สายตาของญาธิดามองตามร่างของชายหนุ่ม หัวใจพลันรู้สึกว่างเปล่า เป็นความอ้างว้างที่ไม่สามารถอธิบายได้
ธีทัตที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีของเธอก็รู้สึกแย่ตามไปด้วย
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยถามว่า “ใจคุณยังมีภวินท์อยู่ใช่ไหม”
ประโยคเดียวทำให้ญาธิดาตกใจในฉับพลัน เธอรีบหันกลับมามองเขาหน้าตาตื่นและส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่...เปล่าค่ะ”
แม้วาจาจะปฏิเสธ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ
เธอพูดพร้อมกับมองชายหนุ่มตรงหน้า กัดฟันอย่างต้องการจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก....
เรื่องเมื่อครู่ เธอค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้เพราะแรงกระตุ้นในใจ หรือเพราะอยู่ต่อหน้าภวินท์กับนิวรา เธอจึงตื่นเต้นจนตอบตกลงเขาไป...
อันที่จริงพฤติกรรมของเธอเมื่อครู่ มันมีความหมายในเชิงใช้ประโยชน์จากตัวธีทัตจริงๆ
ตอนนี้ขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก เธอจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
ธีทัตย่อมมองออกว่าเธอมีคำพูดที่อยากพูด และถึงขั้นเดาได้ว่าเธออยากพูดอะไร เขาจึงยิ้มให้เธอและพูดเสียงเบาว่า “สิ่งที่ผมพูดกับคุณต่อหน้าพวกเขาเมื่อครู่มันไม่ได้จริงจัง ผมแค่แกล้งทำเพื่อช่วยคุณตอนอยู่ต่อหน้าพวกเขา อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
ญาธิดาได้ยินแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าธีทัตจะนิ่งขนาดนี้ หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นในทันที จึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณ”
เขาช่วยเธออย่างไม่มีเงื่อนไขครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ร้องขอสิ่งใดตอบแทน ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ
ธีทัตยิ้ม “เอาล่ะ มันเย็นแล้ว พิธีหมั้นก็ใกล้จบลง ผมจะพาคุณไปทานอาหารเย็นแล้วไปส่งคุณที่บ้าน”
ญาธิดายิ้มและไม่ได้ปฏิเสธ ออกไปจากงานพร้อมกับเขา
หลังจากออกมาจากTK Hall ญาธิดาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ธีทัตพาเธอไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารเฉพาะทางที่อยู่ใกล้ๆ แล้วขับรถพาเธอไปส่งที่ประตูทางเข้าคอนโด
รถหยุดลง ญาธิดายิ้มพลางบอกลาธีทัต ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าคอนโดไป
ธีทัตนั่งอยู่ในรถ มองด้านหลังของหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
อันที่จริง สิ่งที่เขาพูดกับเธอต่อหน้านิวรากับภวินท์ในวันนี้ ทุกถ้อยคำล้วนเป็นความจริง ไม่มีคำใดเท็จเลยแม้แต่คำเดียว
หัวใจที่เขามีต่อเธอเป็นความจริงเสมอ
ชั่วพริบตาก็ถึงวันอาทิตย์ ญาธิดาไม่ทันได้มีเวลาพักผ่อนก็ไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากพาพ่อไปตรวจร่างกายแล้วพบว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นปกติ สภาพร่างกายเหมาะสมสำหรับการผ่าตัด ญาธิดาและปภาวีต่างถอนหายใจโล่งอก คอยอยู่เคียงข้างดร.ยติภัทรในการรอการผ่าตัด
การผ่าตัดมีกำหนดในวันอังคาร ญาธิดาจึงขอลาหยุดสองวันเพื่ออยู่กับดร.ยติภัทรตลอดทั้งวัน
ในวันผ่าตัด ญาธิดาเฝ้ามองพ่อถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด หลังจากหลายชั่วโมงแห่งการรอคอยที่แสนทรมาน ในที่สุดก็เห็นไฟสีแดงที่หน้าประตูห้องผ่าตัดเปลี่ยนเป็นสีเขียว ประตูเปิดออก คุณหมอเธียรชัยหัวหน้าศัลยแพทย์ออกมาก่อน
เธอรีบก้าวไปหา สีหน้าค่อนข้างซีด ขยับริมฝีปากเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ คุณหมอเธียรชัยมองเธอแล้วมองปภาวี ในที่สุดก็พูดด้วยความโล่งใจว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จ พวกคุณวางใจได้แล้ว”
ได้ยินสิ่งนี้แล้วญาธิดาก็ตื่นเต้นจนแสบจมูกอยากร้องไห้ เธอรอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน ตั้งแต่พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ เธอก็เริ่มพบพานกับความทุกข์ทรมานอันมากล้น ตอนนี้การผ่าตัดสำเร็จแล้ว มันหมายถึงการสิ้นสุดของความทุกข์ทรมาน และหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ! ขอบคุณมากค่ะ!”
ปภาวีเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน บอกขอบคุณคุณหมอเธียรชัยซ้ำๆ ตอนที่หันหน้ากลับไปหาญาธิดา ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา
เธอจับมือญาธิดาอย่างตื่นเต้น “ธิดา ในที่สุดเราก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!”
ญาธิดาพยักหน้ามองแม่ที่อยู่ตรงหน้า ในใจรู้สึกเต็มตื้น
ที่พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้ ปภาวีอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ดูแลด้วยใจอย่างดีที่สุดไม่เคยบ่นใดๆ เธอแทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเธอแก่ลงมาก
ธีทัตยิ้มและพูดกึ่งติดตลกว่า “เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่ผมรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษแบบนี้”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้
แม้ดร.ยติภัทรจะเพิ่งผ่าตัดเสร็จสิ้น ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่มาก แต่การได้เห็นพวกเขาพูดคุยหัวเราะกันอยู่รอบกาย ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่ภวินท์ได้รับการแจ้งจากคุณหมอเธียรชัยว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ เขาก็เคลียร์งานแล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที
ถึงอย่างไรดร.ยติภัทรก็เป็นอาจารย์ของเขา ทันทีที่การผ่าตัดประสบความสำเร็จเขาย่อมต้องรีบมาเป็นอันดับแรก
แม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่ใบหน้าของญาธิดากลับฉายแวบขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ภวินท์เดินไปตามทางเดินของแผนกผู้ป่วยใน และไปยังทิศทางห้องพักผู้ป่วยของดร.ยติภัทรอย่างคุ้นชิน
ใครจะรู้ว่ายังเดินไม่ถึงหน้าประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกันดังมาจากประตู เขาเดินแผ่วเบาไปที่ประตู เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังห้องพักผู้ป่วย
ในห้องนั้น ดร.ยติภัทรกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยมีปภาวีอยู่ทางซ้าย และทางด้านขวามีคนสองคนนั่งเคียงข้างกัน ญาธิดากับธีทัต!
บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความสุข เสียงพูดคุยหัวเราะไม่หยุดหย่อนดูกลมเกลียว
เป็นเหมือนครอบครัวสุขสันต์
หัวใจของภวินท์ตึงกระชับขึ้นทันใด ความรู้สึกแปลกๆ ครอบคลุมหัวใจ มือที่อยู่ข้างกายเขากำแน่นเป็นหมัดโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกแย่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ
ที่แท้ธีทัตกับญาธิดาก็มาถึงจุดนี้แล้ว มีการพบเจอญาติผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ขั้นต่อไปคงถึงการหมั้นหมายแล้วล่ะสิ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของภวินท์ก็ยิ่งระเบิดความโกรธ หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็หันหลังโดยไม่ลังเลและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าเขาเข้าไปตอนนี้ เขาจะกลายเป็นตัวทำลายบรรยากาศไม่ใช่เหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...