กฎย่อมเป็นกฎที่ผ่านมาลู่หนิงหวังดูแลกองทัพราวกับบุตรชายของตนเอง แม้พวกเขาจะเคยทำผิด สิ่งใดที่เขาพอจะหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งได้เขาไม่เคยต่อว่า
คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่เขาพากลับจากชายแดนใช้ชีวิตเดนตายเยี่ยงตกอยู่ในนรกมากับเขานับสิบปี บ้านเดิมของพวกเขาทั้งพ่อแม่พี่น้องต่างได้รับการปูนบำเหน็จจนสุขสบาย
เขาเลี้ยงคนในกองทัพดุจญาติมิตรถึงเวลาตอบแทนเขาไม่เคยที่จะลังเล
หลายปีมานี้หากฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลทั้งลู่หนิงหวังและหานเซียวมักจะคิดถึงทหารใต้บังคับบัญชาก่อนเสมอ ทุกคนต่างได้ส่วนแบ่งอย่างยุติธรรมไม่ขาดตกบกพร่อง
เพราะมีแม่ทัพและรองแม่ทัพผู้ใจกว้างเช่นนี้แม้กองทัพของเขาจะขึ้นชื่อว่าโหดและเป็นกองทัพเดนตาย หากเข้าร่วมสงครามกับพวกเขาย่อมเท่ากับยื่นขาข้างหนึ่งสู่ยมโลกแล้ว
กระนั้นผู้คนมากมายก็ยังต้องการเข้าร่วมเพื่อหวังให้ครอบครัวที่ยากจนพลิกฟื้นจากความยากลำบาก
ถึงพวกเขาจะป่าเถื่อนทั้งยังเกเรกับชาวบ้านในบางครั้ง เมื่อถูกร้องเรียนทั้งหานเซียวและลู่หนิงหวังมักปกป้องยังยอมรับความผิดแทนทหารเหล่านั้นที่ตนเองปกครองไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง
ปกป้องคนของตนเองจนถูกขุนนางผู้อื่นร้องเรียนและไม่พอใจอยู่เสมอ คนพวกนี้ยังหาได้สำนึกอีก
การกระทำของพวกเขาในครานี้นอกจากจะละเว้นหน้าที่ยังเห็นคำสั่งและกฎเกณฑ์เป็นของเล่น
หากตัดเรื่องส่วนตัวและคิดเป็นเรื่องส่วนรวม ในฐานะที่เป็นผู้นำทัพของทหารกล้าเขาไม่อาจละเว้นผู้ที่ละเลยกฏและคิดชั่วในกองทัพได้
การเรียกรวมพลครานี้เพื่อต้องการให้ผู้อื่นเห็นว่าคนที่บังอาจขัดคำสั่งจะลงเอยเช่นไร
หนานอิงมองลู่หนิงหวังตาไม่กะพริบ วิธีการลงโทษคนของเขาคือสิ่งใด นางตื่นเต้นที่จะได้เห็นจนกำเสื้อของหานเซียวแน่น
หานเซียวจับมือของนางเอาไว้แล้วคลายออก เขาค่อย ๆ ประสานนิ้วเข้ากับนิ้วของนางทีละนิ้วสุดท้ายก็สอดนิ้วประสานส่งผ่านความอบอุ่นให้นางได้ในที่สุด แม้หนานอิงยังใส่ถุงมือของเขาอยู่กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากนิ้วมือของเขาที่ส่งผ่านออกมา
หานเซียวเอ่ยกับนางเบา ๆ
"เจ้าคอยดู หากเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินคนก็อย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด"
หนานอิงเห็นลู่หนิงหวังถีบคนทั้งสองจนตกลงไปด้านล่าง พื้นพิธีการยกสูงนักเพื่อให้ทหารห้าหมื่นนายมองเห็นพวกเขาได้เด่นชัดคนพวกนั้นที่ตกลงไปหนานอิงกลัวว่าจะคอหักตายเสียแล้ว
ท่ามกลางคบเพลิงที่ถูกจุดจนสว่างจ้าไม่น้อยไปกว่าเวลากลางวัน พลันเสียงของกลองดังรัวขึ้นคล้ายเป็นสัญญาณบางอย่าง
หานเซียวอธิบายให้นางเข้าใจ
"เสียงกลองนี้เป็นสัญญาณถึงการตัดสินโทษทหารที่ละเลยหน้าที่ โดยวิธีที่ในอดีตทหารเหล่านั้นร่วมกันคิดขึ้นมา"
"อย่างไรเจ้าคะ"
หนานอิงสงสัยยิ่ง จะลงโทษกันอย่างไรนะ
"ประเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็น ถึงจะเป็นการลงโทษทั้งนี้ก็ยุติธรรมยังให้โอกาสคนในการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย หากเอาชนะได้ก็รอดตายแต่หากแพ้ก็ต้องยอมแลกชีวิต"
ท่ามกลางความสนใจของทหารทั้งหมด ทหารสองคนที่ถูกถีบจนตกลงไปเบื้องล่างกระเสือกกระสนลุกขึ้น แต่พวกเขาถูกจับเอาไว้แล้วพาไปยังลานกว้างอีกด้านที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้แน่นหนาและหนานอิงยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
เสียงโห่ร้องพลันดังขึ้น คนสองคนนั้นกระเสือกกระสนพยายามที่จะหนีแต่พวกเขามีหรือจะหนีพ้น ทั้งสองคนถูกจับเข้าไปในลานกว้างประตูถูกปิดแน่นหนา ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกมาจากตรงนั้นได้
หนานอิงเห็นว่าอีกด้านหนึ่งของลานแห่งนั้นมีประตูที่ถูกปิดสนิทอยู่ แต่เดิมที่หนานอิงมาอยู่ที่นี่คราแรกนางเคยสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาเอาลานแห่งนั้นมาเป็นสนามฝึกซ้อมฝีมือก็ไม่ได้สนใจอีก
ที่จริงแล้วสถานที่แห่งนั้นยังใช้ทำสิ่งใดอีก หนานอิงถึงขนาดขยับกายมองด้วยความตื่นเต้น
นางเด้งกายขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงของลู่หนิงหวังตะโกนก้อง หานเซียวเองก็ลุกจากเก้าอี้เช่นกันร่างสูงนั้นยืนเคียงข้างนางอย่างสง่างาม
"ปล่อยเสือ"
สองคนที่อยู่ในนั้นท่าทางหวาดกลัวยิ่ง พวกเขาลนลานร้องขอชีวิตทั้งยังตะโกนก้องแต่เสียงยังดังน้อยกว่าเสียงทหารที่โห่ร้องจนหนานอิงรู้สึกปวดหู
เสือถูกปล่อยออกมาตัวหนึ่ง มันร้องคำรามอย่างน่ากลัว หนานอิงใจเต้นระรัวเมื่อเริ่มเข้าใจ
ลู่หนิงหวังและหานเซียวยกมุมปากแสยะยิ้ม ในขณะที่อ้ายเจิงหยิบพัดออกมาแล้วค่อย ๆ โบกพัดให้หนานอิงช้า ๆ
อีกไม่นานสตรีผู้นี้คงได้ร้อนจนเหงื่อซึมฝ่ามือ เกรงว่าเห็นภาพน่ากลัวอาจจะเป็นลมไปเสียได้
แต่แล้วมือของเขาพลันหยุดชะงักเมื่อหานเซียวแย่งพัดของตนไปโบกให้นางเสียเอง
"คนของข้าไม่ต้องลำบากท่านเลขา"
สายตาคล้ายกับจะกินเลือดกินเนื้อของหานเซียวนั้นทำให้อ้ายเจิงร้อง เห๊อะ ออกมาคำหนึ่ง
"คนขี้หึง ข้าหวังดีแท้ ๆ พัดก็ของข้าดูเถิดคนผู้นี้ไร้สำนึกทั้งยังจ้องข้าเหมือนข้าไปแย่งของของท่านมาเสียอีก เอาเถิดข้าไม่ยุ่งแล้วเลิกมองได้แล้ว ข้าขนลุกหวาดกลัวจะแย่อยู่แล้ว"
อ้ายเจิงส่ายหน้าทั้งเอ่ยประชดประชัน หานเซียวยังยกยิ้มเย็นให้เขาอ้ายเจิงสบัดหน้าอย่างแง่งอนและยอมล่าถอยออกจากสตรีผู้นั้น
"ไม่สำนึกบุญคุณคน การที่นางอยู่ข้างกายท่านในตอนนี้มิใช่เพราะข้าหรอกหรือ"
หานเซียวได้ยินแล้วแต่มิได้สนใจนัก เขาจะพล่ามสิ่งใดก็เรื่องของเขา กระทั่งอ้ายเจิงยอมล่าถอยห่างจากหนานอิง หานเซียวจึงคลายใจไม่มองคนผู้นั้นอีก สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนกลับมามองหนานอิงอย่างเอาใจใส่
อ้ายเจิงหัวเราะในใจ หานเซียวคนสองหน้า ปฏิบัติกับเขาอย่างกับหนานอิงอย่างช่างแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง เห๊อะ หากมีเรื่องเดือดร้อนอย่ามาอ้อนวอนขอร้องให้เขาช่วยอีกก็แล้วกัน
หนานอิงบัดนี้ก็ไม่ได้สนใจคนทั้งสองเช่นกัน นางเฝ้ามองการลงโทษจนตากลมโตไม่กะพริบแม้แต่น้อย
อาวุธถูกโยนให้ทหารสองคนนั้นเป็นหอกยาวคมกริบคนละด้าม เสือหนึ่งตัวกับทหารสองคนจึงเริ่มประจันหน้ากัน
เป็นครั้งแรกที่หนานอิงได้เห็นเหตุการณ์นี้นางจึงจับจ้องอย่างตื่นเต้น มือสั่นระริกเมื่อเห็นว่าเสือกระโจนเข้ามาหาพวกเขาทั้งคำรามอย่างน่ากลัว
ทหารสองคนท่าทางบึกบึนแข็งแรง แต่เสือตนนั้นก็กำลังวังชาดีมากคล่องแคล่วว่องไว ผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ
"นายน้อยพวกเขาจะรอดหรือไม่เจ้าค่ะ?"
บัดนี้นางไม่กล้ามองดูศพของคนสองคนนั้นที่กำลังถูกเสือกัดกินด้วยความอร่อยอีกต่อไปแล้ว
ถึงเขาจะบังคับให้นางมอง แต่ท้ายที่สุดแล้วลู่หนิงหวังก็ดันร่างของนางให้ซุกเข้ากับอกของเขาโอบกอดร่างของนางเอาไว้ให้หนานอิงพิงกายที่คล้ายจะยืนไม่ไหวอย่างมั่นคง
นางไม่เคยฆ่าคน นางไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้าต่อตาและยิ่งเป็นแบบที่โหดเหี้ยมเช่นนี้นางไม่เคยเห็นมาก่อน
หนานอิงเห็นเช่นนั้นก็คล้ายจะวิงเวียนเสียแล้ว นางอยู่ที่นี่มานับว่าได้ช่วงเวลาหนึ่งไม่เคยรู้ว่าลู่หนิงหวังจะเลี้ยงเสือเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นเสือที่กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร
พวกมันดูเหมือนแมวตัวยักษ์ที่แสนเชื่องตัวหนึ่ง ปากยังเต็มไปด้วยโลหิตของมนุษย์สด ๆ หนานอิงมองอย่างไม่เต็มสายตานัก นางแทบจะอาเจียนออกมาจึงได้แต่ซุกใบหน้าเข้ากับอกของลู่หนิงหวังในขณะที่มืออบอุ่นของเขาลูบหลังของนางอยู่
และมือของนางข้างหนึ่งก็ถูกหานเซียวจับเอาไว้แล้วยังลูบอย่างปลอบประโลม และครานี้ก็ถึงคราวของคนผู้นั้นที่หนานอิงแทงเขาจนบาดเจ็บ
เขาไม่ร้องขอชีวิต เขาคุกเข่าแล้วเอ่ยว่า
"ข้าไม่คิดมาก่อนว่าข้าที่เผชิญความตายมาในสนามรบอย่างยากลำบากจะสำคัญน้อยกว่าสตรีผู้หนึ่ง ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก"
ลู่หนิงหวังหัวเราะเสียงเย็น
"ใช่เจ้ามันน่าสมเพช กระทั่งสตรีตัวเล็กผู้หนึ่งยังแพ้แก่นาง เมื่อแพ้แล้วกลับพาลไม่ยอมรับกลับใช้วิธีสกปรกกับนางช่างไร้ศักดิ์ศรียิ่ง คนเช่นเจ้าไม่สมควรอยู่ร่วมกองทัพกับข้า เจ้ามันก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ไร้ค่าทำประโยชน์ไม่ได้อีกต่อไป"
ลู่หนิงหวังก้มลงเอ่ยกับคนผู้นั้นเสียงเย็นเยียบ
"โทษของคนที่บังอาจแตะต้องของ ๆ ข้า คือสิ่งใดข้าคงไม่ต้องพูดซ้ำแล้วกระมัง"
หนานอิงตาค้างแล้ว ยังมีสิ่งใดอีก ลู่หนิงหวังดันนางให้ออกห่างเป็นหานเซียวที่บัดนี้ยังจับมือของนางเอาไว้แล้วบอกนางแผ่วเบา
"เจ้าอย่ากะพริบตาเป็นอันขาด"
หนานอิงเชื่อฟังหานเซียว นางจึงไม่ยอมกะพริบตา ลู่หนิงหวังจับคนผู้นั้นให้ลุกขึ้นเขายืนตัวตรงใบหน้าซีดเผือด ถึงนางจะพยายามจ้องมองแต่หนานอิงกลับมองไม่ทันแล้ว เมื่อลู่หนิงหวังตวัดดาบว่องไว พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของคนผู้นั้นที่ดังขึ้น
นิ้วทั้งห้าของคนผู้นั้นบัดนี้ได้หลุดลงมากลิ้งอยู่บนพื้นเสียแล้ว เขาผู้นั้นกลายเป็นบุรุษไร้นิ้ว ทั้งยังถูกทำโทษต่อหน้าคนห้าหมื่นคน ทั้งอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
เขามองหนานอิงด้วยความแค้น เพราะสตรีผู้นี้ทำให้เขาต้องถูกตัดนิ้วต่อหน้าคนอื่น หนานอิงไม่รู้ตัวว่าตนเองอยู่ห่างจากคนผู้นั้นไม่มาก เลือดของเขาจึงสาดกระเซ็นมาแทบจะโดนตัวนางแต่ถูกลู่หนิงหวังใช้ร่างกายของตนเองบังร่างของนางเอาไว้
เขาไม่ยอมให้เลือดชั่วของบุรุษผู้นี้แปดเปื้อนตัวนางเป็นอันขาด
หนานอิงแทบลมจับ นี่คือความเหี้ยมโหดที่สุดในชีวิตที่นางเคยเห็นมา เลือดยังไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกตัดไม่หยุด ลู่หนิงหวังยังไม่สาแก่ใจเขาร้องสั่งเสียงเหี้ยม
"จับมันโยนให้เสือกิน"
ทหารผู้นั้นคือเหยื่ออันโอชะรายต่อไปของเสือตัวนั้น ยังเหลือคนสุดท้ายที่ลู่หนิงหวังบอกจะให้นางจัดการด้วยตนเอง
นายกองผู้นั้นที่เป็นคนคิดแผนการ นายกองจางผู้ที่เคยเป็นคนผู้หนึ่งที่ลู่หนิงหวังไว้วางใจที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...