ดวงตาฉินหนานดูสดใสขึ้นมากเพราะความพึงพอใจของเขา ไอ้ห่า ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้มักหมิ่นประมาทผู้ชายในตระกูลฉินว่าได้แต่เล่นดาบเล่นมีดกัน ไม่มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรม วันนี้ พี่เขยสามารถกู้หน้าให้บ้านตระกูลฉินจงได้!
ฉินเป่ยประหลาดใจจ้องมองไปที่เซียวเฉวียน สายตาของเขาเปลี่ยนไป
ทุกคนมองหน้าซึ่งกันและกัน เซียวเฉวียนจะต้องได้เป็นอันดับหนึ่งบนกระดานอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฟ้าถล่มดินสลาย อัสนีฟาดกบาล!
❉w✻ap✪.fengshuge.in✮✰fo
เมื่อมีเซียวเฉวียนอยู่ ตระกูลฉินขนาดใหญ่โตนี้ ก็เหมือนเสือติดปีก!
หานกุ้ยและคนอื่นๆ ตกใจเป็นสุดขีด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจนัก แต่ฉินหนานได้หยิบยกใบหน้าของตระกูลฉินมาแสดงแล้ว สายตาแฝงด้วยแรงกดดันด้วย
พวกเขาก้มหน้าก้มตา ค่อยๆ คุกเข่าลงบนกับพื้น "วันนี้พวกเราพูดจากไม่มีมารยาท ท่านเซียวเจี่ยเหยียน เราเข้าใจคุณผิด โปรดยกโทษให้เราด้วย...... เรา นายน้อยสาม นายน้อยสี่ ยกโทษให้เราด้วย"
คำว่ายกโทษที่ออกมาจากปากอันสูงส่งของพวกเขา ราวกับมีน้ำหนักเป็นพันชั่ง แทบไม่ได้ยินว่าพูดอะไร
ฉินหนานและฉินเป่ยมีความสุขมาก ปกติมักจะถูกพวกเขาเบียดเบียนไม่น้อย คนกลุ่มนี้ได้แต่เออๆ ออๆ ต่อหน้าจูเหิง มีเฉพาะวันนี้เองที่ก้มศรีษะลงจนต่ำขนาดนี้!
ตรงกันข้าม เซียวเฉวียนกลับดูเฉยๆ เขาไม่ได้พูดขอโทษ และไม่ได้พูดจะให้อภัย เขาจิบเหล้าอยู่อย่างงั้น และคนพวกนั้นก็ต้องคุกเข่าอยู่อย่างงั้นมาตลอด
ในเวลานี้เจ้าของร้านรีบวิ่งออกมา "นายน้อย น้ำพร้อมแล้ว! จะต้มเซียวเฉวียนเมื่อไหร่"
โย่? ทำไมถึงคุกเข่าบนพื้นอย่างนี้? แค่แป๊บเดียว เกิดอะไรขึ้นนี่?
ดวงตาเซียวเฉวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา และหานกุ้ยสะบัดมือซ้ำๆ "เจ้าของร้าน หุบปาก!"
"คุณหาน ฉันไม่กล้าครับ! คุณหยาง ขอให้คุณสั่งมา เซียวเฉวียนก็จะต้องเจ็บสาหัสเหมือนกับคุณ!" เจ้าของร้านสาบานพร้อมกับท่าทางประจบสอพลอ
หยางจูขมวดคิ้ว ตระกูลฉินกดดันคนด้วยบารมี เซียวเฉวียนเอาชนะคนด้วยพรสวรรค์ เทียบยังไงก็เทียบสู้เขาไม่ได้!
บุคคลผู้นี้มีอัจฉริยภาพด้านวรรณศิลป์เป็นเลิศ ทั้งเชี่ยวชาญวิชาเลข ได้รับความชื่นชมจากพระองค์และครูบาอาจารย์ เขาจะมีอนาคตที่สดใสในอนาคตแน่นอน!
ยิ่งกว่านั้น เซียวเฉวียนวางแผนสู้รบกับใคร เขาสามารถรวมเอาชีวิตผู้คนเข้าไปด้วย! ซ่งเชียนเวิ่นและจูเหิงล้วนพลาดท่าเสียทีจากเขามาแล้วอย่างแสนสาหัส!
ล่วงเกินไม่ได้เลย!
ถึงเซียวเฉวียนจะไม่ใช่ลูกเขยของตระกูลฉิน ก็ควรหลีกเลี่ยงเมื่อพบปะบุคคลเช่นนี้!
เซียวเฉวียนน่ากลัวเพียงใด น่ากลัวน่าเกรงขามยิ่งกว่าลุงเต๊าที่ฆ่าคนมาอย่างนับหัวไม่ถ้วนซะอีก!
หยางจูกระซิบ “ช่างมัน ช่างมันไปซะ”
เจ้าของร้านตกตะลึง “นายท่าน ช่างมันงั้นหรือ ไม่นะ น้ำก็ต้มแล้ว ช่างมันไปหรือ?”
หยางจูหงุดหงิดมากจนเวียนหัว วันนี้ เจ้าของร้านตาเซ่อซะเหลือเกิน เขาไม่เห็นหานกุ้ยและคนอื่นๆ กำลังคุกเข่าไม่กล้าแม้แต่จะขยับอยู่นั่นเหรอ?
เขาตะโกนว่า "คุณตาบอดหรือไง คุณตาบอดหรือเปล่า ฉันแค่ล้อเล่น! แค่ล้อเล่นไม่ได้หรือ ตอนนี้ช่างมันไป ไม่ได้หรือไง?"
หูของเจ้าของร้านแทบแตก พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "ได้ ได้ ได้! ได้ ได้ ได้! นายน้อยว่าอย่างไง ก็ว่าตามนั้น"
ฉินหนานยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อก่อนตอนจูเหิงอยู่ คนพวกนี้เอาใจแต่จูเหิง ไม่เคยเห็นตระกูลฉินอยู่ในสายตาทั้งต่อหน้าและลับหลัง
พวกเขาลืมไปแล้วว่าตระกูลฉินเป็นตระกูลยศนายพลที่มีอำนาจสูงสุดในต้าเว่ย!
วันนี้ได้สั่งสอนพวกเขาไปรอบหนึ่ง ปลุกความเคารพเกรงกลัวของพวกเขาที่มีต่อตระกูลฉินได้ก็ถือว่าดีไม่น้อยเช่นกัน!
"มีคนจากตระกุลบ้านใหญ่กำลังจะมา!"
ตอนนี้ มีผู้อารักขาคนหนึ่งเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน หยางจูตาสว่างขึ้น "ใช่พ่อของฉันมาหรือเปล่า?"
ถ้าพ่อของเขามา มาดูกันว่าเซียวเฉวียนและเด็กๆ ทั้งหลายเหล่านี้ยังกล้าหยิ่งผยองอีกไหม!
"ที่มานั้นคือฉินเฟิง นายน้อยฉิน" ผู้อารักขาเห็นคนคุกเข่าเต็มไปหมด กล่าวอย่างลำบากใจว่า "คนในบ้านของพวกนายน้อยไม่มีใครมาครับ พวกเขาบอกว่าพวกนายน้อยต้องเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอยู่แล้ว......"
ผู้อารักขาเอ่ยคำว่า "ชัยชนะ" ด้วยเสียงที่เบาที่สุด
ทุกคนล้วนคุกเข่าอยู่เลย จะไปชนะผีอะไรอะ...
”คุณกำลังล้อเล่นกับฉันหรือ?” หยางจูส่งเสียงคำราม
"นี่เป็นคำพูดของคนในบ้านตระกูลนายน้อยเอง!" ผู้อารักขาพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ คนกลุ่มนี้ยิ่งไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน
ฉินเฟิงมาที่นี่ด้วยอารมณ์โมโหโกรธา ย่างเท้าเร็วอย่างพายุ ทันทีที่เขาเข้ามาถึง อย่างที่ว่า ตึกหมินเยว่อยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงชนิดดูไม่จืด
เซียวเฉวียนชี้ไปที่จมูกตัวเอง "เรียกฉันหรือ?"
”คุณไม่ได้มาจากบ้านตระกูลฉินหรือ?” ฉินเฟิงไม่พอใจมากและตะโกนว่า “คนที่แต่งงานกับน้องสาวของฉันคือผีงั้นหรือ”
มือของเซียวเฉวียนยังโอบรอบเอวของสาวงามอยู่เลย สาวงามดูหน้าเขินอาย ยั่วโทสะจนฉินเฟิงหน้าแดงก่ำ
เซียวเฉวียนยักไหล่ ไปก็ไป ก่อนจากไป ต่อหน้าสายตาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น เขายิ้มให้สาวงามอย่างอ่อนโยน ทำให้สาวงามก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ฉินหนานร้อนใจมาก เที่ยวนี้พี่สาวคงต้องตีขาพี่เขยให้หักจริงแน่เลย
เรื่องของตึกหมิงเยว่จบลงแล้ว เว่ยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อมองดูท่าทางหงุดหงิดของฉินเฟิงแล้ว พี่เซียวน่ากลัวต้องลำบากแน่ๆ
เจ้าหน้าที่แม้จะเที่ยงธรรมยังไงก็ยากที่จะไปตัดสินเรื่องในครอบครัวเขา เว่ยชิงก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน เขาเขย่าพัดและพูดกับเจ้าของร้านว่า "รีบส่งนายน้อยหยางกลับไปที่บ้านเถอะ อาการบาดเจ็บอย่างนี้......เชอะๆ ตึกหมิงเยว่และนายน้อยทั้งหลายต้องคิดดีๆ คิดให้รอบคอบว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้บ้านตระกูลหยางฟังยังไง"
เจ้าของร้านกลอกตาเกือบจะเป็นลม การค้าวันนี้ไม่คุ้มเอาซะเลย! ไม่ต้องพูดถึงว่าชั้นล่างตึกหมิงเยว่ถูกทุบตีจนป่นปี้ ยังเอาเหามาใส่เต็มตัวอีก!
ในห้องด้านข้างบนชั้นสอง อี้กุ้ยยิ้มเล็กน้อย พูดว่า "ดี"
”นายท่าน อะไรดีหรือคะ” หญิงสาวยังไม่หายตกใจ ยิ้มฝืนๆ แล้วรินเหล้าให้เขาหนึ่งแก้ว
”ตอบได้ดี” อี้กุ้ยทิ้งทองคำ 10 ตำลึงไว้ แล้วสะบัดแขนเดินจากไป
ตอนที่เซียวเฉวียนอธิบายตอบข้อสอบอยู่นั้น เขาได้รับฟังไว้ทั้งหมด
ดังนั้นเขาจึงเอาเยี่ยงอย่าง นำไปเล่าอีกรอบต่อหน้าจักรพรรดิ
”จริงหรือ?” จักรพรรดิวางหนังสือในมือลงแล้วเบิกตาขึ้น
"ครับ" อี้กุ้ยพยักหน้า อันที่จริง โจทย์ข้อสอบปีนี้ออกโดยอี้กุ้ย แค่อาศัยจักรพรรดิลงพระนามเท่านั้น
บรรพบุรุษของตระกูลอี้ชำนาญการสร้างดาบ แม้ว่าตระกูลอี้ไม่เคยเข้าวังรับราชการ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์และตระกูลอี้นั้นเป็นมิตรกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
"อืม ใช่" จักรพรรดิพยักหน้าอย่างชื่นชม "โจทย์ของคุณทำให้บัณฑิตในปีนี้กระอักกันไปทั่ว"
”ฝ่าบาททรงต้องการให้เซียวเฉวียนเข้าวังรับราชการเป็นขุนนาง ข้าพเจ้าแค่ช่วยฝ่าบาทผลักดันด้วยกำลังเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ทำให้คนอื่นลำบาก คงยากที่จะทำให้คนอื่นไม่มาใส่ร้ายว่าเซียวเฉวียนลอกข้อสอบ?”
"ช่วงนี้พวกลูกเต้าตระกูลผู้ดีอาละวาดมากไปหน่อย"
จักรพรรดิตรัสอย่างลึกซึ้ง ท่านและอี้กุ้ยมองตากันและกัน ด้วยสายตาที่ต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...