ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P นิยาย บท 60

"เรียนฮูหยินคุณหนูห้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ"

ฮูหยินใหญ่ที่บัดนี้กำลังนั่งดูงิ้วอยู่ที่ลานชมการแสดงอยู่ในจวนสกุลหนานถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ 

"เจ้าว่าเป็นผู้ใดที่กลับมานะ"

บ่าวรับใช้ผู้นั้นกลับเอ่ยว่า

"คุณหนูห้าหนานอิงเจ้าค่ะ"

ฮูหยินใหญ่เมื่อได้ยินแน่ชัดกลับเอ่ยเสียงราบเรียบ ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อันใดออกมาแม้แต่น้อยทั้งที่หัวใจของนางเต้นระรัวเต็มไปด้วยความสงสัย นางผู้นั้นกลับมาได้อย่างไร

"เจ้าจำคนไม่ผิดใช่หรือไม่"

"ไม่ผิดเจ้าค่ะเป็นคุณหนูหนานอิงตัวจริง บัดนี้รออยู่หน้าประตูจวนแล้วเจ้าค่ะ"

ฮูหยินใหญ่กลับโบกมือแล้วเอ่ยว่า

"ไล่นางไปเสีย คุณหนูห้าสกุลหนานตายไปนานแล้วเป็นผู้ใดมากล่าวอ้างกัน หากนางไม่ไปก็ให้คนไล่ตีไปเสีย"

บ่าวผู้นั้นทำท่าอึกอักลังเล แต่เมื่อฮูหยินใหญ่เอ่ยเช่นนี้นางก็ได้แต่รับคำ นางยอบกายแล้วหันหลังกลับแต่ก่อนจะก้าวขาพลันฮูหยินใหญ่ผู้นั้นกลับเอ่ยขึ้น

"เดี๋ยวก่อนข้าจะไปดูเอง"

เดิมทีที่ได้ยินว่านางกลับฮูหยินใหญ่เองก็ประหลาดใจไม่น้อย ในวันนั้นที่หนานอิงถูกใครบางคนช่วยไปได้ทิ้งปริศนาให้คนสกุลหนานเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าคนที่เข้ามานั้นวรยุทธ์สูงส่งยิ่งนัก คนในสกุลหนานมากมายกลับไม่มีผู้ใดเห็นคนร้ายที่เข้ามาแม้แต่คนเดียว

เพราะเรื่องเป็นเช่นนี้ฮูหยินใหญ่จึงยุยงท่านหนาน ว่าคนที่เข้ามาช่วยนางอาจจะเป็นหัวหน้ากองโจรนั่นที่บังเกิดความเสน่หาต่อหนานอิง และคนพวกนั้นอาจจะแค้นเคืองและกลับมาเพื่อชิงตัวหนานอิงกลับไป

ท่านหนานในตอนนั้นรุ่มร้อนและมีโทสะเป็นอย่างมาก ยังก่นด่าหนานอิงว่าอกตัญญูสมควรตายไปเสีย ทำเรื่องเสื่อมเสียไม่พอยังพาโจรเข้ามาปล้นบ้านอีก

เพราะเหตุกังวลนี้ท่านหนานจึงได้ให้คนเฝ้าระวังที่นี่เป็นอย่างดี และหลังจากหนานอิงหายไปสกุลหนานกลับถูกโจรบุกเข้ามาอีกหลายครั้ง และทุกครั้งแม้พวกโจรจะทำการไม่สำเร็จแต่ความผิดนั้นล้วนถูกโยนให้หนานอิงอย่างไม่ต้องสงสัย

บัดนี้ท่านหนานจึงไม่เผาผีหนานอิงจริง ๆ แล้วทั้งยังจงเกลียดจงชังเข้ากระดูกดำเสียอีก กระทั่งมารดาของหนานอิงเสียชีวิตเขายังไม่สนใจ สั่งให้บ่าวนำไปฝังโดยไม่สนใจกระทั่งทำพิธีส่งวิญญาณ กลายเป็นศพไร้ญาติที่ไม่รู้ว่าถูกฝังอยู่ที่ใด เป็นฮูหยินใหญ่ที่โยนเงินเพียงน้อยนิดให้คนขนศพของสตรีผู้อาภัพไปทิ้งเสียให้ไกล

และวันนี้หนานอิงกลับมาแล้ว นางกลับมาได้อย่างไร กลับมาในสภาพใด บัดนี้ท่านหนานเองได้ไปสนทนากับท่านเสนาบดีจึงไม่อยู่ที่จวน

ฮูหยินใหญ่เองก็วางใจที่เขาไม่อยู่ กลัวว่าหากเป็นหนานอิงตัวจริงอาจจะทำให้คนผู้นั้นลังเล ถึงจะบอกว่าตัดขาดและเกลียดชังแต่อย่างไรก็เป็นบุตรสาวหากใจอ่อนขึ้นมาย่อมไม่ดีเป็นแน่

ไม่ว่านางผู้นั้นจะเป็นหนานอิงตัวปลอมหรือหนานอิงตัวจริงฮูหยินใหญ่ต้องไปดูให้เห็นกับตา

หนานอิงมาถึงจวนสกุลหนานในเวลาตะวันคล้อยลงเกือบเย็นย่ำ หิมะเริ่มตกลงมาข้างกายมีสาวใช้ผู้หนึ่งใบหน้าน่ารักดูบอบบางคอยกางร่มให้ การกลับมาสกุลหนานครานี้นางไม่ได้ให้ผู้ใดตามมา นอกจากสาวใช้ข้างกายและคนขับรถม้าผู้หนึ่งเท่านั้น

ก่อนนางออกจากจวนอ๋อง ลู่หนิงหวังและหานเซียวเดินออกมาส่งนางพร้อมกันแต่คนทั้งสองรู้เจตนาของนางแล้วว่าไม่ต้องให้คนติดตามจึงได้แต่ตามใจแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม

สาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางคือมือสังหารผู้หนึ่งในค่ายของลู่หนิงหวังนามลับว่าอาฉี ชื่อฉีตัวเดียวที่ไร้กระทั่งแซ่ หนานอิงรู้ดีว่ามือสังหารเหล่านี้ล้วนต้องการปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้

อาฉีผู้นี้เป็นลู่หนิงหวังที่คัดเลือกมาด้วยตัวเองเพื่อให้คอยคุ้มครองหนานอิง แต่หนานอิงในยามนี้ดูเหมือนว่าฝีมือของนางจะล้ำหน้ากว่าสตรีที่เขาคัดเลือกมาเสียอีก แม้จะมีอาฉีเพียงคนเดียวแต่ลู่หนิงหวังก็มั่นใจได้ว่าหนานอิงย่อมสามารถเอาตัวรอดได้เขาจึงวางใจได้มาก

"กลับจวนกั๋วกงเจ้าอย่าได้บุ่มบ่ามเข้าใจหรือไม่ อันตรายยิ่ง"

หนานอิงพยักหน้า หานเซียวใบหน้าละห้อยในขณะที่ลู่หนิงหวังรู้สึกราวกับว่าหานเซียวเหมือนมารดาผู้หนึ่งที่น้ำตาคลอคล้ายกำลังส่งลูกน้อยให้เข้าศึกษาและกำลังจากอ้อมอกของตนเป็นครั้งแรก จึงรู้สึกเวทนาน้องชายนัก

หานเซียวเจ้าเหตุใดอาการหนักเพียงนี้ นางก็เป็นเพียงแค่สตรีผู้หนึ่งเท่านั้นเจ้าจะใจอ่อนเกินไปแล้ว เสียทีที่เกิดมาเป็นน้องชายข้า

ลู่หนิงหวังตบหลังน้องชายค่อนข้างแรงเพื่อให้เขาได้สติ หนานอิงเองก็ส่ายหน้าเมื่อหานเซียวยังจับมือของตนเองแน่น อย่างไรก็ไม่ปล่อยให้นางขึ้นรถม้าเสียที

"นายน้อยไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตนเองได้เจ้าค่ะ"

หนานอิงเองก็รู้สึกไม่ต่างจากลู่หนิงหวัง นางเป็นภรรยาเขามิใช่หรือหาใช่บุตรสาวตัวเล็กอายุห้าขวบเสียหน่อย เหตุใดต้องทำท่าทางเช่นนี้ด้วย

ลู่หนิงหวังยืนกอดอกมองหนานอิงที่กำลังจะกลับสกุลหนานด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในขณะที่หานเซียวดึงนางเข้ามากอดเขาไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง ไม่ว่าบ่าวไพร่หรือทหารอารักขาจวนเขาย่อมไม่สนใจทั้งนั้น ในยามนี้มีเพียงหนานอิงที่เขาอาลัยอาวรณ์เพียงผู้เดียว

"อาเซียวเจ้าปล่อยนางไปเถิด นางมิใช่เด็กเสียหน่อย"

ลู่หนิงหวังตำหนิหานเซียว ตัวเขาเองก็มิได้สนใจนางเช่นกันหนานอิงเพียงแค่กลับจวนไม่นานประเดี๋ยวจวนอ๋องของเขาก็ส่งเกี้ยวเจ้าสาวไปรับนางกลับมาแล้ว

หานเซียวพยายามตัดใจปล่อยนางกลับไปในที่สุดทั้งเอ่ยเบา ๆ 

"ขยับมาใกล้ข้าเจ้าอยากกอดข้ามิใช่หรือ ก็กอดสิ ข้าไม่ถือสาเจ้าเลยสักนิด"

หนานอิงอยากจะหัวเราะนัก ผู้ใดอยากกอดเขากัน แต่เห็นหน้าตาละห้อยเช่นนี้แล้วพลันใจอ่อนขึ้นมา

เอาเถิดเพื่อไม่ให้เขาเสียหน้านางจึงขยับกายกอดเขาเสียหน่อย

หนานอิงยกแขนโอบรอบเอวของเขาในขณะที่หานเซียวเองก็สอดมือเข้ามากอดนางเช่นกัน เขาเชยคางไว้บนศีรษะของนางกอดหนานอิงนิ่งนาน

"เงยหน้าขึ้นสิ อยากจุมพิตข้ามิใช่หรือ ข้ารู้ว่าเจ้าอาจคิดถึงข้า เช่นนั้นข้าอนุญาต"

เรื่องจุมพิตหานเซียวต่อหน้าบ่าวไพร่ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของหนานอิงแม้แต่น้อย นางส่ายหน้าเบา ๆเป็นการปฏิเสธด้วยไม่อยากพูดเรื่องนี้ออกไป แต่กลับถูกหานเซียวจับปลายคางแล้วดันใบหน้าของนางให้เงยขึ้น

หนานอิงเห็นดวงตาเว้าวอนของเขาที่ปิดไม่มิดพลันหัวใจอ่อนยวบ นางมองไปที่คนรอบข้างบัดนี้บ่าวไพร่ล้วนก้มหน้ากันหมด พวกเขาไม่กล้ามองตั้งแต่หานเซียวดึงนางเข้ามาหาแล้ว

หนานอิงจึงทำใจกล้าคิดจะจูบเขาอย่างรวดเร็วเสียหน่อย เพราะเขาสูงมากตัวนางเมื่อเทียบกับเขาใบหน้าอยู่แค่ช่วงอกเท่านั้นหนานอิงจึงเขย่งเท้าขึ้นแล้วจูบที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ และรวดเร็วราวกับลมพัดผ่าน

หานเซียวย่นคิ้วทำหน้าไม่พอใจเขาบ่นนางเบา ๆ 

"สอนไปกี่ครั้งแล้วไยไม่จำ แบบนี้เรียกว่าจูบที่ไหนกันเล่า มาข้าใจดีจะสอนเจ้าใหม่คราวนี้จำให้ดีเข้าใจหรือไม่"

โดยที่หนานอิงไม่คาดคิด หานเซียวผู้ไม่สนใจเทวดาฟ้าดินกลับบดเบียดริมฝีปากของเขาลงมา หนานอิงคิดจะผลักไสแต่เขากอดรวบร่างของนางแนบแน่นจนไม่อาจขยับ

ริมฝีปากอบอุ่นและเปียกชื้นลมหายใจที่หอมสะอาดอีกทั้งจุมพิตที่อ่อนหวานนั้นทำให้หนานอิงเริ่มระทวย หานเซียวบดคลึงริมฝีปากอย่างช้า ๆ ทั้งยังไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ไล้เลียลิ้นชิมความหอมหวานของนางอย่างอ้อยอิ่งยิ่งนัก

เขาบังคับนางอย่างเปิดเผยและจริงใจให้เผยอปากออกปล่อยให้เขาล้วงลิ้นเข้าไปครอบครองทั้งสัมผัสความหอมหวานภายใน

หนานอิงถูกเขาคลึงจนขาเริ่มไร้เรี่ยวแรงแล้ว ในที่สุดนางก็ยินยอมลืมความอับอายไปเสียสิ้นเพียงอ้าปากเล็กน้อยลิ้นหนานุ่มของหานเซียวพลันแทรกเข้ามา

"อืม ดีจังเลยคนดีของข้า"

เขาครางแผ่วเบา แม้จะยืนอยู่หน้าจวนแต่ผู้คนในยามนี้หาได้มีผู้ใดกล้าผ่านไปมาด้วยมีทหารของเขาที่รู้หน้าที่ยืนล้อมพวกเขาอยู่ หนานอิงร่างเล็กบอบบางแทบจะกลืนหายเข้าไปในอ้อมกอดของหานเซียวแล้ว 

เมื่อเขาเว้นช่องว่างเล็กน้อย หอบหายใจหวานอยู่ชิดริมฝีปาก หนานอิงจึงได้สติบอกเขาแผ่วเบา

"นายน้อยสมควรพอแล้วเจ้าค่ะ หนานอิงต้องไปแล้ว"

"บังอาจเดี๋ยวนี้กล้าสั่งข้าเชียวหรือ"

เขากลับไม่ยินยอม หานเซียวบดเบียดริมฝีปากอย่างลึกซึ้ง หนานอิงเองรู้สึกอับอายจึงคิดผลักไสเขาแต่หานเซียวแรงมากกว่านางจับแขนของนางเอาไว้แน่น บังคับให้นางเปิดปากต้อนรับจูบนี้อีกหน หนานอิงเกรงว่ายิ่งสู้กันจะยิ่งชักช้าจึงยินยอมรับจุมพิตของเขาแต่โดยดี คิดว่าครานี้เขาคงจูบไม่นานกระมัง

เมื่อเห็นว่าหนานอิงโอนอ่อน หานเซียวจับศีรษะของนางเอาไว้ จูบนางจนแทบหายใจไม่ทันทั้งดูดดื่มและโหยหาอย่างบ้าคลั่ง หนานอิงถูกเขาบดจูบคลึงเคล้าทั้งสูดดมความหอมหวานในโพรงปากของนางด้วยปลายลิ้นเร่าร้อน 

 กว่าหานเซียวจะยอมถอนจุมพิตออกก็เนิ่นนาน ในยามนั้นหนานอิงก็ไม่เห็นลู่หนิงหวังแล้วและนางก็ถูกหานเซียวสูดลมหายใจจนแทบจะยืนไม่ไหวแล้วเช่นกัน บัดนี้จึงได้แต่แนบกายซบเขาอย่างจำยอม

หานเซียวก้มตัวเกยคางบนศีรษะของนางทั้งยังลูบศีรษะเบา ๆ อยางทะนุถนอม

"ข้าจะรีบไปรับ ที่นั่นอันตรายยิ่งอย่าใจร้อนเป็นอันขาดโอกาสของเจ้าใช่ว่าจะมีครั้งนี้ครั้งเดียว สำรวจจวนให้ทั่วเสียก่อนจะลงมือเมื่อไหร่ส่งสัญญาณ หากข้าไม่ส่งสัญญาณอนุญาตห้ามลงมือเข้าใจหรือไม่"

เขาบังคับให้นางอ้าปาก ทั้งยังบังคับให้ลิ้นของนางพัวพันกับลิ้นของเขาโดยไร้วาจา หนานอิงในยามนี้ร่างกายหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมเฉพาะกายของนางที่ทำให้คนลุ่มหลง อีกทั้งริมฝีปากของนางยังมีกลิ่นของชาดอกหอมหมื่นลี้จาง ๆ ทำให้คนผู้นี้ถึงกลับครางแผ่วเบา

มือของเขาลูบสัมผัสไปทั่วแผ่นหลังของนางทั้งยังกอดนางแน่นขึ้น จุมพิตของเขาเนิ่นนานกว่าจะปล่อยออก หนานอิงไม่รู้ว่าบัดนี้รถม้าได้หยุดจอดอยู่ยังตรอกแห่งหนึ่งแล้ว

เขายกร่างเล็กของนางมานั่งตักของเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเพื่อที่จะจุมพิตนางและลูบไล้นางได้ถนัดขึ้น ความอบอุ่นของร่างกายเมื่อแนบชิดกลับทำให้ภายในของหนานอิงเร่าร้อน

เขาจูบนางอย่างดูดดื่มและเมื่อถอนริมฝีปากออกมากลับมองหนานอิงนิ่งงัน ดวงตาคมของเขาที่มืดดำประดุจบ่อน้ำกำลังสั่นไหวระริก

"นายท่าน"

หนานอิงเอ่ยออกมาเบา ๆ นางย่อมคาดไม่ถึงว่าเขาจะมาดักปล้นจุมพิตจากนางระหว่างทางเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่อยู่หน้าจวนทำเป็นไม่สนใจแท้ ๆ 

หนานอิงอมยิ้มงดงามทั้งพร่างพราวราวดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า พลอยทำให้คนหรี่ตาและครางออกมาเบา ๆ มือเรียวของเขาประคองใบหน้าเล็กของนางเอาไว้ทั้งใช้หัวแม่มือไล้ที่แก้มของนางแผ่วเบา

"อิงอิง อีกครั้ง"

เขาเอ่ยจบพลันบดเบียดริมฝีปากลงมาอีก หนานอิงพบว่าจุมพิตครานี้รุกรานและรุนแรงขึ้น นางพลันสงสัยว่าเขาระงับใจไม่กระชากเสื้อผ้าของนางจนขาดได้อย่างไร เมื่อนางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ผงาดพองโตจนทิ่มแทงแก้มก้นของนางอย่างน่าตกใจ

ลู่หนิงหวังตวัดปลายลิ้นอย่างคล่องแคล่วกวาดชิมความหวานที่ยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของหนานอิงและยังหอมกรุ่นจากชาดอกหอมหมื่นลี้นี้อย่างลืมตัว เขาทั้งยังดูดเลียกลืนกินริมฝีปากนางจนเกิดเสียงดังขึ้นมา 

จุมพิตของลู่หนิงหวังครานี้ลึกล้ำและยาวนานกว่าเดิม เขาจูบจนแน่ใจว่าตนเองพึงพอใจแล้วจึงผละออก แต่เมื่อผละออกกลับพบว่าตนเองไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย

"อีกครั้ง"

เขาพูดประโยคนี้ซ้ำอีกแล้ว ที่หนานอิงทำได้คือตามใจเขานางมิได้ขัดขืนกลับตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ ร่างกายของลู่หนิงหวังร้อนราวกับมีไฟสุมอยู่ภายใน เขาจูบนางจนปากช้ำและกอดนางแนบแน่นจนร่างของหนานอิงแทบจะแหลกสลายเข้าไปในร่างของเขา

จนกระทั่งหนานอิงรู้สึกว่าเขาพอใจแล้วเขาจึงผละออก ใบหน้าของหนานอิงแดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมเล็กน้อย ลู่หนิงหวังใช้นิ้วสากระคายผิวของเขาลูบเบา ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"อยากตายหรืออย่างไรถึงกล้าลืมมีดสั้นของเจ้า หากเจ้าลืมอีกข้าจะ ข้าจะ..."

เขายัดมีดใส่มือนางแล้วจูบนางอย่างแรงยิ่ง ครานี้เขายังกัดริมฝีปากของนางจนหนานอิงรับรู้ได้ถึงความเค็มและกลิ่นคาวเลือดเล็ก ๆ ทั้งยังมีความเจ็บแสบเล็กน้อยที่ริมฝีปากของตนเอง

ลู่หนิงหวังถอนจุมพิตแล้วแลบลิ้นเลียแผลเล็ก ๆ ที่เขากัดปากของนางเบา ๆ ทั้งหมดเพื่อชิมเลือดของหนานอิง แม้นางจะเจ็บแต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยแต่กลับเกิดความพึงพอใจที่ลึกล้ำเมื่อปลายลิ้นนุ่ม ๆ ของลู่หนิงหวังสัมผัสบาดแผลของตน

ในยามนั้นหนานอิงยังนั่งนิ่งงันในมือมีมีดสั้นด้ามหนึ่ง เป็นมีดที่ลู่หนิงหวังสั่งให้คนทำให้นางโดยเฉพาะ มันมีน้ำหนักเบาและคมกริบทั้งยังพกพาสะดวก

แต่เพราะเป็นของใหม่นางซึ่งมีมีดสั้นของหานเซียวอยู่แล้วจึงลืมพกติดกาย มีดของหานเซียวเองก็ใช้เหล็กกล้าคุณภาพสูงทำขึ้นมา หนานอิงจึงติดเป็นนิสัยที่จะพกมีดเล่มนั้นเพียงเล่มเดียว

แต่ในยามนี้ลู่หนิงหวังกลับนำมันมาให้นาง ทั้งยังข่มขู่นางเสียด้วย หนานอิงยิ้มออกมาทั้งหัวเราะแผ่วเบา

"นายท่าน ท่านขู่ข้าด้วยสิ่งใด ด้วยจุมพิตหรือ?"

ลู่หนิงหวังถลึงตาใส่นางแต่หนานอิงกลับไม่กลัวเลยสักนิด ลู่หนิงหวังไม่เอ่ยสิ่งใดอีกเขาอุ้มนางไปนั่งที่เดิม ขยับกายว่องไวและหายไปอย่างรวดเร็ว หนานอิงอ้าปากทัดทานแต่ไม่ทันเสียแล้ว

ยามนั้นนางมองไม่ชัดนักนางคล้ายจะเห็นว่าใบหน้าเคร่งขรึมของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ หรือว่านางตาฝาดไปเอง ลู่หนิงหวังผู้นั้นหรือจะเขินอาย

หนานอิงหัวเราะออกมา นางรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก เมื่อลู่หนิงหวังออกไปแล้วรถม้าของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวมุ่งสู่จวนของหนานกั๋วกงผู้สูงศักดิ์ทันใด

 

 

เชิงอรรถ

^ ดินแดนทางใต้ของจีน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P