ไม่ใช่ว่าบทกวีหัก แต่เป็นเพราะผู้คนที่บังคับหางเสือไปตามทิศทางลม คิดว่าเซียวเฉวียนต้องสอบตกแน่นอน จึงมาหาว่าบทกวีนี้ไม่ดี
เมื่อถึงเวลาผลสอบประกาศออกมาแล้ว คนเหล่านี้ก็จะมีใบหน้าเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง
เซียวเฉวียนลูบหัวน้องสาว "ไม่ต้องร้องไห้ พรุ่งนี้หลังจากผลสอบออกมาแล้ว ก็จะมีคนมาแย่งซื้อกันอย่างหัวร้างข้างแตก ราคาสูงเท่าไรก็ยอม"
เซียวจิงสูดจมูก “ใช่!”
w❂✭❃ap.fengshuge.✼inf✰o
เซียวจิงไม่เข้าใจเรื่องบทกวี พี่ชายพูดอะไรเธอก็เชื่ออย่างนั้น
งานประกาศผลสอบ เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นในเมืองหลวง
การประกาศผลสอบระดับชนบทเป็นงานเฉลิมฉลองเฉพาะสำหรับคนท้องถิ่นในเมืองหลวง แต่บัณฑิตที่มาสอบระดับเมืองหลวงนั้นเดินทางมาจากทุกที่ทั่วแคว้นต้าเว่ย ในวันประกาศผลสอบคนทั่วต้าเว่ยจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยกัน
จวนตระกูลฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น
ฉินหนานละฉินเป่ยเคยได้ยินเซียวเฉวียนอธิบายตอบแก้ข้อสอบมาแล้ว รู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาตอบคำถามถูกสองข้อ บวกกับบ้านตระกูลฉินมีคนหนุนหลัง จึงไม่น่ามีปัญหาสำหรับพวกเขาสองคนที่จะติดรายชื่อบนกระดานผลสอบด้วยกัน
พวกเขาตื่นเต้นมาก จินตนาการถึงชื่อของพวกเขาติดอยู่บนกระดานรายชื่อ มันช่างยิ่งใหญ่อะไรกันขนาดนั้น!
มีเพียงคนเดียวที่ดูซึมเศร้า แอบร้องไห้อยู่ทุกวัน
ในวันที่ทุกคนร่าเริงมีความสุข พอฉินซูโหรวคิดถึงจูเหิงทีไร เธอรู้สึกเศร้าโศกและเสียใจ
”คุณหนูคะ เขาก่อเรื่องขึ้นแบบนี้ คงออกมาไม่ได้อีกแล้วละ อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”
จูเหิงถูกลดตัวเป็นนักโทษ อาเซียงไม่แม้แต่จะเรียกนายน้อยจูอีกแล้ว อะไรๆ ก็แค่เขาอย่างนี้เขาอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือคุณหนูแยกแยะความสัมพันธ์กับจูเหิงให้ชัดเจ็น หากมีอะไรพัวพันกันต่อไปอีก ใครจะรู้ว่าลุงเขยจะมาก่อกวนอะไรอีก?
”ลุงเขยคงอิจฉาริษยาแน่เลย แค่ว่าเขาไปนิดเดียว ลุงเขยยังดูใส่ใจคุณหนูอยู่นะ ล่าสุดที่ห้องบูชาบรรพบุรุษ หากลุงเขยไม่ใส่ใจคุณหนู เหตุใดเขาจึงดูเหมือนคนบ้า เอาเรื่องในมุ้งมาพูดกัน ผู้ชายรักหน้าถือตัว ไม่อยากบอกชอบคุณหนูมาตรงๆ อยากแกล้งคุณหนู เพื่อเรียกร้องความสนใจคุณหนู!”
อาเซียงเพื่อนร่วมทีมหัวหมู นางนี้วิเคราะห์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ฉินซูโหรว รู้สึกรำคาญ "อย่าพูดถึงไอ้สารเลวนี้! ตระกูลถังแตกอย่างเขาจะมาเปรียบเทียบกับตระกูลจูได้ไง มาใส่ใจฉันแล้วจะทำไม ชาตินี้อย่าหวังว่าจะเข้ามาในบ้านตระกูลฉินอีกเลย!”
อาเซียงเห็นว่าเธอยังโกรธอยู่ จึงรีบแต่งหน้าแต่งกายให้เธอ "เอาล่ะ ไม่สนใจคนงี่เง่าคนนี้อีกละ วันนี้เป็นวันที่ประกาศผล นายน้อยทั้งสองจะต้องสอบติดแน่ๆ คุณหนูจะไปฟังไม่ใช่หรือ พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้ได้เลย"
"อือ" ฉินซูโหรวในกระจกเต็มไปด้วยรูปโฉมอันสูงส่ง วันนี้เป็นวันที่รู้ผลเซียวเฉวียนสอบตก เธอต้องแต่งตัวเต็มยศเพื่อมาร่วมงาน
งานประกาศผลสอบกำหนดจัดขึ้นที่หอจืออี้ มีศาลเจ้าตั้งอยู่กลางหอจืออี้ ไม่มีอะไรตั้งไว้ถวายในศาลเจ้า มีแต่จุดเทียนบูชาสว่างอยู่ตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่ที่ประกาศรายชื่อจะอ่านจากล่างขึ้นบน จนถึงอันดับหนึ่ง แล้วประกาศให้ชาวโลกรับรู้ ทุกครั้งที่อ่านชื่อๆ หนึ่ง เทียนสีแดงหนึ่งเล่มก็จะถูกจุดไฟขึ้นในหอจืออี้
ขณะที่ผู้คนฟังรายชื่อ ในศาลเจ้าบางทีก็เงียบสนิทเหมือนป่ายามตะวันบ่ายคล้อย บางทีก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงประหนึ่งทหารกบฏเข้ากรุง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอารมณ์อันตึงเครียดในงานประกาศนี้ ทั้งฮึกเหิมและรุนแรง
การประกาศรายชื่อไม่เพียงทำให้บรรดาบัณฑิตตื่นเต้นเท่านั้น ผู้ร่ำรวยทรงอำนาจในเมืองหลวงก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ต้าเว่ยก็เช่นเดียวกับสมัยราชวงศ์ถังในประเทศจีน ชอบที่จะ "แสวงหาลูกเขยภายใต้กระดานรายชื่อ" พวกเขาจะเริ่มมองหาลูกเขยในอนาคตจากรายชื่อผู้สอบได้ที่ระบุในกระดานนั้น
รอให้พวกนี้สอบติดได้อีกครั้งในระดับราชวังในวันข้างหน้า สิ่งที่ได้มาพร้อมกับตำแหน่งที่ติดอันดับบนกระดานทองก็คือคืนแสงไฟในห้องหอของคู่บ่าวสาว
มีชื่อติดอยู่บนกระดานหมายความว่าสามารถคาดหวังอนาคตได้ อนาคตและสาวงามก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ไม่มีชื่ออยู่บนกระดานก็หมายความถึงการยุติเพียงเท่านี้ ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่มีใครมาสนใจถามหา
บัณฑิตที่ติดบนกระดาน จะรู้สึกดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
พวกที่ไม่มีชื่อบนกระดาน อารมณ์ตึงเครียด เป็นลมเป็นแล้งไปก็มีจำนวนไม่น้อย
เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะประกาศรายชื่อ หอจืออี้อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้ว
ลูกหลานของกระกูลร่ำรวยมีอำนาจและสาวน้อยในตระกูลที่มีชื่อเสียงก็มาเดินเบียดเสียดกันในฝูงชนเหมือนชาวบ้านทั่วไป เพียงเพื่อจะได้ยินชื่อของผู้สอบได้ในตำแหน่งอันดับหนึ่งในนาทีแรก
ฉินซูโหรวไม่คาดคิดว่าจะมีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ จนเธอไม่สามารถแทรกเข้าไปได้ เธอจึงได้แต่ยืนอยู่ที่ห่างๆ
บัณฑิตที่สอบมาแล้วทุกคนล้วนมาอยู่กันถ้วนหน้า ยกเว้นเซียวเฉวียนที่ไม่เห็นปรากฏตัว
ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาให้อาสือและไป่ฉีทิ้งงานกลั่นเหล้าไปก่อน เตรียมกล่องขนาดใหญ่ไว้สิบกว่าใบ พร้อมกันมุ่งไปที่บ่อนการพนันด้วยอารมณ์เบิกบาน
เมื่อเจ้าของบ่อนได้ยินว่าเซียวเฉวียนมา แรกๆ เขารู้สึกประหลาดใจ ผงะอีกที "มาจริงซะด้วย?"
เสมียนปิดปากและยิ้ม พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "มาจริงๆ ครับ นั่งอยู่หน้าโต๊ะพนัน ท่าทางเหมือนนักพนันไม่มีผิด ไม่เหมือนผู้ร่ำเรียนหนังสือแม้แต่น้อย"
ไม่เหมือนคนอื่นๆ เจ้าของบ่อนตกใจเล็กน้อย ทุกคนในเมืองหลวงลือว่าเซียวเฉวียนจะต้องสอบตก ไม่ต้องพูดถึงอันดับหนึ่ง กระดานก็ไม่ได้แอ้ม
นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนกล้าที่จะหลั่งไหลเข้ามาในบ่อน และหลายคนเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา เพียงแค่รอให้เซียวเฉวียนหลุดจากตำแหน่งอันดับหนึ่ง แล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นคนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน
ไพร่ชาวคุนหลุนของเขาแทง 500 ตำลึงเพื่อเดิมพันว่าเขาจะเป็นที่หนึ่งบนกระดาน เป็นทองคำเสียด้วย เจ้าของบ่อนก็รับรู้ในเวลานั้น แต่เพียงยิ้มเบาๆ คงคิดว่ามีคนโง่เขลาถึงขนาดไม่รู้จักตัวเองอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ ก็ดี ถึงเวลาทองคำ 500 ตำลึงนี้ก็จะตกเข้ามาในกระเป๋าของบ่อน
สิ่งที่น่ากลัวคือวันนี้ เซียวเฉวียนลุยเข้ามาที่บ่อนด้วยตนเอง
คนที่สอบตกติดต่อกันมาเป็นเวลาสามปี กลายเป็นม้ามืดที่ไม่มีใครคาดคิดในการสอบระดับชนบท แล้วสำหรับการสอบในระดับเมืองหลวงนี้ เขาจะมาสร้างเหตุการณ์สะท้านเมืองหลวงเป็นครั้งที่สองงั้นอีกไหม?
ไม่หรอกน่า เขาไม่เก่งวิชาเลข มือก็หัก คัดลายมือด้วยพู่กันก็ไม่สวย......
เจ้าของบ่อนหัวหมุนติ้วๆ เซียวเฉวียนมาอยู่ที่นี่ ไม่พูดอะไรสักคำ สันหลังของเขาเริ่มรู้สึกเย็น และเหงื่อเย็นก็ผุดออกมาเป็นหยดๆ
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันสรุปแน่นอน ยังมีครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลาประกาศ
ถ้าเซียวเฉวียนสอบได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งจริงๆ…...
อย่าว่าจะเอาบ่อนทั้งบ่อนนี้เลย รวมบ่อนทั้งหมดที่มีอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่พอมาใช้เขา ไม่พอใช้เขาจริงๆ!
เขาเข่าอ่อนทรุดลง เสมียนรีบพยุงเจ้าของบ่อนเอาไว้ "ใจเย็นๆ เขาสอบไม่ได้แน่นอน!"
”เขาแค่เดิมพันในบ่อนของเรา แล้วบ่อนอื่นๆ ล่ะ?”
”ไม่ได้ไป แค่มาบ่อนของเราที่เดียว” เสมียนเคยสืบได้ความมาแล้ว ไอ้หมอนี่ทุ่มทุกอย่างของเขาลงในขันที่เราที่เดียว
ถ้าเขาเป็นเซียวเฉวียน เขาจะเดิมพันเอาตัวเองได้ในบ่อนพนันแห่งนี้ แล้วเดิมพันตัวเองไม่ได้ในบ่อนอีกแห่งหนึ่ง ถึงเวลาไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตัวเองก็ไม่ต้องเสียอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...