เธอยกมือขึ้น ไม่ทันรู้ตัวก็โดนที่ขมับ
ตอนที่นิ้วชี้แตะโดนเส้นเหนียวๆ รับรู้ได้ความเจ็บปวดที่บาดแผล เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตัวเริ่มสั่นโดยไม่รู้ตัว
ลูกเกดกระวนกระวายเล็กน้อย เตือนเบาๆว่า “ คุณญาธิดา แผลของคุณไม่สามารถชักช้าไปกว่านี้แล้ว เดี๋ยวจะเกิดแผลเป็น ”
ญาธิดาเงยหน้ามอง เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ความเจ็บปวดก็เปลี่ยนเป็นความอบอุ่น
เธอกับลูกเกดก็เพิ่งจะรู้จักกัน ยังไม่ถือว่าสนิท แต่หล่อนดูเป็นห่วงเธอมาก ส่วนภวินท์นั้น.....
เมื่อกะพริบตา เธอยังคงนึกถึงสายตาที่เย็นชาของชายหนุ่มเมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนว่าเธอเป็นแค่เลขาที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาที่ไม่สำคัญอะไร
ญาธิดามองไปที่ลูกเกด พูดเบาๆว่า “คุณลูกเกด เรื่องในบริษัทต้องรบกวนคุณแล้วละ ฉันไปโรงพยาบาลก่อนนะ”
ลูกเกดรีบพยักหน้า “ รีบไปเถอะ”
ญาธิดาหากระดาษทิชชูที่สะอาดเช็ดคราบเลือด กลัวทำให้คนที่ผ่านมาเห็นจะตกใจ ตั้งใจหาผ้าก๊อซติดบนปากแผลก่อน ถึงจะรีบเดินออกจากห้องทำงาน
เมื่อประตูเปิดออก เห็นเงาคนด้านนอกประตู เธอถึงกับตกใจ
“ คุณ......”
พายุรีบเดินตาม ก้มหัวลงเล็กน้อยพูดเบาๆว่า“คุณญาธิดา ผมจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาล ”
ญาธิดารู้สึกเกร็ง ขยับริมฝีปาก ผ่านไปสองวินาทีจึงพูดว่า “ ค่ะ ”
ตอนนี้ ในเมื่อพายุเป็นฝ่ายเสนอพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล เธอก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง
ระหว่างที่มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล รถวิ่งไปด้วยความเร็ว ใช้เวลาสิบกว่านาที ก็ถึงประตูด้านหน้าโรงพยาบาล
เมื่อเห็นโรงพยาบาลที่คุ้นตา ญาธิดาเกิดความลังเลเล็กน้อย
โรงพยาบาลนี้อยู่ใกล้กับบริษัทที่สุดแล้ว เป็นโรงพยาบาลที่(ดร.)ยติภัทรพักอยู่ เธอกลับรู้สึกกังวลว่าต้องเจอกับพ่อและแม่ ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาเห็นแผลที่ศีรษะของเธอ คงถามไม่หยุดแน่ๆ
ในเมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้ แผลที่อยู่บนศีรษะของเธอคงรีรอไม่ได้แล้ว ได้แต่ไปทำแผลก่อน
พายุส่งเธอที่ด้านนอกห้องทำแผล ดูเหมือนว่าจะตามเธอเข้าไปด้วย ญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย หันกลับมามองเขา “ คุณพายุ ขอบคุณมากที่มาส่งฉัน ต่อไปฉันอยู่คนเดียวได้ คุณกลับไปก่อนเถอะ ”
ท่าทีของเธอเย็นชามาก ท่าทีการพูดคุยแตกต่างจากวันก่อนที่คุยกับเขาที่ห้องทำงานอย่างสิ้นเชิง พายุรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เม้มปาก พูดเบาๆว่า “ คุณญาธิดา คือคุณภวินท์.......”
มีเสียงดังหึ่งๆในหัวของญาธิดา รีบมาดักข้างหน้าเขาและพูดแทรกว่า “ ฉันอยู่คนเดียวได้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เชิญกลับไปเถอะ ”
น้ำเสียงของเธอหนักแน่นและเย็นชา ที่เต็มไปด้วยความห่างเหิน
เมื่อพายุได้ยิน ก็เลยไม่บังคับอีกต่อไป พยักหน้า แล้วก็หันกลับไป
รอให้เขาเดินออกไปไกลๆ ญาธิดาจึงถอนหายใจโล่งออกมา
เธอไม่อยากได้ยินการมอบหมายงานที่เกี่ยวข้องกับภวินท์อีกแล้ว และไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากเขาทั้งนั้น ตั้งแต่อยู่ที่ห้องรับแขกเมื่อสักครู่นี้ ภวินท์กับชนัดพลดูเข้าขากันได้ดี ใจของเธอเย็นชาเกินพอแล้ว
เสียแรงที่เธอยังคิดแบบไร้เดียงสา ที่ภวินท์อยู่ใกล้เธอแต่ละครั้ง ช่วยเหลือดูแลเธอแต่ละครั้ง น่าจะยังสนใจเธออยู่บ้าง
แต่ความจริงกลับไม่ใช่ ไม่ใช่แม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเธอเลือดไหลเต็มศีรษะ น้อยใจถึงที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้านิวราหรือคนที่เกี่ยวข้องกับนิวรา เขาไม่มองดูเธอเลยสักนิด
เธอมองออกมาตั้งนานแล้ว คือตัวเธอเองที่โกหกตัวเองอยู่ทุกครั้ง
สูดหายใจเข้าลึกๆ ญาธิดาจึงเดินเข้าไปที่ห้องทำแผล
เมื่อคุณหมอเห็นแผลบนศีรษะของเธอ ขมวดคิ้วทันที “ คุณผู้หญิง คุณไปทำอะไรมา แผลที่อยู่บนหน้านี้ ถ้ารักษาไม่ดีจะเกิดแผลเป็น.... ”
ญาธิดากุมมือเย็นๆทั้งสองข้าง ได้ยิ้มเจื่อนๆกลับไป ไม่พูดอะไร
“ คุณลุง ผมขอแนะนำท่านสักนิด ในตอนนี้ ถ้าได้ขอโทษต่อสาธารณะ ให้เงินทดแทนกับแรงงานก่อสร้างเหล่านั้นก็เป็นวิธีเดียวสำหรับทางนี้ ถึงแม้ว่าผลที่ได้จะไม่เป็นไปตามแผน แต่ก็ดูเข้าท่ากว่าการที่จะไม่ทำอะไรเลย ”
ชนัดพลกระตุกคิ้ว สายตาเริ่มลังเล ในที่สุดท้าย ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ท่าทีของภวินท์ก็ทำเห็นได้ชัดขึ้น เขาจะไม่ให้การช่วยเหลือตระกูลวรโชติแน่ๆ แต่คนที่สามารถช่วยตระกูลวรโชติ มีแค่ตัวเขาเอง
ผ่านไปห้านาที ภวินท์ได้มองไปที่โซฟาที่ว่างเปล่าอยู่ตรงหน้า สายตาจ้องไปที่แก้วน้ำชาที่มีไอความร้อนลอยขึ้นมา
ดูจากสายตา และสีหน้าที่ค่อยๆเย็นลงทีละนิด จนสุดท้าย เหลือแค่แววตาสีหน้าหม่นหมองและเคร่งเครียด
เขาจะช่วยจิ้งจอกเฒ่าชนัดพลตัวนั้นได้อย่างไร ยังไม่พูดว่าก่อนหน้านี้ที่เขาทำเรื่องเหล่านั้นกับตระกูลวรโชติ ก็รวมกับวันนี้เขาก็ก่อเรื่องกับญาธิดา เขาก็บันทึกไว้ในบัญชีตลอด
ชายหนุ่มที่มีคิ้วขมวด ยกมือขึ้นมาโบก หยิบอุปกรณ์ชาบนโต๊ะที่ชนัดพลดื่มเมื่อสักครู่นี้โยนลงในถังขยะที่อยู่ข้างๆ
ญาธิดาได้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว บนหน้าผากมีเม็ดเล็กๆเหงื่อไหลออกมาเป็นทาง
ว่าแต่ แผลนี้ก็เจ็บใช้ได้อยู่เหมือนกัน
“ ได้จ่ายยาทาให้คุณไปหนึ่งหลอด รอแผลตกสะเก็ด คุณค่อยทาเบาๆ วันละสองครั้ง ”
คุณหมอได้กำชับอยู่สองสามประโยค ญาธิดาจดบันทึกไว้ทั้งหมด ถึงจะหยิบใบรายการสั่งยาไปล็อบบี้ชั้นหนึ่งชำระเงินและรับยา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุแผลที่อยู่บนศีรษะหรือไม่ จู่ๆ เธอรู้สึกสมองเลอะเลือนเล็กน้อย แขนขาอ่อนแรง ง่วงนอนมากๆ
เธอต่อแถวรับยาแล้ว หันกลับจะเดินไปที่ประตูทางเข้า จู่ๆ ก็มีเสียงอบอุ่นของผู้ชายดังมาจากข้างๆ
“ ธิดา”
เมื่อได้ยินเป็นเสียงที่คุ้นเคย ญาธิดาจึงหันไปตามเสียง ไม่คิดว่าธีทัตจะยืนอยู่ไม่ไกล มองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...