ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 281

ตระกูลฉิน

"เพล้ง!"

ถ้วยชาตกกระแทกพื้นก่อนที่จะแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยง ๆ!

แม่ฉินโกรธโมโหยิ่งนัก "พยายามมาตั้งมากมายขนาดนี้! เหตุใดเรื่องที่ฉินเฟิงถอดชื่อออกจากการประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิง เขาถึงไม่ยอมมาคุยกับข้า?"

สาวใช้ที่รั้งรออยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตัวสั่นเทาพลางคุกเข่าลงบนพื้นกล่าวออกมาว่า "ฮูหยินใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ!"

ทั้งพ่อฉินและฉินซูโหรวที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น พวกเขาพลันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พ่อฉินหาได้เอ่ยอันใดออกมาสักคำไม่ เนื่องจากเขารู้จักอารมณ์ของฮูหยินตนเองเป็นอย่างดี เขาเพียงแค่เหลือบตามองฉินซูโหรวเท่านั้น

ฉินชูโหรวเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่นางก็ตกใจไม่น้อยเช่นกันว่า เหตุใดอี้กุยจัดการเรื่องได้รวดเร็วเพียงนี้

เมื่อวานนางเพิ่งจะร้องขอความช่วยเหลือจากอี้กุยไปเอง อี้กุยก็สามารถเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่ของนางเอาไว้ได้แล้ว นับว่าคุณชายอี้มีความสามารถมากนัก ที่แท้ฉายาคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองหลวงหาได้มาเล่น ๆ ไม่

นี่นับว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงของตระกูลฉิน!

“ท่านแม่ อย่าโกรธเคืองไปเลยนะเจ้าคะ พี่ใหญ่อาจจะมิได้ชอบองค์หญิงแล้วก็ได้เจ้าค่ะ” ฉินซูโหรวเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “การที่พี่ใหญ่ถอนตัวออกจาการประลองในครานี้ พวกเราต้องสนับสนุนเขานะเจ้าคะ”

“ใช่ ๆ ” พ่อฉินพยักหน้าลงก่อนจะกล่าวสมทบ

ฉินชูโหรวพลันสั่งให้ข้ารับใช้นำถ้วยน้ำชามาให้ใหม่อีกใบ: "นอกจากนี้ในเมืองหลวงยังมีสตรีและคุณหนูใหญ่ในตระกูลดัง ๆ อีกมากมาย ข้าได้ยินมาว่าพวกนางล้วนแต่อยากจะแต่งให้กับพี่ใหญ่กันทั้งนั้น”

"ถูกต้อง" เพียงแค่บุตรสาวเอ่ยขึ้น พ่อฉินก็ร้องรับอย่างกับเตรียมบทรับส่งกันมาในทันที

“ถูกถูกถูกถูก! ถูกต้องอะไรกัน! ฉินเฟิงชอบองค์หญิง! จู่ ๆ เขาจักมาเลิกชอบองค์หญิงได้อย่างไร?” แม่ฉินโกรธโมโหยิ่งนัก “ทุกวันนี้เขาพยายามฝึกหนักทุกวัน เพื่อที่จะเอาชนะการประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิงให้ได้! จู่ ๆ เขาจักมายอมแพ้ได้ยังไง!”

ทั้งพ่อฉินและฉินซูโหรวต่างลอบมองหน้ากัน สายตาของแม่ฉินพลันเปลี่ยนเป็นความเย็นชาในทันที "เป็นเซียวเฉวียนที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?"

“เป็นคนไร้ค่าเซียวเฉวียนใช่หรือไม่ ที่พยายามจะขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลฉินของเรา!”

ฉินซูโหรวยังคงเงียบงั้น เรื่องนี้เป็นนางที่ได้รับความช่วยเหลือมาจากคุณชายอี้ หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเซียวเฉวียนไม่

“พวกเจ้าออกไปจากที่นี่เสีย! ข้าอารมณ์ไม่ดี! ยากจะอยู่เงียบ ๆ!”

“ได้ได้ได้ เจ้าก็อย่าโมโหไปเล่า นี่หาใช่เรื่องเลวร้ายไม่” สองพ่อลูกพากันปลอบใจนางอีกสองสามคำ ก่อนจะพากันออกมา

แม่ฉินโกรธโมโหมากนัก นอกจากจะมีฉินเฟิงที่สามารถเข้าหน้ากับนางได้แล้ว นางก็หาได้สนใจสิ่งอื่น

ทว่า ในยามนี้ฉินเฟิงกลับมาถอดชื่อออกจากงานประลองยุทธโดยมิได้ปรึกษานางเช่นนี้อีก!

ดั่งคำพูดที่ว่า บุตรชายเติบใหญ่ย่อมมิต้องการมารดาแล้วจริง ๆ !

"ฮือฮือฮือ..."

ฉินซูโหรวพลันได้ยินเสียงมารดาร่ำไห้ดังออกมาไกล ๆ นางได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ นางมิเคยเห็นมารดาของตนเองเศร้าเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย

พ่อฉินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ในที่สุดพี่ชายของดจ้าก็รู้สึกตัวเสียที ในฐานะบิดาเช่นข้ารู้สึกโล่งยิ่งนัก ในคราวนี้คงต้องขอบคุณบุตรเขยของพวกเราแล้วจริง ๆ "

เมื่อเห็นบิดามีท่าทีโล่งใจมากเช่นนี้ ฉินซูโหรวจึงมิกล้าบอกความจริงไปมาว่า หากแต่ภายในใจนางรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอี้กุยมาก

ฉินซูโหรวจึงเดินหันหลังกลับเข้าไปที่ห้องใต้หลังคาอย่างร่าเริง "อาเซียง เจ้าช่วยเตรียมของขวัญส่งไปที่ศาลาคุนหวู่ที"

“หา? คุณหนูเจ้าคะ ยังต้องส่งไปด้วยหรือ?”

อาเซียงขมวดคิ้วเป็นปม ในคราก่อนนางส่งพัดไปให้แล้วนั้น ในยามนี้ควรส่งสิ่งใดไปให้กัน?

“ใช่ ส่งเป็นภาพวาดไปให้เป็นของขวัญเสีย คุณชายอี้เป็นบุรุษรูปงาม ที่รู้จักและเชี่ยวชาญการภาพวาด ดังนั้นเขาน่าจะชื่นชอบมัน”

“คุณหนูเจ้าคะ แต่นายท่านใกล้จะกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้วนะเจ้าคะ พวกเราทำเช่นนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่…” อาเซียงที่มีสายตาที่เฉียบแหลมนั้น นางย่อมเข้าใจดีว่านายท่านเป็นคนฉลาดเฉลียว กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ของคุณหนูจักไปตบตานายท่านได้อย่างไร

การส่งและมอบของขวัญเป็นการส่วนตัวเช่นนี้นั้น ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมของสตรียิ่งนัก!

ทว่า อาเซียงไม่กล้าเอ่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา นางจึงได้แต่เอ่ยเตือนฉินซูโหรวถึงหน้าที่และความรับผิดชอบออกมาแทน "คุณหนูเจ้าคะ เช่นนั้นพวกเราอย่าได้ส่งไปเลยเจ้าค่ะ เพียงแค่ส่งพัดไปหนึ่งเล่มนับว่าเป็นสินค้าที่ล้ำค่ามากพอแล้ว"

"เจ้ามิต้องพูดมาก!" ฉินซูโหรวตวาดนางออกมา "เขาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนี้! หากมิแสดงออกถึงการขอบคุณออกไป เช่นนั้นจักทำเช่นไรเล่า?"

“ข้ามิกลัวเซียวเฉวียนหรอก!”

“เขาหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ มิสู้ข้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากคุณชายอี้ดีกว่าหรือ?”

“คุณชายอี้เป็นคุณชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง การที่เขาสามารถช่วยเหลือข้าได้ ข้าย่อมต้องตอบแทนน้ำใจเขา!”

"มาเลือกภาพวาดกันเถอะ! รอเดี๋ยว เช่นนั้นก็เลือกภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเสีย "

อาเซียงตกตะลึงไปในทันที "คุณหนูเจ้าคะ ภาพวาดผืนนี้เป็นฝ่าบาทที่มอบให้กับท่าน ในงานมงคลสมรสของท่านกับนายท่านนะเจ้าคะ"

ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเป็นผลงานชิ้นเอกของราชวงศ์ต้าเว่ย

มันจะถูกเขียนขั้นโดยจักรพรรดิผู้ล่วงลับไปแล้ว

ภาพวาดนี้จึงบรรยายถึงเทือกเขาคุนหลุนอันงดงาม ที่เต็มไปด้วยสัตว์แปลก ๆ มากมาย เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจยิ่งนัก

ภาพวาดนี้ถูกมอบให้กับเซียวเฉวียนและฉินซูโหรวโดยองค์จักรพรรดิ ฉะนั้นแล้วภาพนี้จึงเป็นผลงานที่มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

เนื่องจากเป็นเซียวเฉวียนเป็นบุตรเขยที่ถูกแต่งเข้ามาในตระกูล ฉะนั้นแล้วสินมงคลจึงเป็นฉินชูโหรวที่รับหน้าที่เก็บสินเดิมเอาไว้ โดยไม่ต้องเอ่ยอันใดกับเซียวเฉวียนสักคำ

“เรียกข้าว่าศิษย์พี่” เซียวเฉวียนจ้องมองเขาด้วยความเย็นชา “เจ้ามิใช่คนถือเจ้ายศเจ้าอย่างหรือ? เจ้าอย่าได้ลืมมารยาทของตนเอง”

เซียวเฉวียนเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าขาว พร้อมทั้งดาบจิงหุนและพู่กันจินหลุนเฉียนคุนออกมาพร้อม ๆ กัน

“ศิษย์น้อง เจ้าเลือกหนทางตายของเจ้ามาสักทางเสีย”

เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง หากสังหารคนย่อมต้องทดแทนด้วยชีวิต หากติดค้างเรื่องเงินย่อมต้องคืนด้วยทอง นี่คือหลักการฟ้าดินที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เว่ยชิงพลันหัวเราะออกมาในทันที "อะไรกัน? เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ?"

“สังหารเจ้าและจึงค่อยบอกว่าเจ้าสังหารตัวเอง มิได้หรือ? นี่ไม่ใช่วิธีที่เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพชื่นชอบทำหรืออย่างไร?”

“ที่จริงแล้ว วิธีเช่นนี้ศิษย์พี่ก็ถนัดมากเช่นกัน”

เซียวเฉวียนพลันเงยหน้าขึ้นมาด้วยนัยน์ตาเศร้าหมอง ทำเอาเว่ยชิงสะดุ้งไปในทันที ก่อนที่เขาจักเก็บพัดของตัวเองดัง “พึบ” พร้อมตะโกนออกมาว่า "บังอาจ! ช่างกล้านัก!"

ฉินเฟิงหวาดกลัวจนตัวตาย ทว่าเซียวเฉวียนหาได้มีท่าทีสะทกสะท้านไม่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามว่า "สังหารบิดาเจ้าข้าก็ทำมาแล้ว ข้ายังต้องนึกสนใจไยดีเจ้าด้วยหรือ?"

เซียวเฉวียนเงยหน้าขึ้นมองเว่ยชิงอย่างเงียบ ๆ

"เลือกเสีย"

ผ้าขาวและดาบจิงหุนต่างก็สามารถสังหารคนได้ เว่ยชิงรู้ดี

ทว่าพู่กันจักสังหารคนได้อย่างไรเล่า?

เว่ยชิงจับจ้องมองไปที่พู่กันจินหลุนเฉียนคุนด้ามสีแดงสด ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทีเยาะเย้ยว่า "เซียวเฉวียน เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้างั้นหรือ?"

ขอแค่เขาเลือกก็พอแล้ว เซียวเฉวียนยังคงนั่งจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ

ครั้งหนึ่ง เซียวเฉวียนมีชื่อเสียงจากบทกวีของเขาเอง

ในยามนี้ เซียวเฉวียนต้องการจักมีชื่อเสียงในด้านการต่อสู้

เว่ยชิงหาได้มีท่าทีสนใจไม่ "ข้าไม่เลือก เจ้าใช้มันทั้งหมดเลยสิ ข้าหาได้กลัวเจ้าไม่"

พูดจบ เว่ยชิงพลันนำตราประทับเหวินอิ้นออกมา

ฉินเฟิงตกตะลึงไปในทันที! เอาจริงหรือ!

หากว่านำตราประทับเหวินอิ้นออกมาแล้วละก็ การที่เซียวเฉวียนตกตายไปย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อยยิ่งนัก ทว่า เขาจักต้องถูกโยงมามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยน่ะสิ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย