หรือว่า เขากับผู้หญิงคนนี้เกิดความรู้สึกกันจริงๆ
ในหัวก็แว็บความคิดนี้มา สีหน้าของชนัดพลเย็นชาในทันที
เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้
เขาก็หวังว่าให้นิวราไปแต่งงานกับภวินท์ทันที ถึงตอนนี้ไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ไม่คาดคิดมาเสียเวลาให้แผนการเขาล่าช้าเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้นญาธิดาผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้าตาสะสวยอีกด้วย เมื่อดูจากคำพูดและการกระทำของหล่อนเมื่อสักครู่นี้ บุคลิกดูสมบูรณ์แบบ ฉลาดแลม ผู้หญิงแบบนี้ อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนจะไม่ทำให้รู้สึกดีได้ยังไง แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะไม่ยอมให้หล่อนทำลายเรื่องของเขา
ชั่วพริบตาเดียววิกฤติก็ได้เกิดขึ้น แต่เดิมเรื่องในบริษัทก็เหมือนหินก้อนใหญ่ที่กดเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ญาธิดาคนนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันเข้าไปอีก
ส่วนภวินท์สุดท้ายแล้วจะสนใจญาธิดาหรือไม่ เขาต้องลองถึงจะรู้
ผ่านไป สามสิบนาที ญาธิดาถูกเรียกกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
ในช่วงเวลานั้น ชนัดพลที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าเคร่งขรึมจนน่าตกใจ
“ คุณญาธิดา ผมรอคุณยี่สิบนาทีแล้ว ยังไม่ได้ยินคุณรายงานความคืบหน้าล่าสุดให้ฉันเลย ” เขาชำเลืองมองหล่อนอย่างเย็นชา “ ทำงานชุ่ยชุ่ยแบบขี้เกียจเหรอ”
เดิมทีชนัดพลก็โกรธมากพอแล้ว เสียงดังเหมือนระฆังใหญ่ ตอนนี้เสียงก็ยิ่งดังขึ้น ญาธิดาตกใจจนเกร็งไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามอธิบาย “ขอโทษนะคะท่าน เมื่อกี้ฉันไปดูมาแล้ว คุณภวินท์ยังประชุมอยู่ ฉันเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่าน จึงไม่ได้รายงานกับท่าน แต่ฉันก็สังเกตสถานการณ์ทางนั้นอยู่ตลอดนะคะ......”
“ เฮ้อ ” ชนัดพลมองเธอด้วยหางตาอย่างเย็นยะเยือก “ ฉันดูแล้วเดิมแกก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ ยังมีคุณภวินท์ของพวกแก แน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลบฉัน”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ญาธิดาสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบอธิบายทันทีว่า “ ไม่ใช่นะคะท่าน คุณภวินท์ยุ่งมากจริงๆ..........”
“ ยุ่งเหรอ ” ชนัดพลโกรธเป็นอย่างมาก “ ฉันมาอยากจะรู้ว่าที่จริงเขายุ่งอะไร แม้กระทั่งพ่อตาในอนาคตคนนี้ยังไม่มีเวลาได้เจอเลย ” ในขณะที่พูด เขาก็ตบโต๊ะ ลุกยืนขึ้นมา เดินออกไปข้างนอก
เมื่อญาธิดาเห็นเช่นนั้น รู้สึกเกร็งกว่าเดิม รีบดึงเขาไว้ทันที “ รบกวนท่านรอต่ออีกสักนิดนะคะ”
ตอนนี้ภวินท์กำลังประชุมอยู่จริงๆ หากเธอไม่สามารถดูแลแม้แต่คนเดียวได้ จะไม่ให้เสียหน้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ภวินท์ก่อนจะไปได้มอบหมายไว้ชัดเจนแล้ว ให้เธอทำออกมาให้ดีๆ
ไม่ใช่เพราะเธอเพิ่งย้ายมาที่สำนักงานCEO ก็ทำงานชิ้นแรกที่เขาสั่งพลาดเสียแล้ว
ชนัดพลไม่พอใจ “ รอ ฉันคงรอไม่ไหวแล้ว”
ญาธิดาดักอยู่ข้างหน้าเขา ไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำยังไง จู่ ๆก็เหมือนจะนึกอะไรออก รีบโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้กับชนัดพล “ ขอโทษนะคะ เป็นเพราะฉันคิดไม่รอบคอบ เชิญท่านนั่งลงก่อน ฉันไปเชิญคุณภวินท์ให้มาพบท่าน”
ตอนนี้ สามารถถ่วงเวลาได้ก็ถ่วงไปก่อน
แต่ใครจะไปรู้ว่าพูดแบบนั้นกับชนัดพลไม่ได้เกิดประโยชน์เลย เขาโกรธจนไฟสุ่มอก เพิ่งจะนั่งลงบนโซฟา เมื่อเหลือบไปเห็นถ้วยน้ำชาที่มีชาอยู่บนโต๊ะ ไม่ลังเลที่จะยกมันขึ้นมา ยกมือปาใส่ญาธิดาเต็มๆ
เสียงดัง “ เพล้ง ” เป็นเสียงถ้วยชาที่แตก เสียงนี้เหมือนกับเสียงระเบิด และหน้าผากของญาธิดามีเลือดไหล
เธอไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย เมื่ออยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น คงจะหลบไม่ทัน ถ้วยน้ำชานั้นได้บาดตรงที่ขมับ เลือดสดไหลลงมาไม่หยุด บนใบหน้าเล็กๆที่ซีดเซียวไม่มีเลือดฝาดมีคราบเลือดไหลลงเป็นทาง ดูแล้วน่ากลัวเล็กน้อย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ญาธิดารู้แค่ว่ารู้สึกอุ่นๆบนศีรษะ จนผู้ช่วยลูกเกดได้ยินเสียงวิ่งเข้ามา ตอนที่ถามด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก เธอถึงรู้สึกเวียนศีรษะ
“ คะ…คุณญาธิดา”
ลูกเกดตกใจจนขาอ่อน ตอนที่หันไปชนัดพลที่มีสีหน้าเย็นชาอยู่บนโซฟา ก็ไม่กล้าถามอะไรไปมากกว่านี้ รีบถอยออกจากห้อง วิ่งไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
ญาธิดที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อฟังชนัดพลโกหกหน้าตายพูดจาซี้ซั้วแบบไม่รับผิดชอบ ดวงตาถึงกับถลึงโตทันที
เขาเอาแก้วปาใส่หัวของเธอแท้ๆ ไม่คิดว่า.......เขาจะไม่ยอมรับ
เธอหันไปมองภวินท์ด้วยความลุกลี้ลุกลน ใครจะไปรู้ว่าภวินท์มีสีหน้าที่ปกติ ไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย ใช้น้ำเสียงเรียบง่ายพูดกับเขาว่า “ เหรอครับ ขอโทษนะครับคุณลุง นี่เป็นเลขาคนใหม่ของผม ยังทำอะไรไม่คล่อง โปรดให้อภัยด้วยนะครับ ”
ชั่วพริบตาเดียว หัวใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของญาธิดา ก็ถูกตีเข้าไปอุโมงค์น้ำแข็งทันที
ตอนแรกเธอคิดว่า เมื่อเขาเห็นเธอได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อยต้องถามเธอกับเรื่องที่ผ่านมา คิดไม่ถึง เขาได้เชื่อคำพูดคนอื่นทั้งหมด ไม่เกิดความสงสัยแม้แต่น้อย
หัวใจสูบฉีดมากขึ้น ความเจ็บปวดอยู่ในใจได้แพร่กระจายไปทั่ว ญาธิดาหลบตา เก็บซ่อนอารมณ์
ในหูได้ยินเสียงผู้ชายสองคนคุยกัน
“คนในครอบครัวไม่ต้องเกรงใจกัน ให้อภัยอะไร วิน ฉันมีบางเรื่องจะคุยกับแก ตอนนี้มีเวลาว่างไหม”
“ว่างครับ คุณลุงตามผมมา ไปนั่งใกล้ๆห้องทำงานของผมกันก่อน”
“…….”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าออกไปไกล ญาธิดารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เป็นความเจ็บปวดใจในช่วงเวลาสั้นๆเกินกว่าบาดแผลที่ขมับ
เมื่อลูกเกดเห็นญาธิดายืนมึนงงอยู่ในห้องรับแขกอยู่คนเดียว รู้สึกเป็นห่วง รีบเดินมาข้างหน้าถามว่า “ คุณญาธิดา รีบจัดการแผลที่อยู่บนศีรษะสักหน่อยเถอะ รีบไปตรวจที่โรงพยาบาล เดี๋ยวจะติดเชื้อเอาได้นะ ”
ญาธิดามีสติ เพิ่งจะนึกออกว่าแผลบนศีรษะของตัวเองยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...