เซียวฉวนยืนอยู่ด้านหน้าและคำนับ "โปรดรอสักครู่ ข้าคิดว่าคงจะมาถึงในไม่ช้านี้"
เหวินเจี้ยวหยู้พยักหน้า ยิ้มเล็กน้อยให้กับเซียวเฉวียน
คนอื่นๆ ต่างอิจฉา ตอนที่รับของกำนัล เขาไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าอะไรออกมา
"มาแล้ว! มาแล้ว!"
ทุกคนต่างรอคอยที่จะเห็นของกำนัลของเซียวเฉวียน ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเสียงดังพร้อมกับทำความเคารพที่หน้าประตูสถานศึกษา และสั่งให้คนหลายสิบคนตามเข้ามาพร้อมของบางอย่าง
"ระวัง อย่าให้กระแทกได้!"
คนที่มาคือเว่ยชิง เซียวเฉวียนมอบเงินให้เขาและขอให้เขาหาต้นท้อต้นพลัมในแคว้นแห่งนี้โดยบอกว่าจะนำไปมอบให้เหวินเจี้ยวหยู้
สองต้น? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เว่ยชิงไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่พี่เซียวจะต้องทำได้ดีอย่างแน่นอน แม้เซียวเฉวียนจะมอบเงินให้แต่เว่ยชิงไม่ได้ต้องการมัน และออกไปตามหา
เขาสั่งให้ผู้คนมองหาต้นท้อและต้นพลัมที่ดีที่สุดในบ้านไร่แถบชานเมือง เขามอบเงินเป็นจำนวนมากสำหรับต้นท้อต้นพลัม ถอนรากถอนโคนและนำมันกลับมาที่สถานศึกษาชิงหยวน
ต้นท้อและต้นพลัม?
ลูกหลานของตระกูลมั่งคั่งทั้งหลายที่อยู่ในสถานศึกษาผงะไปครู่หนึ่ง พวกเขารู้เพียงว่ามีบทกวีที่กล่าวชมลูกท้อลูกพลัม ซึ่งความหมายแฝงของมันก็คือความสวยงามของผู้หญิง
เซียวเฉวียนมอบต้นลูกท้อและลูกพลัมให้เหวินเจี้ยวหยู้ เขาต้องการบอกว่าเหวินเจี้ยวหยู้ดูดีอย่างนั้นหรือ? เหวินเจี้ยวหยู้เป็นผู้อาวุโส สมควรแล้วอย่างนั้นหรือที่ทำเช่นนี้?
เหวินเจี้ยวหยู้มองดูอย่างเงียบ ๆ เซียวเฉวียนหยิบกลอนคู่ออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วยื่นให้
เหวินเจี้ยวหยู้รับมันด้วยมือทั้งสองข้าง เปิดกลอนคู่และอ่านออกเสียง "ลูกท้อลูกพลัมมีอยู่ทุกที่ และฤดูใบไม้ผลิมีอยู่ทุกหนแห่ง"
เซียวเฉวียนทำความเคารพและพูดว่า "อาจารย์ ในบ้านเกิดของข้า ลูกท้อและลูกพลัมหมายถึงนักเรียน ลูกท้อและลูกพลัมสามารถพบเห็นได้ทั่วไปและฤดูใบไม้ผลิก็เป็นช่วงหนึ่งของฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า การสอนจะบรรลุตามสิ่งที่ต้องการ"
กลอนนี้เป็นที่มีชื่อเสียงในจีน ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง อาจมาจากกลอนพื้นบ้านตามเทศกาลฤดูใบไม้ผลิหรืออาจพูดกันปากต่อปาก จนเวลาผ่านล่วงเลยไป ก็กลายมาเป็นกลอนดังทุกวันนี้
คำในบทกลอนนั้นประณีต กระชับและเข้าใจง่าย
ถ้ามองผิวเผินคงมองว่าเป็นการยกย่องของเซียวเฉวียนที่มีต่ออาจารย์เหวินเจี้ยวหยู้ ความจริงแล้ว เหวินเจี้ยวหยู้คิดเสมอว่าทุกคนสามารถอ่านได้ และเขาเองก็สามารถสอนได้เช่นกัน
อี๋! เหล่าลูกๆของตระกูลขุนนางต่างยกพัดขึ้นมาโบก ก็แค่ต้นไม้ ไร้สาระเสียจริง!
กลอนคู่ของเซียวเฉวียนบอกเหวินเจี้ยวหยู้ว่าเขาไม่เพียงเข้าใจอาจารย์เท่านั้นแต่เขาจะช่วยให้อาจารย์บรรลุความปรารถนาอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในกลอนคู่ยังระบุไว้ว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า
ริมฝีปากของเหวินเจี้ยวหยู้สั่นไหว“จริงหรือ?”
"ขอรับ ฤดูใบไม้ผลิหน้า" เซียวเฉวียนพยักหน้า สายตาของเขาลุกโชนอย่างกับคบเพลิง
พวกเขากำลังสื่อสารอะไรกัน? พวกลูกหลานในตระกูลขุนนางต่างๆ ไม่เข้าใจ ต่างก็มองหน้ากันไปมา พลางคิดว่าพวกเราไม่ได้เรียนกลอนเดียวกันกับเซียวเฉวียนหรอกหรือ?
เหวินเจี้ยวหยู้ตัวสั่น "มา มาปลูกต้นไม้คู่นี้กัน!
แน่นอนว่าเขามองคนไม่ผิด!
เซียวเฉวียนฉลาดและรอบรู้ มีหัวใจที่บริสุทธิ์! ความปรารถนาของเขาราวกลับต้องการคว่ำท้องฟ้าและฝืนทะเล!
เขามีอายุเกินครึ่งของชีวิตแล้ว ถ้าความปรารถนาอันแรงกล้าของเขายังไม่บรรลุผล เขาคงจะเสียใจไปตลอดกาล
ตัวเขาเองไม่ได้คาดหวังว่าเซียวเฉวียนจะเข้าใจหัวใจของการเป็นอาจารย์ของเขาดีกว่านักเรียนคนอื่น ๆ ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากเข้ามามาศึกษาในที่แห่งนี้!
ดวงตาของเว่ยชิงเป็นประกาย ดูเหมือนเหวินเจี้ยวหยู้จะชอบต้นไม้สองต้นนี้มากตามที่พี่เซียวพูด! เขาโบกไม้โบกมืออย่างมีความสุขและสั่งให้ผู้คนเริ่มปลูกทันที!
ลูกหลานตระกูลขุนนางต่างประหลาดใจ นี้มันอะไรกัน?
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
พวกเขาไม่ได้เรียนในสิ่งที่เซียวเฉวียนเรียนอย่างนั้นหรือ? หยางจูกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ลูกๆ ของตระกูลขุนนางต่างตกตะลึง มองดูคนหลายสิบคนกำลังปลูกต้นท้อและต้นพลัม ทั้งทางซ้ายและทางขวาของสำนักศึกษา
เหวินเจี้ยวหยู้มีความสุขมาก ฉินหนานไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน ของกำนัลที่เขามอบให้คือภาพเขียนพู่กันพร้อมภาพวาดชื่อดังที่พี่สาวเลือกให้ นางบอกว่าเหวินเจี้ยวหยู้เป็นคนสง่างามและเรียบง่าย เขาไม่ชอบของแพง
เป็นเรื่องยากที่ฉินหนานและฉินเป่ยจะพบเหวินเจี้ยวหยู้ เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเหวินเจี้ยวหยู้ ฉินซูโหรวคัดเลือกภาพวาดที่มีชื่อเสียงหลายจากหลายพันฉบับ ขอเพียงแค่เหวินเจี้ยวหยู้พยักหน้าพึงพอใจก็พอ
ไม่ต้องพูดถึงภาพเขียนพู่กันพร้อมภาพวาดของฉินหนาน แม้แต่ไข่มุกราตรียังสู้ต้นท้อต้นพลัมที่มาพร้อมกลอนคู่พวกนี้ไม่ได้เลย
พี่เขยเก่งในการอ่านใจคน จนฉินหนานตามไม่ทัน!
ถ้าเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่เขาโกรธพี่สาวคงไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้จักมารยาท แต่เพราะเขาจงใจ!
ฉินหนานตกใจเมื่อความคิดนี้แล่นเข้าหัวมา พี่เขยไม่เพียงแต่ไม่กลัวตระกูลฉิน แต่พี่เขยไม่สนใจตระกูลฉินเลยต่างหาก!
เหวินเจี้ยวหยู้ชอบพี่เขย พี่เขยเองจงใจให้พี่สาวเกลียดเขา ที่เขาบอกว่าไม่ชอบตระกูลฉิน คงไม่ได้โกหก!
ในใจของฉินหนานรู้สึกสูญเสีย...
หลังจากมอบของกำนัลทั้งหมดแล้ว เหวินเขี้ยวหยู้บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไป ดังนั้นทุกคนจึงไปตามคำเชิญชวนของหยางจู ที่ภัตตาคารอันดับ 1 ในเมืองหลวง ตึกหมิงเยว่ยเพื่อรับประทานอาหารเย็น
ฉินหนานก้าวไปข้างหน้า ตบไหล่เซียวเฉวียนและพูดอย่างกระตือรือร้น "พี่เขย! พี่เขย!"
เมื่อวานฉินซูโหรวโกรธเซียวเฉวียน เพราะเขาแทงฉินเฟิง คนสมัยก่อนนั้นถ้าใครทำให้ครอบครัวขุ่นเคือง พวกเขาจะโกรธและตามฆ่าจนตายกันไปข้าง แต่ฉินหนานเป็นมีเหตุผล เขาดีกว่าสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ
ฉินเป่ยสู้ฉินหนานไม่ได้ ฉินเป่ยเองอยู่คนละระดับกับเซียวเฉวียน และตัวเซียวเฉวียนเองก็ทำให้หลายคนไม่พอใจ ตอนนี้พวกเขาต่างก็ไม่หันหน้าเข้าหากัน
"มีอะไรหรือ?" เซียวเฉวียนพูดอย่างเฉยเมย เขาพูดคุยกับเว่ยชิงมาตลอดทาง โดยไม่ได้สนใจฉินหนาน
"พี่เขย ท่านไปตึกหมิงเยว่ยไม่ได้! หยางจูจะต้องจัดการพี่เขยแน่! เขาไม่ใช่คนดี!" ฉินหนานพูดด้วยเสียงต่ำ "หยางจูดูไม่มีอะไร แต่เขาน่ารังเกียจมากจริงๆ!”
ฉินหนานซึ่งออกไปไหนมาไหนทุกวัน จึงรู้จักหยางจูเป็นอย่างดี
ใครๆก็รู้ว่าหยางจูเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดในเมืองหลวง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...