หลังจากเห็นภวินท์ออกจากโรงพยาบาลแล้วตรงขึ้นรถทันที พายุก็ค่อนข้างแปลกใจ
จากเวลาที่เขาเข้าไปจนกระทั่งออกมาใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ซึ่งมันเร็วเกินไป
เมื่อเห็นภวินท์มีสีหน้าเคร่งขรึมจนน่ากลัว พายุจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนความสงสัยกลับไป
ภวินท์เอ่ยสั่งเสียงขุ่น “ไปRambler Clubhouse”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาหลุยส์ “ออกมาดื่มกัน”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อภวินท์มาถึงที่หมาย หลุยส์ก็รออยู่หน้าประตูแล้ว เขาดวงตางัวเงียดูไม่ค่อยกระตือรือร้น
เมื่อเห็นภวินท์ลงจากรถ เขาก็เดินเข้าไปทักทาย “เพื่อน นายไม่รู้เหรอว่าเมื่อคืนฉันมีงาน”
ภวินท์มองเขาอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “ใครบอกว่าตัวเองไม่เคยยอมแพ้ด้านของมึนเมา ตอนนี้ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วหรือไง”
ทันทีที่หลุยส์ได้ยินก็หัวเราะออกมา “ยอมรับความพ่ายแพ้อะไร ฉันหลุยส์คนนี้ไม่รู้เลยว่าคำว่าพ่ายแพ้เขียนยังไง”
เขาก้าวเท้าเดินตามให้ทันภวินท์ สังเกตสีหน้าของเขา ทันใดนั้นก็หัวเราะและถามว่า “ใครยั่วโมโหนายเนี่ย สีหน้าโคตรแย่!”
ภวินท์ไม่ตอบ หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัวก็สั่งให้บริกรเสิร์ฟไวน์
หลุยส์ยิ้มและไม่ได้รีบร้อน เปิดขวดไวน์แล้วจิบมัน ก่อนจะพูดว่า “ช่วงนี้นายก็ไม่ได้มีเรื่องยุ่งอะไรแล้ว ปกติควรบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลถึงจะถูก”
ภวินท์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมา ส่ายโคลงของเหลวในแก้วพลางครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “นายไม่รู้สึกว่าช่วงนี้พวกเขาเงียบเกินไปเหรอ”
หลุยส์ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วพลันยืดหลังตั้งตรงขึ้นเล็กน้อย สีหน้าก็เริ่มจริงจัง “ถ้านายไม่พูดฉันก็ไม่รู้จริงๆ นอกจากการเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราวในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมื่อJแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
“ความแปลกมันอยู่ตรงนี้” ภวินท์สายตาค่อนข้างหนัก “แผนหลอกให้ตายใจ เป็นกลอุบายที่ติดเป็นนิสัยของพวกมัน”
“ฉันเข้าใจ กลับไปฉันจะให้ต้นจับตาดูให้ดี”
ทั้งสองคุยกันสักพัก หลังจากดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว หลุยส์เห็นว่าภวินท์ดื่มไวน์แดงหมดไปครึ่งขวดโดยไม่รู้ตัว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกว่า “วันนี้เป็นอะไร ดื่มมากขนาดนี้ ไม่กลัวว่ากลับไปจะถูกคู่หมั้นสอบสวนเหรอ”
แววตาของภวินท์เกิดประกายสลัวแวบหนึ่ง และขยับริมฝีปากเอ่ยขึ้นบางเบา “ฉันไม่ได้อยู่กับนิว”
หลุยส์สายตาวิบวับเล็กน้อย และเอ่ยถามว่า “นายคงจะไม่ ในใจยังมี...”
“มีอะไร” ภวินท์หันหน้าไปปะทะกับสายตาของหลุยส์ทันที
หลุยส์ยิ้มและไม่ได้พูดต่อ “ไม่มีอะไร”
โดยไม่รู้ตัว ค่ำคืนเริ่มดึกดื่น ทั้งสองคนดื่มไวน์กันไปมาก และยากที่จะพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระที่ปกติไม่ค่อยได้คุยกัน
สำหรับความผิดปกติของภวินท์ อยู่ในสายตาของหลุยส์ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนภวินท์ไปห้องน้ำ โทรศัพท์มือถือที่เขาวางไว้บนโต๊ะก็เริ่มสั่นไม่หยุดอีกครั้ง
หลุยส์เลื่อนสายตาขึ้นมอง กวาดนิ้วไปยังรายการแจ้งเตือนบนหน้าจอ และอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มมุมปาก
ในชั่วโมงที่ผ่านมา นิวราไม่รู้ว่าเธอโทรหาภวินท์ไปกี่สาย แต่เขาไม่รับเลย
หลุยส์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดรับสาย ไม่นานเสียงกังวลของสาวน้อยก็ดังมา “พี่วินคะ พี่อยู่ที่ไหน นิวรอพี่อยู่ที่บ้าน ทำไมพี่ยังไม่กลับมาอีกล่ะคะ”
หลุยส์ส่งเสียงหัวเราะออกมา “นี่ยังไม่ทันแต่งงานเลยนะ ก็เริ่มตามเช็คกันแล้วเหรอ มันไม่ค่อยดีเท่าไรเลยว่าไหม”
นิวราที่ปลายสายชะงักไป ไม่นานก็เอ่ยถามอีกครั้ง “คุณเป็นใคร”
“ผมเป็นเพื่อนเขา”
“ตอนนี้พี่วินอยู่ที่ไหน”
หลุยส์ตอบอย่างเฉยเมย “Rambler Clubhouse เรามาดื่มกันตามประสาเพื่อนนิดหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่นานก็กลับแล้ว”
พูดจบเขาก็วางสายไปทันที
พอดีกับที่ภวินท์ออกมาจากห้องน้ำ หลุยส์จึงยกโทรศัพท์มือถือในมือไปทางเขา และพูดติดตลกยิ้มๆ “ฉันรับสายให้นาย คงจะไม่โทรมาอีกสักพัก นายจะโทรกลับไหม”
ที่สำคัญกว่านั้น ภวินท์จะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอและรู้สึกว่าเธอไม่มีความเกรงใจและไม่มีความอดทน เป็นแบบนี้ เธอกับภวินท์จะเกิดช่องว่างระหว่างกันอย่างแน่นอน
การชั่งน้ำหนักในใจจะเกิดการเปรียบเทียบได้ชัดเจนขึ้นในทันที
นิวรากัดฟันระงับความโกรธในใจ อดกลั้นอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะค่อยๆ มีสติขึ้น “แล้วฉันควรทำยังไง”
“รอครับ” ชยินดวงตาเป็นประกาย “ตอนนี้ทำได้แค่รอเขากลับมา”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นิวราก็สูดหายใจเข้าลึก ค่อยๆ ครุ่นคิดเรื่องนี้ได้ชัดเจนแล้ว เธอพยักหน้าและพูดว่า “นายพูดถูก ฉันจะรอเขากลับมา! ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน!”
เธออยากให้ภวินท์รู้สึกผิดต่อเธอ มีแค่วิธีนี้ เธอถึงจะสามารถกุมหัวใจของเขาได้!
นิวรากลับมาที่ห้องนั่งเล่นและพูดกับคนรับใช้ในบ้านพัก จากนั้นนั่งในห้องนั่งเล่นรอภวินท์กลับมา
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ไฟในห้องโถงของบ้านพักดับลงเหลือเพียงโคมไฟตั้งพื้นข้างโต๊ะน้ำชา นิวราง่วงนอนและเกือบหลับไปหลายครั้ง
ทันใดนั้นเสียง “คลิก” ก็ดังขึ้น ประตูบ้านพักถูกเปิดออก
นิวราตื่นตัวลุกขึ้นทันที มองไปทางประตูและเห็นร่างดำสูงใหญ่
เธอใจเต้นแรง รีบเดินไปหา “พี่วิน...”
เพิ่งเดินไปสองก้าว อาจเป็นเพราะร้อนใจเกินไป เท้าของเธอจึงลื่นแล้วล้มลงพื้นไปกะทันหัน
ภวินท์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียง ยกมือไปเปิดไฟแล้วก็เห็นนิวราล้มลงอยู่บนพื้น
เขาขมวดคิ้วแน่น “นิว?”
ก้าวเข้าไปหาทันทีเพื่อประคองเธอขึ้นมา
นิวรารอเกือบทั้งคืน และในที่สุดก็รอจนถึงช่วงเวลานี้ เธอพุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของภวินท์และคร่ำครวญ “พี่วิน เจ็บจัง...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...