ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 280

หอปี๋เซิ่ง

ทันทีที่เว่ยชิงและพี่น้องตระกูลฉินเดินลงจากรถม้านั้น พวกเขาก็ตกตะลึงกับหอปี๋เซิ่งที่ถูกตกแต่งด้วยโคมแสงไฟหลากสีไปในทันที

แม้ว่าหอปี๋เซิ่งในอดีตจะดูงดงาม แต่ก็มิได้แขวนไปด้วยโคมไฟสีแดงและผูกผ้ามงคลเช่นนี้ ทั้งยังมิมีผู้คนออกมาให้การต้อนรับเช่นวันนี้อีกด้วย

"ยินดีต้อนรับศิษย์น้องของนายท่านเจ้าค่ะ! ยินดีต้อนรับ! ยินดีต้อนรับ!"

สาวใช้ภายในหอปี๋เซิ่งพลันร้องตะโกนคำพูดที่เว่ยชิงมิอยากได้ยินออกมาเช่น คำว่า "ศิษย์น้อง" สองคำนั้น

หากว่าเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว ทว่า ยามที่เว่ยชิงเงยหน้าขึ้นมองนั้น กลับทำให้โกรธโมโหมากกว่าเดิมเสียอีก

ทางเข้าหอปี๋เซิ่งนั้นยังมีป้ายยาวแขวนด้วยข้อความตัวหนาและขนาดใหญ่ว่า: งานเลี้ยงมงคลเซียวเฉวียนพบหน้าศิษย์น้อง

โดยเฉพาะคำว่า "ศิษย์น้อง" นั้น เน้นเป็นตัวหนา ลงน้ำหนักมือหนักและเขียนตัวใหญ่ชัดเจนยิ่งนัก

ฉินเฟิงและฉินเป่ยต่างลอบมองหน้ากัน เซียวเฉวียนกำลังก่อปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!

หากว่าเป็นหอคอยเทียนหมิงนั้น มักจะมีเพียงลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงเข้าออกธรรมดาเท่านั้น ทว่า หอปี๋เซิ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ด้านนอกของหอปี๋เซิ่งมักจะมีเหล่าราษฎรมากมายพากันเดินเข้าออกเป็นประจำ

เช่นนี้จักไม่ให้พวกเขาไม่เห็นป้ายได้อย่างไร? อีกทั้ง เซียวเฉวียนยังสั่งให้ข้ารับใช้ออกมาแจกขนมลูกอมอีกด้วย เนื่องจากว่าขนมลูกอมของหวานเช่นนี้มักจะเป็นของที่หายาก เดิมมีเหล่าราษฎรของต้าเว่ยที่ชอบเรื่องราวสนุก ๆ นั้น หากที่ใดมีขนมลูกอมเช่นนี้ให้ พวกเขาย่อมกระโจนเข้าหาที่นั่นในทันที

สาวใช้ที่แจกจ่ายขนมลูกอมอยู่นั้น พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีแย้มยิ้มว่า "วันนี้นายท่านของหอปี๋เซิ่งได้จัดงานต้อนรับศิษย์ร่วมอาจารย์เจ้าค่ะ ขอให้พวกท่านมีความสุขมาก ๆ นะเจ้าคะ"

เมื่อเจอคนเอ่ยวาจาอ่อนหวานเช่นนี้ เหล่าราษฎรย่อมพากันกล่าวร่วมแสดงความยินดีออกมา "ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าเซียวที่มีศิษย์น้องด้วย"

หากว่าในหอคอยเทียนหมิงนั้น เว่ยชิงเป็นตัวเอกของงาน งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ย่อมจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเขา

ทว่า ภายในหอปี๋เซิ่งนั้น กลับเป็นเซียวเฉวียนที่เป็นตัวเอก พร้อมทั้งเป็นผู้จัดงานให้การต้อนรับศิษย์น้องของตน

เว่ยชิงที่ได้รับความชื่นชมมากมายจากทุกคนในหอเทียนหมิงนั้น

หากแต่ในยามนี้ ภายในหอปี๋เซิ่งหาได้มีผู้ใดเอ่ยถึงตัวตนของเว่ยชิงไม่ มีเพียงแค่การแสดงความยินดีกับเซียวเฉวียนเท่านั้น?

เว่ยชิงพลันกำพัดในมือเอาไว้แน่น ท่านอาจารย์อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจะโกรธโมโหออกมาไม่ได้ นั่นจึงทำให้เว่ยชิงทำได้แต่ฝืนยิ้มแล้วเดินก้าวเข้าไปในเหลาอาหารแทน

เมื่อเซียวเฉวียนเห็นเว่ยชิงกำลังเดินเข้ามาจากที่ไกล ๆ นั้น

ฮ่าฮ่า!

เซียวเฉวียนหัวเราะออกมาด้วยบ้าคลั่ง สายตาพลางสื่อถึงความเย็นชาออกมาเล็กน้อย เว่ยชิงอาศัยสถานะอันสูงส่งของตนเอง เพื่อทำในสิ่งที่เขาต้องการ จึงไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมเขาได้!

เขาคงมิคาดคิดว่า ตนเองได้อยากจักต้องเสียอย่าง เว่ยชิงที่ทั้งชื่นชมและให้ความเคารพแด่ท่านปีศาจกวีเช่นนี้ จักต้องกลายมาเป็นศิษย์น้องของเซียวเฉวียนไปเสียได้!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ามาแล้วหรือ! ศิษย์น้อง นั่งลงเร็ว”

เซียวเฉวียนเลิกคิ้วขึ้น พลางแสดงท่าทีออกมาอย่าง "กระตือรือร้น" นั่นจึงทำให้เว่ยชิงอดที่จะกวาดตามองไปรอบ ๆ ไม่ได้ หอปี๋เซิ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ กลับมีเพียงเซียวเฉวียนและฉินหนานอยู่กันสองคนเท่านั้น

แม้แต่เถ้าแก่เหลาอาหารและข้ารับใช้ใด ๆ หาได้อยู่ด้วยไม่

หลงเหลือไว้แต่เพียงโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางสำรับอาหารไว้มากมาย โดยมีเซียวเฉวียนนั่งบนหัวโต๊ะและได้จัดให้เว่ยชิงนั่งอีกด้านหนึ่งของปลายโต๊ะ พร้อมทั้งฉินเฟิงและฉินเป่ยนั่งขนาบทั้งสองด้าน

“ท่านอาจารย์อยู่ที่ใด?”

เว่ยชิงหาได้เอ่ยเรียกเขาว่า "ศิษย์พี่"ไม่ เพียงเอ่ยถามออกมาตรง ๆ แทน

แน่นอนว่าอาจารย์มิได้อยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจักได้รับอาวุธคู่ใจมา ทว่า แม้แต่ใบหน้าของท่านอาจารย์ปีศาจกวีเองเขาก็ยังมิได้พบหน้าเลยด้วยซ้ำ

เซียวเฉวียนพลางหัวเราะออกมาอย่างเบา เขาเพียงแค่แอบอ้างนามของท่านปีศาจกวีมาหลอกเว่ยชิงเท่านั้น แต่เขามิคิกเลยว่าเว่ยชิงจักไร้เดียงสาขนาดนี้

“อีกไม่นานก็จักมาถึง”

เซียวเฉวียนแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเทสุราลงในจอกให้กับพวกเขา

การโกหกคนเช่นนี้ หากได้โกหกครั้งหนึ่งแล้วไซร้ เหตุใดจักโกหกไม่ได้อีกเล่า?

แน่นอนว่า เว่ยชิงหวาดกลัวท่านอาจารย์มากนัก เพียงแค่บอกว่าท่านอาจารย์จะตามมาทีหลัง เขาก็เพียงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาก่อนจะนั่งลงอย่างง่ายดาย

ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นบุรุษทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น หาได้มีคนนอกร่วมด้วยไม่

“ที่ข้าเรียกพวกท่านมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะหารือกับพวกท่าน”

“นั่นก็คือการประลองยุทธเลือกคู่”

เซียวเฉวียนหายังได้เอ่ยถึงตระกูลสวี่ที่เพิ่งถูกฆ่าล้างโคตรไปไม่ อีกทั้งเรื่องของสองสามีภรรยาคู่นั้นเขาย่อมมิเอ่ยออกมา เว่ยชิงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเล็กน้อย เซียวเฉวียนหาได้มีความกล้าพอที่จะมาจัดการกับเขาเพียงเพราะราษฎรที่ตกตายไปแค่สองสามคนไม่

มิใช่ว่าเซียวเฉวียนมิต้องการจัดการ หากแต่เขากำลังจัดการไปทีละเรื่อง

“องค์หญิงเอ่ยปากบอกกับข้าเองว่า พระนางต้องการแต่งให้ฉินเฟิง”

เซียวเฉวียนรีบโยนระเบิดลงไปในหัวข้อสนทนาในทันที!

ฉินหนานที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ข้าง ๆ เซียวเฉวียนนั้น ได้แต่ก้มหน้างุด มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา

คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉินเฟิงตกใจยิ่งนัก!

ความสุขมากะทันหันเกินไปหรือไม่!

ก่อนหน้านั้น มีคนพยายามมาโน้มน้าวฉินเฟิงมากมาย หากแต่มิมีผู้ใดสามารถโน้มน้าวใจเขาได้สำเร็จ ทว่าในยามนี้ คำถามง่าย ๆ ของเว่ยชิงนั้น ฉินเฟิงก็เอ่ยยอมแพ้ออกมาแล้วหรือ?

สำหรับคนยุคโบราณเช่นฉินเฟิงที่ยึดมั่นในแนวคิดเรื่องลำดับชนชั้น และต้องให้ความเคารพต่อลำดับผู้อาวุโสเช่นเว่ยชิงนั้น เขาได้ทำการบดขยี้การดำรงอยู่ของลำดับชนชั้นอย่างแท้จริง

เว่ยชิงเป็นถึงผู้อาวุโสของฉินเฟิงเช่นนี้ ทั้งยังมีการสืบเลือดเชื้อสายราชวงศ์มาอีก นั่นจึงทำให้ฉินเฟิงไม่สามารถต่อสู้แย่งชิงเพื่อสตรีของตนเองได้

เดิมทีเซียวเฉวียนเพียงแค่ต้องการให้ฉินเฟิงพบกับความสูญเสียด้วยตนเองเสียก่อน แล้วค่อยให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะเข้าประลองยุทธเพื่อเลือกคู่ขององค์หญิงด้วยตัวเองแทน

ทว่า หลังจากที่เซียวเฉวียนออกมาการกุมขังของจวนกองราชองครักษ์แล้วนั้น ฉินหนานที่รอเขามาโดยตลอด ก็รีบรายงานให้เขาฟังเกี่ยวกับความคิดการอ่านขององค์หญิงด้วยความร้อนรนในทันที

เซียวเฉวียนรู้สึกตกใจยิ่งนัก ความคิดการอ่านขององค์หญิงช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ในเมื่อนางไม่สามารถเป็นฮูหยินของเขาได้นั้น ดังนั้นนางจึงอยากมาเป็นพี่สะใภ้ของเขาแทนงั้นรึ?

เหลือเชื่อจริง ๆ

แม้ว่าเซียวเฉวียนอยากจะหัวเราะออกมาเช่นไรก็ตาม ทว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาไม่สามารถรั้งรอให้ฉินเฟิงคิดด้วยตนเองได้ เซียวเฉวียนจึงจำเป็นต้องหาทางทำให้ฉินเฟิงขอถอนตัวออกจากการประลองออกมาอย่างรวดเร็วเสียก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าองค์หญิงจะอยากแต่งให้เขาเช่นไรก็ไม่อาจทำได้แล้ว

ฉินเฟิงที่ชมชอบการใช้ไม้แข็งเช่นนี้ เซียวเฉวียนจึงใช้วิธีให้เว่ยชิงบีบบังคับฉินเฟิงให้เขายอมถอยตัวออกจากการประลองนี้ด้วยตนเองแทน

เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงยอมแพ้เช่นนี้ ฉินหนานและฉินเป่ยก็อดไม่ได้จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมา โดยเฉพาะฉินหนานนั้น เขารู้สึกตื่นเต้นมากเสียจนเกือบจะร่ำไห้ออกมาในทันที ในที่สุดพี่เขยของเขาก็สามารถช่วยทั้งตระกูลไว้ได้อีกครั้ง!

เว่ยชิงพลางส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชาว่า "คุณชายฉิน การที่ท่านยอมแพ้เช่นนี้ มิใช่ว่า ท่านรู้สึกว่าข้าใช้กำลังบีบบังคับคนอ่อนแอใช่หรือไม่?"

“มิกล้า มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” ฉินเฟิงเอ่ยออกมาในทันที

นั่นจึงทำให้เซียวเฉวียนแอบส่ายหัวไปมาว่า หากเขารู้ว่าเว่ยชิงจักมีประโยชน์มากเช่นนี้ เซียวเฉวียนคงมิเสียเวลาเกลี้ยกล่อมเขาอยุ่นานสองนานหรอก

แน่นอนว่า เมื่อได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ท่านอาจารย์ต้องการควบคุมเว่ยชิง เว่ยชิงต่องการควบคุมฉินเฟิง เสมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย

เซียวเฉวียนจึงพยายามตีเหล็กในขณะที่เหล็กยังคงร้อนอยู่ว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฉินหนานฉินเป่ย พวกเจ้าทั้งสองไปจวนว่าการชั้นในเร็ว ไปนำรายชื่อที่พี่ใหญ่เจ้าลงทะเบียนเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิงออกมาเสีย"

แววตาของฉินเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันที เซียวเฉวียนมิเหลือพื้นที่ให้ถอยเลยสักนิด!

หากว่าชื่อของเขาถูกถอนตัวออกเช่นนี้ ฉินเฟิงก็หมดโอกาสที่จะได้ตัวองค์หญิงมาแล้ว!

“อะไรกัน? เมื่อครู่เจ้าบอกว่ายอมแพ้แล้วไม่ใช่หรือ หรือเจ้ากำลังจะพยายามเกลี้ยกล่อมเปิ่นหวาง?” เว่ยชิงขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที พร้อมทั้งบรรยากาศที่เริ่มมาคุขึ้นมา

ฉินเฟิงได้แต่ต้องกัดฟันกล่าวออกมาด้วยความถ่อมตัวว่า "ข้าน้อยมิกล้า"

“ดีแล้ว ข้าว่าเจ้าคงไม่ทำเช่นนั้น” เว่ยชิงเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนจะเลิกคิ้วมองไปที่ฉินหนานว่า “เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?”

บรรยากาศในยามนี้ตึงเครียดเสียจน ทำเอาผู้คนตกใจกลัวจนเกือบตาย ฉินหนานฉินเป่ยจ่างก็รีบลุกขึ้นยืนขึ้น พลางกล่าวว่า "พวกกระหม่อมจักไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย