แค่ประโยคเดียว ราวกับสายฟ้าฟาด จนระเบิดข้างหูญาธิดาทันที
ภวินท์พูดออกมาเช่นนี้ หรือว่ากำลังสารภาพรักกับเธออยู่เหรอ?
หัวใจพลันเกิดความรู้สึกเกิดความสงสัยและตื่นตระหนก เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยื่นมือออกมาผลักภวินท์ทันควัน “อย่าล้อเล่นเลย มันไม่สนุกสักนิด!”
ร่างกายของชายหนุ่มราวกับกำแพง ที่ขวางอยู่ด้านหน้าของเธอ ผลักยังไงก็ไม่มีท่าทีขยับเขยื้อน ญาธิดาตกใจ จู่ๆ กำปั้นก็ลื่นไถลลง จนสัมผัสกับตำแหน่งใต้เข็มขัดของเขา
วินาทีนั้น อากัปกิริยาเธอชะงักทันที ร่างกายแน่นิ่งคล้ายว่าเป็นฟอสซิลไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอเหลือบมองบริเวณนั้นที่นูนออกมาของภวินท์ หน้าถอดสีจนถอยกรูดไปทางด้านหลังและหดตัวด้วยอาการตกใจ แต่ด้านหลังของเธอเป็นประตู และไม่มีทางหนีทีไล่อีกแล้ว
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางแหงนหน้าเหลือบมองภวินท์ พร้อมทั้งรีบพูดอธิบายทันควัน “ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ...”
เมื่อครู่เธอรีบร้อนเกินเหตุไปหน่อย เลยสัมผัสบริเวณพิเศษของเขาอย่างไม่ทันระวัง ใครเล่าจะรู้ว่าเขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ!
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ภวินท์ก็เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองดี เขาย่นคิ้ว กองเพลิงภายในร่างกายของเขาจุดประกายลุกโชนชัชวาล เขาย่นคิ้วหากันไว้แน่น จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา เพื่อคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งพูดเสียงต่ำ “ไม่ได้ตั้งใจเหรอ? ผมว่าคุณเหมือนตั้งใจนะ”
“เปล่านะ!” พอญาธิดาได้ยิน หน้าแดงระเรื่อทันที พร้อมทั้งพูดตะกุกตะกัก “ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคุณ!”
ภวินท์พึมพำในลำคอ พร้อมทั้งมองเห็นสาวน้อยพยายามเก็บงำอาการตื่นตระหนกอยู่ในก้นแววตา เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จู่ๆ ก็ดึงเธอมาทางด้านใน
ญาธิดาตกใจทันที แต่ยังไม่ได้แสดงอากัปกิริยาตอบโต้กลับ ร่างกายถูกดึงเข้ามา เธอตื่นตระหนกตกใจ จู่ๆ ก็รับรู้อะไรบางอย่างได้ จึงใช้เรี่ยวแรงในการดึงมือของตนเองให้หลุดออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม
เธอถอยหลังไปสองก้าวติดๆ และเหลือบมองภวินท์ด้วยความตื่นตระหนก พลางเอามือกอดอกไว้ และพูดอย่างระแวดระวัง “ภวินท์ คุณคงไม่คิดเรื่องบัดสีกับฉันอยู่ใช่มั้ย?”
พอภวินท์ได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ ไม่ได้แบ่งรับหรือแบ่งสู้แต่อย่างใด ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือว่าอย่างไรกันแน่ เขาชูมือขึ้นมาผ่อนปมเนกไทของตนเอง เพื่อคลายออก ราวกับวินาทีต่อมาจะดึงเนกไทออก และเริ่มถอดเสื้อผ้า...
ญาธิดาตกใจหนักกว่าเดิม ระบบประสาทตึงเครียดหนักขึ้น “ภวินท์ คุณอย่าทำอะไรผลีผลามนะ ไม่งั้นฉันจะแหกปากเรียกคนมา!”
พอภวินท์ได้ยินดังนั้น แววตาก็ฉายรอยยิ้มออก เขาเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งกระซิบพูด “มาขู่ผมถึงในห้อง คุณคิดว่ามันมีประโยชน์มั้ยล่ะ?”
ชายหนุ่มมีหลักการพอจึงไร้ความหวาดกลัวแต่อย่างใด พลางใช้ดวงตาดำขลับคู่นั้นจับจ้องมองเธอ ราวกับต้องการจะมองความนึกคิดที่อยู่ในใจของเธอให้ทะลุปรุโปร่ง
โดยไม่รอให้เธอเอ่ยปาก เขาก็ก้าวฝีเท้าเดินมาพุ่งเข้าหา และพูดกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อยู่ที่นี่ ถ้าผมเกิดอยากทำอะไรกับคุณจริงๆ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้หรอกครับ”
คำพูดประโยคที่เพิ่งพูดออกมาจากปาก จนทำให้ญาธิดาตกใจจนพูดไม่ออก ตอนที่เธอไม่รู้สึกว่าควรจะพูดอะไรออกไป จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ถัดมา ก็เป็นเสียงออดอ้อนดังขึ้น “พี่วินคะ อยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?”
เป็นเสียงของนิวรา!
ญาธิดาเป็นคนเฉลียวฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง พลันแสดงความดีใจ พร้อมทั้งตั้งสติได้อย่างท่วงที
เธอรีบหันมองภวินท์ที่อยู่ทางด้านข้างทันควัน โดยที่มีความมั่นใจในดวงตาเพิ่มมากขึ้น “นิวรามา”
นัยน์ตาภวินท์หม่นหมองลง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น พร้อมทั้งเหลือบมองญาธิดาอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นพริบตาเดียว ริมฝีปากบางก็เผยอเล็กน้อย “บัญชีในครั้งนี้เอาไว้ครั้งหน้าผมค่อยทบต้นทบดอกก็แล้วกัน”
เขาพูด พร้อมทั้งหันหลัง และเดินไปถึงประตู พร้อมทั้งเปิดประตูทันที
นิวรายิ้มหน้าบาน จังหวะที่เตรียมจะพูดอะไรบางอย่างนั้น ก็เห็นญาธิดาอยู่ด้านหลังของเขา สีหน้าหม่นหมองลงในบัดดล
“พี่วิน เธอ....”
โดยที่ไม่รอให้ภวินท์ตอบคำถาม ญาธิดากวาดตามองภวินท์ด้วยแววตาเย็นชา พร้อมทั้งพูดเสียงแข็ง “คุณภวินท์ เรื่องค่าเสื้อผ้าฉันจะให้คนโอนเงินให้คุณ ขอตัวก่อน”
จะตีสุนัขก็ต้องดูหน้าเจ้าของแหกตาดูบ้าง ในงานสถานการณ์เช่นนี้ พวกเธออยู่ในฐานะเพื่อนของเธอ การที่ตั้งใจทำให้ญาธิดาเกิดความลำบากใจ นั่นก็ไม่เท่ากับเอาโยนถังอุจจาระใส่หัวเธออย่างตรงๆ หรอกเหรอ?
ตอนที่เธอกำลังโมโหจนพูดไม่ออกนั้น จู่ๆ ชายหนุ่มที่นั่งสงบเสงี่ยมหนักแน่นราวกับภูเขาอยู่ทางนั้นก็แหงนหน้าขึ้น สายตาเย็นเฉียบ “นิว ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของคุณย่า ถ้าทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต คุณคิดบ้างไหมว่าควรจะจัดการกับเหตุการณ์นี้ยังไง?”
หัวใจนิวราบีบรัดแน่น ความดื้อรั้นทุกอย่างอยู่ในในใจพลันมลายหายไปทันที “ฉัน...พี่วินคะ ขอโทษ...”
คำขอโทษที่เพิ่งจะกลั่นกรองออกมาเมื่อครู่ยังไม่ได้พูดออกมาเลย จู่ๆ ภวินท์ก็ยกมือขึ้น เพื่อห้ามคำพูดของเธอเอาไว้ พลันหันมองไปทางด้านข้าง พร้อมทั้งพูดเสียงเย็นเฉียบ “เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ถือว่าปล่อยผ่านไป”
เขาชะงักเล็กน้อย พร้อมทั้งใช้แววตาจับจ้องมองเธอตรงๆ “แต่ คุณจำเอาไว้นะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าไปหาเรื่องญาธิดาอีก”
คำพูดประโยคเดียว ราวกับมีค้อนหนัก พุ่งเข้ากระแทกหัวใจของนิวราเต็มแรง วินาทีนั้น ความอัปยศอดสู น้อยเนื้อต่ำใจ ความอิจฉาโกรธเกลียดทั้งหมดทั้งมวลมันพลุ่งพล่านขึ้นมา เธอกัดฟันเอาไว้ และเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงมันออกมา
การที่ถูกสามีของตนเองมาตักเตือนว่าไม่ให้ไปยุ่งกับศัตรูหัวใจของตัวเอง ความรู้สึกเจ็บใจเช่นนี้มีแค่เธอนี่แหละที่สามารถเข้าใจได้
สุดท้ายแล้ว เธอก็ฝืนคลี่ยิ้มออกมา พลางเหลือบมองภวินท์และพูดขึ้นมา “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ พี่วิน”
เมื่อภวินท์ได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งลุกขึ้นยืน และมองมาทางเธอ สีหน้ายังคงไร้ความหวั่นไหวใดๆ “ไปกันเถอะ คุณย่าน่าจะรอพวกเราอยู่”
นิวราพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งแสร้งทำหน้าตาเชื่อฟัง เพื่อเดินออกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นเคียงคู่กับภวินท์ต่อ
เวลานี้ ถึงแม้ว่าเธอใกล้จะระเบิดอารมณ์ความโกรธเคืองอยู่รอมร่อ แต่ก็ไม่มีวันแสดงออกมาอย่างแน่นอน!
เธอเดินออกมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ตอนที่ภวินท์โดนคนล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อชนแก้วนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเดินไปยังมุมห้องเพื่อกดโทรศัพท์ออก พร้อมทั้งออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น “ไปเอาตัวขนมกับแป้งมาไว้ที่บ้านพัก!”
ผู้หญิงสองคนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเหลือ แถมยังทำให้เธอต้องมาแบกรับความผิดเอาไว้ ความโกรธแค้นเรื่องนี้เธอจะกลืนลงคอได้ยังไง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...