ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 73

ถ้าจะมีสิ่งใดที่คนโบราณให้ความสำคัญมากกว่าคนในยุคสมัยใหม่นี้แล้ว สิ่งนั้นก็คือหน้าตา (เกียรติ)

ช่วงเวลาที่เซียวเฉวียนมาอยู่ที่ต้าเว่ยนี้ เขาพบว่าไม่ว่าชาย หญิง คนแก่หรือเด็ก คนมีหน้ามีตาหรือคนปกติทั่วไป คนเหล่านี้ให้ความสำคัญต่อหน้าตายิ่งกว่าท้องฟ้าเบื้องบนเสียอีก

ใครมาทำให้หน้าตาของเขาเสื่อมเสีย ก็เท่ากับว่ามาฆ่าตัดชีวิตของเขาไปอย่างนั้นเลย

ต้นไม้มีชีวิตเพราะมีเปลือก คนมีชีวิตเพราะมีใบหน้า รักษาหน้าเป็นเรื่องควรทำ แต่ถ้าฝืนอยากได้หน้าก็อาจต้องได้รับโทษได้

หยางจูตั้งแต่เล็กจนโต ทุกสิ่งที่ต้องการจะมีคนสรรหาเอามาให้ถึงหน้าของเขา เป็นจอมอันธพาลอยู่ในบ้าน ไปอยู่ข้างนอกอยากได้อะไรก็ต้องเอามาจนได้ ไม่มีใครเคยเมินใบหน้าของเขา

ทุกคนรู้ว่าเขาอวดอ้างตนเป็นลูกชายหมายเลขหนึ่งของเมืองหลวง และเขาก็ไม่มีปัญหาที่จะทำตัวเกเรในเมืองหลวง

เพียงแต่ว่าเขาแสร้งทำเป็นคนสงบเสงี่ยมอยู่ตลอดเวลา แต่สันดานเดิมที่แท้จริงของเขานั้น บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดเขารู้ดี ถ้าใครทำให้หยางจูไม่สบอารมณ์ กลัวว่าจะไม่มีใครสามารถออกจากตึกหมิงเยว่ได้

เจ้าของร้านตัวสั่นและร้องขอความเมตตา "ท่านหยาง จะเรียกนางหมิงเยว่มานั่งเป็นเพื่อนมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่วันนี้นางหมิงเยว่ถูกจองตัวล่วงหน้าก่อนแล้ว เธอไม่มีบุญที่จะมารับใช้ท่านหยางจริงๆ เรื่องของวันนี้ทำให้นางต้องเสียโอกาส ฉันก็มิได้คิดว่าจะเกิดขึ้นอย่างนี้ ฉันต้องขอโทษด้วย"

เจ้าของร้านพูดแบบนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว ทำธุรกิจก็ต้องมาก่อนได้ก่อนตามคิวอยู่แล้ว

w❅ap.fengs★h✧u✸ge❊.info

หยางจูทำท่าไม่ยอม และเจ้าชายผู้สูงศักดิ์คนอื่นๆ ถึงกับตบโต๊ะบ่นว่า "ใครกล้าทำตัวโอ่อ่าเช่นนี้ ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตางั้นหรือ"

ตามปกติคนกลุ่มนี้จะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่เหนือเมืองหลวง ใครเป็นพวกของเขา ไม่กล้าต่อสู้กับพวกเขา บรรดาผู้ที่ไม่ใช่พวกเดียวกับเขา ก็ไม่มีสิทธิ์ไปสู้รบกับพวกเขา แล้วพวกเขาจะมีใครให้ต้องกลัวอีกละ?

เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมองชั้นสองและกระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย "นายน้อย ลดเสียงลง เบาๆ หน่อย"

ไม่ใช่ว่าเจ้าของร้านจะกลัว แต่คนๆ นี้ล่วงเกินไม่ได้จริงๆ

ตึกหมิงเยว่เป็นร้านอาหารที่ยินดีต้อนรับลูกค้าจากทุกทิศทาง ตราบใดที่พวกเขามีเงินก็สามารถเข้ามาได้

นอกจากพวกลูกหลานตระกูลขุนนางในเมืองหลวงแล้ว ยังมีผู้คนที่เร่ร่อนพเนจร จะมาดื่มเหล้ากันที่นี่บ่อยๆ

คนในราชสำนักและคนเร่ร่อนพเนจรเป็นมนุษย์ 2 ฝ่าย คนเร่ร่อนพเนจรมักจะเป็นโจร อัศวิน นักฆ่า และคนอื่นๆ ที่เล่นดาบเล่นปืน

พวกเขาออกหากินบนคมมีด อยู่อย่างสันโดษไปไหนมาไหนตัวคนเดียว ไม่มีภาระ อารมณ์เลือดร้อน ถืออาวุธฆ่าคนเป็นว่าเล่น พวกนี้ล้วนเป็นคนโหดเหี้ยม

เมื่อดาบอยู่ในมือ ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นคนธรรมดาหรือลูกหลานของผู้มีศักดิ์ศรีอำนาจ คนพเนจรอยู่ตัวคนเดียว ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ตายแล้วก็ตายไป ถ้าเขาฆ่าลูกหลานของผู้มีศักดิ์ศรีอำนาจตายไปคนหนึ่ง ก็มักจะรู้สึกว่า แม้ตัวเองต้องตายไปก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ก็เพราะเหตุนี้ คนรวยมีอำนาจกับพวกนักเร่ร่อนพเนจรจึงไม่ค่อยมีความขัดแย้ง เพราะต่างฝ่ายต่างดูหมิ่นซึ่งกันและกัน น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ดีที่สุดคือใครก็ไม่ไปยุ่งกับใคร

คนที่มาในวันนี้ก็คือนักพเนจรชื่อดังคนหนึ่ง มีฉายานามว่า ลุงเต๊า อาชีพหาเลี้ยงชีพของเขาก็คือฆ่าคน ใครจ่ายเงินให้เขา เขาก็ทำงานให้คนนั้น

นักพเนจรไม่รู้จักแยกแยะระหว่างความดีกับความเลว ถ้าเขาทำเงินได้ เขาก็เป็นนาย

ถ้าเขาหาเงินไม่ได้ เขาก็เป็นหมา

นักพเนจรฆ่าคนตาย ตราบเท่าที่ทางการไม่พบหลักฐาน นั่นก็คือทักษะอันยอดเยี่ยมของเขา ฝีมือฆ่าคนของลุงเต๊านั้นไม่เพียงแต่สะอาดหมดจด ยังไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ อีกด้วย

ลุงเต๊าฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ยังคงเอาตัวรอดได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทางการก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นักพเนจรทุกคนต่างยึดถือเขาเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

เป็นนักเร่ร่อนพเนจรทำได้ถึงจุดนี้ ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในอาชีพ

แน่นอนว่าลูกหลานผู้ร่ำรวยทรงอำนาจทั้งหลายก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของลุงเต๊า หัวใจของหานกุ้ย เกิดหนาวเหน็บเฉียบพลัน เขาเกลี้ยกล่อมหยางจูด้วยเสียงเบาๆ "นายน้อยหยาง ช่างมันไปเถอะ ไปต่อกรกับคนประเภทนี้ จะหาเรื่องใส่ตัวไม่จบไม่สิ้นนะครับ"

ลูกหลานผู้ร่ำรวยทรงอำนาจทั้งหลายเมื่อตะกี้ยังห้าวหาญอวดเก่งกันอยู่เลย พอได้ยินว่าเป็นลุงเต๊าแค่นั้นแหละดูเหมือนเป็นใบ้กันไปหมดแล้ว

"ช่างมัน?" หยางจูตะคอกอย่างเย็นชา "ในนี้ยกเว้นเซียวเฉวียนคนเดียว ใครค่าตัวไม่เป็นเงินเป็นทอง! เขากล้าฆ่าเรา? ถึงจะจะกล้า เราก็ยังมีผู้อารักขาอยู่ ทำไมเราต้องกลัวเขาด้วย"

ปลุกระดมก็ปลุกระดมไป ยังไม่ลืมที่มาเขม่นเซียวเฉวียนสักหน่อย

ทันทีที่หยานจูไม่อยู่ เหล่าสาวงามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รับเหล้ามาจากเซียวเฉวียน หลังจากคลายความตกใจ พวกเธอก็แสดงรอยยิ้มเบิกบานดั่งดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ "ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วงคะ"

เซียวเฉวียนลิ้มรสเหล้าพร้อมกับสาวงาม เว่ยชิงผู้ขะมักเขม้นเฝ้ามองที่หยางจูและคนอื่นๆ รายงานสดใส่หูของเซียวเฉวียนอย่างตื่นเต้น "พวกเขากำลังขึ้นบันได พวกเขาถึงแล้ว พวกเขาไปถึงหน้าของลุงเต๊าแล้ว”

ครั้งแรกที่เซียวเฉวียนถูกลอบสังหารในตรอก คนๆ นั้นก็คือพวกโจรเร่ร่อน

ตอนนั้น แม้ว่าเซียวเฉวียนเป็นแค่บัณฑิตในตำแหน่งเจี่ยเหยียน แต่เขาก็จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของการสอบที่จัดโดยจักรพรรดิ แต่พวกโจรก็ไม่เกรงกลัว ลงมืออย่างไร้ความปรานี

ถ้าไม่ใช่เพราะไป่ฉี เซียวเฉวียนคงตายอยู่ตรงนั้นไปแล้ว

พูดอย่างไม่เกรงใจ พวกนักพเนจรของต้าเว่ยเป็นพวกคนป่าเถื่อนจริงๆ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่สนใจชีวิต ไม่พูดถึงศีลธรรม ไม่รู้เรื่องกฎระเบียบ ไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าฐานะ เพราะเขาไม่มีฐานะใดๆ อยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อคำพูดของหยางจูจากชั้นสองดังลงมา เซียวเฉวียนแทบจะหัวเราะให้ตาย

หยางจูตะโกนว่า "คุณรู้ไหมว่าข้าคือใคร?

สำหรับนักพเนจร หยางจูคือใครไม่สำคัญ ในสายตาของลุงเต๊าแล้ว ลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้เป็นเพียงคนที่มีหัวกระโหลกตั้งอยู่บนคอก็เท่านั้น

ในห้องข้างๆ ลุงเต๊ากำลังกอดนางหมิงเยว่ชิมเหล้าอยู่อย่างเงียบๆ เดิมทีสาวงามกับสุราเป็นอะไรที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง จู่ๆ ไหนมีกลุ่มเด็กโผล่เข้ามารังควานซะงั้น

พอมองใกล้ๆ เป็นพวกลูกหลานตระกูลผู้มีอันจะกินในเมืองหลวงนี่เอง

ลุงเต๊ากอดเอวของหมิงเยว่อย่างแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นดูดุร้ายและน่ากลัว เด็กๆ ตระกูลร่ำรวยหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ยังมีผู้อารักขาอีก จะต้องมากลัวนักพเนจรอยู่คนเดียวนี่หรือ?

”ลุง ฉันกลัว”

สาวงามในอ้อมแขนเขามีคิ้วโก่ง เสียงที่นุ่มนวลทำให้หัวใจของลุงเต๊าละลายหมดสิ้น

มือที่หยาบกร้านของลุงเต๊าค่อยๆ เลื่อนไปบนใบหน้าที่บอบบางของเธอ “ไม่ต้องกลัว ฉันขอตัวแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวมานะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย