ญาธิดาตกใจเล็กน้อย ไม่มีกิริยาตอบโต้ ธีทัตได้เดินมาตรงหน้าเธอแล้ว ขมวดคิ้ว จ้องมองแผลที่ขมับ
“ คุณเป็นอะไร ทำไมถึงเกิดบาดแผล”
ญาธิดารีบปฏิเสธ ปิดบังไม่แนบเนียน พูดเบาๆว่า “ ไม่มีอะไร ซุ่มซ่ามเองค่ะ”
ธีทัตไม่เชื่อตามนั้น ยื่นมือไปจับเธอ ดึงเธอไปด้านนอกโรงพยาบาลทันที
ญาธิดาตื่นตระหนกเล็กน้อย “ คุณทัต.....คุณจะทำอะไร”
ธีทัตถามอย่างใจเย็นว่า “ หรือว่าคุณอยากให้คุณลุงคุณป้าเห็นคุณในสภาพนี้ใช่ไหม”
เพียงประโยคเดียว ทำให้ญาธิดาหายจากอาการง่วงนอนทันที
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ นิ่งไปชั่วครู่ เงยหน้ามองธีทัต พูดเบาๆว่า “นาย.....นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ธีทัตก้มมองเธอ แสดงน้ำเสียงอบอุ่น พูดเบาๆว่า “ ผมเพิ่งจะไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้า พวกเขาดีขึ้นเยอะเลย คุณไม่ต้องกังวล ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปเลยดีกว่า รักษาแผลก่อน ส่วนคุณลุงคุณป้าผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ถ้ามีอะไรผมจะบอกคุณแน่นอน”
ญาธิดารู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้าง พยักหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว เธอเงยหน้าขึ้น ขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ ขอบคุณมากเลยนะคะ ”
ชายหนุ่มที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ เค้าโครงหน้าดูไม่ชัด แต่กลับไม่บดบังใบหน้าที่อบอุ่นและรอยยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก เขายกมือขึ้นค่อยๆขยี้ที่ศีรษะของเธอ “ เพื่อนกันทั้งนั้น จะขอบคุณอะไร”
ญาธิดาได้ยิ้มกับเขา พูดเบาๆว่า “ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ เปลี่ยนเป็นการเลี้ยงข้าวคุณโอเคไหม”
ชายหนุ่มกระตุกมุมปาก ยิ้มสดใสออกมา เพียงไม่กี่วินาที สีหน้าดูเศร้าทันที “ ถ้าเห็นว่าผมเป็นเพื่อนจริงๆ ก็ไม่ควรจะปิดบังผมนะ ”
เมื่อญาธิดาเห็นเป็นเช่นนั้น จู่ๆ รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ขยับริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้รู้จะเริ่มพูดยังไง
เมื่อจับได้ว่าหญิงสาวมีสีหน้าที่รู้สึกลำบากใจ ธีทัตขยับริมฝีปาก ทำเสียงสูง “ ช่างเหอะ ไปกันเถอะ ไม่ใช่พูดว่าจะเลี้ยงข้าวผมเหรอ”
ญาธิดาเงยหน้ามอง เมื่อเห็นเขามีรอยยิ้มเป็นปกติก็ยิ้มตาม “ไปเถอะ”
สองคนเดินห่างๆกันออกไป อีกด้านหนึ่งของประตูทางเข้า พายุที่ยืนอยู่ตรงนั้น แววตาดูหนักแน่น
เรื่องนี้ ต้องรายงานตามความเป็นจริงกับคุณภวินท์แล้ว
ภายในห้องทำงานสำนักงานCEO
“ธีทัตเหรอ”
ภวินท์นั่งอยู่หน้าโต๊ะ คิ้วชนกันแน่น สายตาแสดงถึงความไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“ ใช่ครับ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปกินข้าวมื้อเที่ยงด้วยกัน และธีทัตก็ไปส่งคุณญาธิดากลับที่พัก”
มือของภวินท์ตั้งอยู่ที่โต๊ะได้กำแน่นโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกส่วนหนึ่งที่อธิบายไม่ชัดเจนได้ติดอยู่ในใจ
คิดไม่ถึง ญาธิดาที่ยังดูดีมีเสน่ห์ ไม่คิดว่าพอไปโรงพยาบาลยังได้เจอกับชายหนุ่มที่ตามจีบเธอ
เมื่อเห็นภวินท์มีสีหน้าไม่ค่อยดี พายุรายงานต่ออีกว่า “ แล้วก็ คุณญาธิดาได้ขอลาครึ่งบ่ายนะครับ”
ภวินท์ได้ทิ้งท้ายอย่างเย็นชาว่า “ ช่างหล่อนเถอะ”
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บในขณะปฏิบัติงาน ก็สมควรแล้วต้องพักสักครึ่งวันบ่าย เพียงแค่นึกถึงเธอออกไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่น จิตใจเขาก็วุ่นวายขึ้นทันที
เขายกมือขึ้นมากดหว่างคิ้ว เขาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง “ รายงานกำหนดการของช่วงบ่ายและช่วงกลางคืนมาหน่อย”
“ ครับ ตอนบ่ายมีรับรองแขกต่างชาติหนึ่งท่าน กลางคืนมีงานเลี้ยงหนึ่งงาน...........”
ในขณะที่ฟังพายุรายงาน ภวินท์ไม่มีสมาธิ ร่างญาธิดาที่มีเลือดสดไหลเต็มศีรษะก็วกไปวนมาอยู่ในหัว สุดท้าย เขายกมือขึ้นมาขยับเนกไทด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ พอละ ลงไปก่อนเถอะ”
พายุรับคำและเดินออกไป หลังจากที่ประตูปิด ทุกอย่างถึงสงบเหมือนเดิม
เขาเอนกายพิงไปด้านหลัง ถามหาความรู้สึกที่เอาแต่ใจตัวเอง หลับตาลง ทำใจให้สงบ
ดูเหมือนว่า ช่วงนี้เขาสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับญาธิดามากขึ้นทุกวัน
เขาขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่เป็นสัญญาณที่ดี
เวลาสามทุ่ม เสร็จจากงานเลี้ยง ภวินท์ออกมาจากห้องอาหาร สูดอากาศเย็นๆ ยังไม่อยากกลับบ้านพักเลย
เรื่องส่วนตัว
ภวินท์เม้มริมฝีปาก หน้าตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ เรื่องส่วนตัวอะไรละ”
ธีทัตถามแบบไม่เกรงกลัว ขยับริมฝีปากพูดว่า “ เกี่ยวกับญาธิดา”
ภวินท์ไม่พูดอะไร รอให้เขาพูดต่อไป
“ ฉันรู้ว่าคุณภวินท์กับญาธิดาเคยใช้ชีวิตด้วยกัน เรื่องที่เคยผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ฉันก็แค่อยากจะเตือนคุณภวินท์สักหน่อย ธิดาเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ฉันในฐานะเป็นเพื่อนของหล่อน ไม่อยากเห็นหล่อนต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง และไม่อยากเห็นหล่อนต้องเจ็บตัวเพราะสาเหตุนี้”
ภวินท์ถามกลับด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ ดังนั้น นายหมายความว่ายังไง”
ธีทัตพูดแบบสุขุมเยือกเย็นว่า “ คุณภวินท์ฉลาดแบบนี้ คงจะเข้าใจดีอยู่แล้ว”
ภวินท์มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร แม้แต่กิริยาท่าทางอื่นๆยังไม่ขยับเลย แต่ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็แสดงออกถึงความเยือกเย็นที่แผ่ไปทั่วร่างกาย ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
ความคิดของธีทัตจะยังไงเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาก็กำลังเตือนเขาแสดงถึงสถานะของตัวเอง ไม่ควรจะไปเกี่ยวพันกับญาธิดามากกว่านี้ การเตือนแบบนี้ ดูเหมือนกับว่าจุดยืนของแฟนหนุ่มญาธิดาพูดออกมาเป็นเรื่องปกติ
เขากำลังยั่วยุ ความยั่วยุที่เปล่งประกาย
ภวินท์เดินมาข้างหน้าครึ่งก้าว ประชิดเขา กระตุกมุมปาก “ ไม่รู้ว่าคุณธีทัตจะเตือนฉันในฐานะอะไรเหรอ”
ธีทัตขมวดคิ้ว ยังคงไม่พูดอะไร
ภวินท์ขยับปาก มีเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้นมา “ เพื่อนของญาธิดางั้นเหรอ แต่ทว่า ความสัมพันธ์ของฉันกับญาธิดาดูจะแน่นแฟ้นกว่านายที่เป็นเพื่อนคนนี้เยอะเลย”
ธีทัตถึงกับหน้าถอดสี ทนไม่ได้ เขาขมวดคิ้ว “ สนิทกันมากไหม ไม่เห็นว่าคุณจะอยู่ดูแลหล่อนตอนที่หล่อนได้รับบาดเจ็บเลยนี่”
วันนี้หลังจากที่เขาส่งญาธิดากลับแล้ว ก็รีบส่งคนไปสืบถึงสาเหตุที่ญาธิดาได้รับบาดเจ็บทันที หลังจากทุกอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็อดที่จะโมโหไม่ได้ และได้สะกดรอยตามภวินท์ มาหาที่นี่โดยตรง
ธีทัตยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ โมโหจนขาดสติ จึงพูดออกมาว่า “ หล่อนเพียงแต่เป็นอดีตภรรยาที่โดนนายทิ้ง และยังเทียบอะไรไม่ได้กับพ่อตาในอนาคตของนาย ใช่ไหมคุณภวินท์ ”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์มีสายตาเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด จู่ ๆก็ยื่นมือไปคว้าปกเสื้อของธีทัตไว้แน่น ด้วยความโกรธที่เกรี้ยวกราด “นายพูดอะไรนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...