตกใจยิ่งนัก ความคิดการอ่านขององค์หญิงช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ในเมื่อนางไม่สามารถเป็นฮูหยินของเขาได้นั้น ดังนั้นนางจึงอยากมาเป็นพี่สะใภ้ของเขาแทนงั้นรึ?
เหลือเชื่อจริง ๆ
แม้ว่าเซียวเฉวียนอยากจะหัวเราะออกมาเช่นไรก็ตาม ทว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาไม่สามารถรั้งรอให้ฉินเฟิงคิดด้วยตนเองได้ เซียวเฉวียนจึงจำเป็นต้องหาทางทำให้ฉินเฟิงขอถอนตัวออกจากการประลองออกมาอย่างรวดเร็วเสียก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าองค์หญิงจะอยากแต่งให้เขาเช่นไรก็ไม่อาจทำได้แล้ว
ฉินเฟิงที่ชมชอบการใช้ไม้แข็งเช่นนี้ เซียวเฉวียนจึงใช้วิธีให้เว่ยชิงบีบบังคับฉินเฟิงให้เขายอมถอยตัวออกจากการประลองนี้ด้วยตนเองแทน
เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงยอมแพ้เช่นนี้ ฉินหนานและฉินเป่ยก็อดไม่ได้จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมา โดยเฉพาะฉินหนานนั้น เขารู้สึกตื่นเต้นมากเสียจนเกือบจะร่ำไห้ออกมาในทันที ในที่สุดพี่เขยของเขาก็สามารถช่วยทั้งตระกูลไว้ได้อีกครั้ง!
เว่ยชิงพลางส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชาว่า "คุณชายฉิน การที่ท่านยอมแพ้เช่นนี้ มิใช่ว่า ท่านรู้สึกว่าข้าใช้กำลังบีบบังคับคนอ่อนแอใช่หรือไม่?"
“มิกล้า มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” ฉินเฟิงเอ่ยออกมาในทันที
นั่นจึงทำให้เซียวเฉวียนแอบส่ายหัวไปมาว่า หากเขารู้ว่าเว่ยชิงจักมีประโยชน์มากเช่นนี้ เซียวเฉวียนคงมิเสียเวลาเกลี้ยกล่อมเขาอยุ่นานสองนานหรอก
แน่นอนว่า เมื่อได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ท่านอาจารย์ต้องการควบคุมเว่ยชิง เว่ยชิงต่องการควบคุมฉินเฟิง เสมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
เซียวเฉวียนจึงพยายามตีเหล็กในขณะที่เหล็กยังคงร้อนอยู่ว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฉินหนานฉินเป่ย พวกเจ้าทั้งสองไปจวนว่าการชั้นในเร็ว ไปนำรายชื่อที่พี่ใหญ่เจ้าลงทะเบียนเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิงออกมาเสีย"
แววตาของฉินเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันที เซียวเฉวียนมิเหลือพื้นที่ให้ถอยเลยสักนิด!
หากว่าชื่อของเขาถูกถอนตัวออกเช่นนี้ ฉินเฟิงก็หมดโอกาสที่จะได้ตัวองค์หญิงมาแล้ว!
“อะไรกัน? เมื่อครู่เจ้าบอกว่ายอมแพ้แล้วไม่ใช่หรือ หรือเจ้ากำลังจะพยายามเกลี้ยกล่อมเปิ่นหวาง?” เว่ยชิงขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที พร้อมทั้งบรรยากาศที่เริ่มมาคุขึ้นมา
ฉินเฟิงได้แต่ต้องกัดฟันกล่าวออกมาด้วยความถ่อมตัวว่า "ข้าน้อยมิกล้า"
“ดีแล้ว ข้าว่าเจ้าคงไม่ทำเช่นนั้น” เว่ยชิงเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนจะเลิกคิ้วมองไปที่ฉินหนานว่า “เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?”
บรรยากาศในยามนี้ตึงเครียดเสียจน ทำเอาผู้คนตกใจกลัวจนเกือบตาย ฉินหนานฉินเป่ยจ่างก็รีบลุกขึ้นยืนขึ้น พลางกล่าวว่า "พวกกระหม่อมจักไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...