ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 72

ตึกหมิงเยว่เพรียบพร้อมไปด้วยอาหารครบครันที่ดีที่สุดของต้าเว่ย ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองรสนิยมตามปกติของลูกหลานในตระกูลขุนนางเท่านั้น แต่ยังตอบสนองรสนิยมที่ชอบลองของใหม่ของพวกเขาด้วย

หยางจูเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่และเจ้าของร้านก็รู้รสนิยมของเขาเป็นอย่างดี อย่างเช่นเมนู “จินป่างถีหมิง” (ขึ้นชื่อบนป้ายทองคำ) ก็เป็นเมนูพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับหยางจูโดยเฉพาะ

ระดับอาหารการกินของต้าเว่ยนั้นเทียบเท่ากับสมัยราชวงศ์ฉินของประเทศจีน

สมัยนั้นต้าเว่ยได้ประดิษฐ์หม้อแล้วแต่ไม่เคยใช้ผัดเลย เซียวเฉวียนคิดว่าตึกหมิงเยว่จะวิเศษวิโสแค่ไหน แต่ปรากฏว่าเครื่องปรุงรสยังคงเป็นเพียงกระเทียมและขิง แต่ถ้าเขาเอาไปผัดไม่เป็น ถึงมีกระเทียมและขิงก็ไร้ประโยชน์ มีเนื้อสักชิ้น นำไปต้มโดยเพิ่มต้นหอมและขิงลงไปนิดหนึ่ง ก็เหมือนกับข้าวที่บ้านตระกูลฉิน น้ำซุปจืดชืด

ต้าเว่ยดีกว่าราชวงศ์ฉินของจีนเล็กน้อย บุคคลชั้นสูงในต้าเว่ยกินเนื้อกินผักอย่างอุดมสมบูรณ์ ซึ่งแตกต่างจากราชวงศ์ฉินที่หาเนื้อสัตว์กินได้ยาก

แต่หยางจูชอบต้มเนื้อจนเละ เนื้อขาวๆ กับซุปน้ำคลุกรวมกันดูไม่น่ากิน ถึงแม้จะมีกลิ่นเนื้อก็ตาม เซียวเฉวียน ผู้ติดอาหารรสจัดๆ เห็นแล้วกลืนไม่ลงจริงๆ

หยางจู้...... อาหารมื้อนี้เอาไปเลี้ยงหมูยังพอไหวนะ! เมนูอาหารที่สั่งมาในวันนี้ เอาไปเทถังใส่เศษอาหารไว้เลี้ยงหมูดีกว่า

wap.f✬✴engs✿huge.i❄nf❅o

น่าสงสาร!

น่าสงสารซะเหลือเกิน!

ทุกครั้งที่เซียวเฉวียนกินอาหารมื้อใหญ่ที่คนสมัยโบราณภาคภูมิใจนักภาคภูมิใจหนานั้น เขาอยากจะลงมือทำด้วยตัวเองเหลือเกินเพื่อให้พวกเขารู้ว่าอาหารอร่อยจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร! อะไรที่เขาเรียกว่าเอร็ดอร่อย!

เฮ่ย...... เซียวเฉวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันแห่งการกินอาหารเสียบไม้ปิ้งไปแล้วไม่หวนกลับ

ที่ต้าเว่ยนี้ การศึกษาใช้ไม่ได้ อาหารใช้ไม่ได้ และเศรษฐกิจก็ไม่ดี พี่ใหญ่ที่มาต้าเว่ยคนก่อน อุทิศตนให้กับการทำดาบอยู่อย่างเดียว อย่างน้อยก็น่าจะปรับปรุงเรื่องอาหารการกินให้ดีขึ้นกับคนสมัยก่อนก็ยังดี!

เซียวเฉวียนถือตะเกียบนิ่งอยู่ตลอดเวลา ทุกคนกลอกตาเขา คนไม่เคยแม้แต่จะกินเนื้อสัตว์ ยังมาแสร้งทำเป็นผู้ดีมีมารยาทเพื่ออะไร? นี่ไม่ใช่จงใจไม่ให้เกียรติเห็นแก่หน้าของหยางจูหรือ?

หยางจูไม่สนใจ เขาแสร้งทำเป็นใจดีใจกว้างและพูดว่า "อาหารที่ดีต้องมีเหล้าที่ดีด้วย! มานี่! เสิร์ฟเหล้าหน่อย!"

หยางจูแกว่งร่างอ้วนตุ๊ของเขาอย่างภาคภูมิใจ โบกมือของเขาทีหนึ่ง เหล่าสาวโฉมงามก็นำเหล้าสิบกว่าไหมาเสิร์ฟ หลังเสิร์ฟเหล้าเสร็จ เหล่าสาวงามก็นั่งลงข้างๆ ของเจ้าชายทีละคน

เซียวเฉวียนจำไหสุราได้เพียงพริบตา ไชโย มันเป็นเหล้าของบ้านเราเอง

พ่อค้าหาบเร่สองคนนั้นทำการตลาดได้ดีมาก เหล้านี้สามารถขึ้นโต๊ะของหยางจูได้ จึงพิสูจน์ให้เห็นว่าเหล้านี้ได้รับความนิยมในเมืองหลวงแล้ว

”เซียวเจี่ยเหยียน เหล้านี้คุณต้องไม่เคยชิมมาก่อน เหล้านี้มีชื่อว่า “เหล้าฉงซู” เป็นเหล้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ไหละตั้ง 50 ตำลึง”

50 ตำลึง หยางจูพูดเน้นหนักมาก ลูกหลานตระกูลขุนนางที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างประหลาดใจ ครั้งล่าสุดที่พวกเขาซื้อมัน ราคาเพียง 10 ตำลึงเท่านั้น!

ในเมืองหลวงที่สามารถขายเหล้าได้ในราคาแพงขนาดนี้ มีอยู่แค่ร้านเดียวเท่านั้น!

เฮ้ พ่อค้าเร่สองคนนั้นรวยแล้ว ปั่นราคาจนถึงไหละ 50 ตำลึง แถมยังตั้งชื่อให้เหล้าอีกด้วย พวกเขาทำธุรกิจเก่งจริงๆ

เหล้าฉงซู น้ำเมาเลิศล้ำ อุ่นร่างคลายเครียด เซียวเฉวียนค่อนข้างพอใจกับชื่อนี้

คนพวกนี้ทุ่มเงินตั้ง 50 ตำลึงเพียงเพื่อแลกเหล้ามาหนึ่งไห หาเงินกับคนโง่นั้นง่ายจริงๆ

เมื่อเห็นเซียวเฉวียนนั่งเงียบ หยางจูก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า " 50 ตำลึง ก็ไม่ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ นะ!"

ถูกต้อง พ่อค้าสองคนนั้นสามารถขโมยจากลานบ้านของเซียวได้กี่ไหนั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเซียวเฉวียน

ช่วงนี้เซียวเฉวียนอารมณ์ดี สองพี่น้องก็สามารถขโมยได้วันหนึ่งแค่ 3 ไห เขาเก็บส่วนที่เหลือไว้ดื่มเอง เมื่ออุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคาเหล้าก็จะสูงขึ้นโดยปริยาย

เหล้าสิบกว่าไหของวันนี้ หยางจูได้สั่งคนไปเฝ้าดูที่ร้านในถนนจูเชว่นั้นทุกวัน แล้วเหมาซื้อเหล้าทั้งหมดมาทุกวัน

นิสัยเจ้าอิทธิพลของหยางจูนี้ ทำให้คนอื่นไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ในด้านการคบค้าสมาคม ถ้าคนๆ หนึ่งทำตัวสมบูรณ์แบบเกินไป คนอื่นจะกลับไม่อยากเข้าใกล้และไว้วางใจเขา และจะรู้สึกว่าคนๆ นั้นเป็นคนจิตใจคิดลึกยากที่จะเข้าใจ

ถ้าเซียวเฉวียนถือตัวอยู่ตลอดเวลา คนพวกนี้ก็จะพบจุดอ่อนที่แท้จริงของเขาในที่สุดและโจมตีเขา แทนที่จะทำเช่นนี้ จะเป็นการดีกว่าหากจะสร้างจุดอ่อนขึ้นมาเอง ให้พวกนั้นคิดว่าเขาเป็นคนบ้าระห่ำคนหนึ่ง

ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่กระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ยังสามารถปิดบังตัวเองได้อีกด้วย

ยิ่งกว่านั้น ผู้ชายปกติถนัดเรื่องกินเรื่องเที่ยว เซียวเฉวียนแสดงได้อย่างสมจริงสมจังมาก เมื่อเทียบกับฉินซูโหรวแล้ว สาวงามเหล่านี้ยังดูด้อยกว่าเล็กน้อยในด้านรูปลักษณ์ แต่พอไปวัดไปวาได้อยู่

ใน ktv สมัยใหม่ สาวๆ ขายดริ๊งค์นั้นเผ็ดร้อนยิ่งกว่าสาวงามเหล่านี้เยอะ พวกเธอยั่วยวนเหลือหลายสามารถจิกหัวใจของผู้ชายให้คันยิกๆ ได้ ประเพณีของชาวต้าเว่ยนั้นไม่ได้เปิดกว้างเหมือนสาวๆ ในศตวรรษที่ 21 สาวงามในร้านอาหารต้าเว่ยใจกล้าสุดอย่างมากก็แค่เปลือยแขนและหน้าท้อง พอแตะนิดแตะหน่อยก็หน้าแดงแล้ว

เซียวเฉวียนหลงใหลในสาวงามเช่นนี้ หยางจูหัวเราะก๊ากๆ ตบโต๊ะด้วยมืออ้วนๆ และเยาะเย้ยพร้อมกับคนอื่นๆ ว่าเขาไม่เคยเปิดหูเปิดตาเห็นโลกนี้มาก่อน "ที่แท้เซียวเจี่ยเหยียนชอบพอด้านนี้นี่เอง เด็กพวกนี้ยังไม่ดีพอ เจ้าของร้าน เรียกนางหมิงเยว่ออกมาหน่อยซิ!”

เจ้าของร้านซึ่งไม่เคยปฏิเสธหยางจูมาก่อน กล่าวอย่างลำบากใจว่า "นายน้อยหยางครับ วันนี้นางหมิงเยว่ไม่ว่างครับ"

เว่ยชิงโบกพัดและยิ้มกล่าวออกทางมุมริมฝีปาก "เจ้าของร้าน คุณจะไม่เห็นแก่หน้าคุณหยางเหรอ"

หยางจูตะคอกอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูหยีๆ ทั้งๆ ที่เริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เซียวเฉวียนกลั้นหัวเราะ ดื่มเหล้าของเขาไปพร้อมกับโอบไหล่หญิงสาวไว้

เมื่อเจ้าของร้านได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงและพูดว่า "ขอโทษครับท่าน คนๆ นั้น ผู้น้อยไม่กล้าล่วงเกินครับ!"

"ยังมีใครที่หยางจูล่วงเกินไม่ได้งั้นหรือ? ให้นางหมิงเยว่มาที่นี่เร็วเข้า!" นายน้อยอีกคนร้องตะโกน พ่อของหยางจูเป็นถึงหัวหน้าของรัฐมนตรีเก้ากระทรวง เหนือขึ้นไปอีกก็เป็นนายกรัฐมนตรี นายพลผู้ก่อตั้งประเทศ และจักรพรรดิ นอกเหนือจากนี้ ยังจะมีใครอีกที่ล่วงเกินไม่ได้?

เจ้าของร้านกัดฟันพูด "นายน้อย ฉันทำไม่ได้จริงๆ!"

เซียวเฉวียนหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นการเยาะเย้ยอย่างแรง

หยางจูและคนอื่นๆ รู้สึกเขินเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเชิญเซียวเฉวียนตระกูลอัตคัดมาทานอาหาร ยังไม่ทันได้กลั่นแกล้งเขา จะมาทำเสียหน้าเองต่อหน้าเขาได้อย่างไร?

หยางจูตบโต๊ะและตะโกน "วันนี้ฉันต้องการตัวนางหมิงเยว่! ไปเอาเธอมา! ให้เธอมาเร็วๆ !"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย